ถ้าเมื่อคืนใครที่อยู่ใน กทม. คงรู้ว่าหลายๆ ที่โดนพายุฝนถล่มในช่วงค่ำๆ เรียกว่าเลิกงาน เดินออกจากออฟฟิศ เงยหน้าขึ้นไปก็เจอกลุ่มเมฆทะมึนรอท่าแล้ว ผมเองก็ประสบชะตากรรมไม่แพ้กันครับ และพอคำนวณแล้วว่า คงไม่สามารถกลับบ้านได้ทันก่อนฝนจะตก และอาจจะต้องจบลงด้วยการนั่งฟังเพลงในรถไป (ซึ่งอยู่จอดตากฝนอยู่กับที่) เป็นชั่วโมงแน่ๆ

อย่ากระนั้นเลย จะพาตัวเองไปนั่งเหงาแบบนั้นทำไม ... เลี้ยวรถเข้าโรงหนังสิ วันนี้มีหนังฟอร์มยักษ์เข้าใหม่พอดี นี่แหละคือทางออกของชีวิต ... แต่พอนึกย้อนกลับไป บางทีการนั่งฟังเพลงคลอเสียงฝน พร้อมนึกถึงใครคนนั้น อาจจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่าก็ได้

ตัดภาพกลับมาอีกครั้ง ผมเดินออกจากเค้าเตอร์บ๊อกซ์ออฟฟิศพร้อมตั๋วหนังในมือ พร้อมคาดหวังประสบการณ์ความมันส์ระดับวินาศสันตะโรในช่วงระยะเวลา 2 ชั่วโมงกับอีก 30 นาทีกว่าๆ (ยังไม่รวมเวลาโฆษณา) เพราะผมกำลังจะได้ดู Transformers: The Last Knight

The last night ไม่ได้เกี่ยวกับว่า เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น แต่ The last knight ซึ่งใครไม่รู้แปลเป็นไทยว่า “อัศวินรุ่นสุดท้าย” คือการกลับมาหลอกแดรกตังค์เราครั้งที่ 5 ของตำนานหุ่นยนต์ตีกันที่แม่มเอาล่อเอาเถิดจนลำดับเรื่องไม่ถูกแล้ว

สารภาพว่า เอาจริงๆ ก็ไม่ได้คาดหวังอะไรจาก TLK เป็นพิเศษ เพราะยังไงนี่ก็เป็นหนังของ ไมเคิ่ล เบย์ ... พูดแบบนี้แฟนๆ น้าเบย์จะเคือง หนังไมเคิ่ล เบย์ แล้วไงฟะ? ไมเคิ่ล เบย์ ไม่เคยทำหนังดีๆ เลยเหรอรึไง? ดูหนังเป็นหรือเปล่า?

แหม มีสิครับ หนังดีๆ ของไมเคิ่ล เบย์ ก็อย่างเช่น ... เอ่อ ... ไอ้เรื่องนั่นน่ะ ... เอ่อ ช่างมันเถอะ แต่อย่างไรเสีย ผู้กำกับฉายาอาหลองแห่งฮอลีวู้ดก็หล่นวรรคทองที่เราเถียงไม่ขึ้นว่า ไม่ว่าคุณจะชอบหรือคุณจะชังหนังชุดนี้ คุณก็ต้องเสียตังให้มันอยู่ดี

หลังจากนี้สปอยเละเทะแล้วนะครับ ใครยังไม่ดูก็อ่านแค่นี้พอ
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
อ่ะ มา เริ่มเลยนะ

หลังจากดูไปไม่ยังครบชั่วโมงดี ผมก็รู้สึกขึ้นมาว่า ไอ้หนังชุดนี้ (ไม่ใช่แค่ภาคนี้นะ) เหมือนมันนึกอยากจะเล่าอะไรก็เล่า อยากจะโยงอะไรก็ใส่ๆ มันเข้ามา เหมือนโดเรม่อนตอนพิเศษที่ไปผจญภัยนู่นนี่มั่วไปหมด ปัญหาคือเส้นเรื่องก็ลักลั่นกันเองบ่อยๆ

TLK ภาคนี้เล่าต่อจากตอนจบของภาค 4 ที่พวกเอเลี่ยนต่างดาวจะมายึดโลก (หรืออะไรคล้ายๆ แบบนั้นแหละ) ออฟติมัส ไพร์ม ก็เลยเป็นฝ่ายเดินทางไปหาผู้สร้างบอกว่า อย่ามาแหยมกับดวงดาวที่เขาอพยพมาอาศัยอยู่ รู้บ้างว่าใครเป็นใคร ... เป็นใครละครับ!! โดนตบเกรียนแตกตั้งแต่ต้นเรื่อง

น้าออฟนี่เรียกว่าหมสภาพนักศึกษาเลยครับ เจอผู้สร้างหรือเจ๊ควินเทสซ่าตบยังกะเด็ก แถมยัง จอจาน สระอิ ตอเต่า (สะกดจิต) ให้อยู่ในอานัติ กลายเป็นเนเมซิส ไพร์ม นำทัพมาสูบพลังจากโลกให้ดาวไซเบอร์ตรอนอีกด้วย

ขณะเดียวกัน บนโลก ก็มีการเล่าถึงเรื่องของกลุ่มอัศวินจักรกลที่มาช่วยกษัตริย์อาเธอร์สู้กับกองทัพคนเถื่อนในเกาะอังกฤษเมื่อ 1,600 ปีก่อน แล้วหัวหน้าอัศวินก็ฝากคทาที่ทรงอานุภาพไว้กับลุงขี้เมาชื่อ เมอร์ลิน จนกลายมาเป็นตำนานอัศวินโต๊ะกลมนั่นแล ก็ผูกเรื่องกับแบบนี้เลยนะ

ตัดมายุคปัจจุบัน กระแสการต่อต้านเอเลี่ยนต่างดาวก็ยังร้อนแรง จนมีหน่วย TRF ย่อมาจากอะไรก็ช่างมันเถอะ ออกไล่ล่าเอเลี่ยนจักรกลอยู่ตลอดเวลา ส่วนพระเอกของเรา เหยด เครเกอร์ ... เอ้ย เคด เยเก้อร์ ก็ยังอยู่กับพวกหุ่นออโตบอทจากภาคที่แล้วนั่นแหละ อย่าไปไล่ชื่อมันเลย ไม่ต้องสนใจครับ

ทีนี้ เหตุการณ์ก็เริ่มแปลกๆ มีนอประหลาดโผล่ขึ้นมาหลายแห่งบนโลก ซึ่งเป็นสัญญาณว่าโลกจะถึงจุดจบ !!! (อีกแล้วเหรอวะ) และเนเมซิส ไพร์ม ก็นำดาวไซเบอร์ตรอนเข้ามาใกล้โลก จนมนุษยชาติเหลือเวลาอีกแค่ 3 วัน (ตอนนั่งดูนี่ ผมสงสัยมากว่า ไอ้ดาวไซเบอร์ตรอนห้านี่ มันไม่ได้ระเบิดไปในภาค Dark of the Moon แล้วเหรอวะ จนกลับบ้านมานั่งเปิดภาคที่ว่าดูเพื่อให้หายสงสัย ... ซึ่งมันก็ระเบิดจริงๆ แต่ไม่แตกดับไปทั้งใบ ก็อาจจะแถว่ายังเหลืออยู่บ้างก็คงพอได้)

ทางรอดคือ การนำคทามาไว้ในมือไม่ให้ควินเทสซ่าได้ครอบครองมัน เพื่อใช้เป็นกุญแจในการสูบพลังของโลกไปฟื้นฟูไซเบอร์ตรอน ซึ่งไอ้คทาที่ว่านี่มี DNA ของเมอร์ลินอยู่และมีเพียงทายาทของเมอร์ลินที่จะใช้พลังของมันได้ ก็ให้บังเอิญว่าทายาทคนเดียวที่เหลืออยู่คือ นางเอกของเรานั่นเอง
ทีนี้ก็เลยเกิดการไล่ล่ากันระหว่างบรรดาคนที่ต้องการคทา ซึ่งก็มั่วอีรุงตุงนังไปหมด

น้องอิซเบลล่า ที่สะกดด้วยตัว ซ ก็เหมือนจะมีบท แต่ไม่มี ... และจริงๆ ไม่ต้องมีก็ได้ ไม่รู้ใครฝากมาให้เล่นหรือเปล่า มาโผล่อยู่หลายฉาก แต่ไม่ได้มีประโยชน์ต่อเรื่องอะไรมากมายเท่าไหร่ ส่วนหุ่นเวสป้าที่พิกลพิการอยู่ก็มาเพื่อทำลายป้อมปืนอย่างเดียวจริงๆ

ฝ่ายมนุษย์ก็งงๆ ไม่รู้ว่าเลนนอกซ์จะมาฝังตัวใน TRF ไล่ล่าหุ่นทำไม ... จนจบก็ไม่รู้ว่าเฮียแกมาทำอะไรในหน่วยนี้ ไม่รู้ว่าจะเอายังไงแน่ จะล่าหุ่นหรือจะช่วยหุ่นกันแน่ ... ไปๆ มาๆ ก็เผือกอยากได้คทาอีก (ซึ่งตัวมันเองก็ยังไม่รู้ว่าจะเอามาทำไม) จนต้องไปเจรจากับเมกะตรอนเพื่อไปสู้กับออโตบอทแย่งของมา

พูดถึงเหล่าพวกดีเซปติค่อนที่ปล่อยมาแต่ละตัว ... เปิดหัวอย่างเท่ ว่าโหดสาสรัสเซียงู้นงี้ แต่ขอโทษออกมาไม่พ้น 5 นาทีก็เละเป็นซาก แบบยังไม่ทันได้*จำชื่อเลย ไม่รู้จะปล่อยออกมาให้เสียเวลาทำไมเหมือนกัน คือผมนั่งดูไปเรื่อยๆ ก็พบว่า หนังเป็นเจ้าของช่วงเวลา what the f*ck เต็มไปหมด

ที่อยู่ของคทานี่ตอนแรกนึกว่าจะเกี่ยวกับ สร้อยที่นางเอกไปเล่นสมัยเด็กๆ แล้วพ่อบอกว่าอย่างยุ่ง ... เอ้า พ่อสันขวานหมาจำเริญ ไม่เกี่ยวเฮียอะไรเลยครับ ไม่รู้จะใส่ซีนนี้มาทำไม กลายเป็นต้องไปขึ้นเรือดำน้ำ ลงไปหายานอวกาศสมัยดึกดำบรรพ์อะไรก็ไม่รู้

ว่าถึงเนเมซิส ไพร์ม บทจะมาก็มา โผล่มาอย่างโหด กระทืบบัมเบิ้ลบีโดยไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหม ดุเดือดแบบในเทรลเลอร์เป๊ะเลยครับ นี่น่าจะเป็นซีนที่ดีที่สุดของหนังแล้วก็ได้ ... แต่ ... ฉากนี้ดันโดนทำลายย่อยยับด้วย ... การที่อยู่ๆ พี่เหลืองแกพูดได้ แล้วทำให้น้าออฟได้สติ ...

เฮ้ยยยยยยยย บทเมิงจะดีกัน ก็เอาง่ายๆ แบบนี้เลยเหรอ แล้วนังบี ตูจำได้ ครึ่งชั่วโมงก่อน เอ็งเพิ่งโยนกล่องเสียงอันใหม่ทิ้งไป แล้วทะลึ่งพูดได้ไง หรืออยู่ๆ พอกำลังจะตายก็เลยพูดได้ ... อย่างนี้ก็ได้สินะ หรือมันเป็นพลังมิตรภาพของการ์ตูนโชเน็น

ยังไม่รวมอีกหลายความมึนงงของหนัง เช่น ไอ้คทานี่มันวิเศษณ์ยังไงแย่งกันชิพหายวายป่วง หรือ ถ้ามันวิเศษณ์ตามที่โม้จริงๆ แล้วพวกหุ่นอัศวินก็มาฝากไว้กับชาวโลกเนี่ยนะ หรือ อยู่ๆ โลกก็กลายเป็นยูนิโคล่ ... ยูนิครอน !! แล้วพวกน้าจะมาหว่านเมล็ดอะไรกันตั้งแต่ยุคไดโนเสาร์ (เนื้อเรื่องภาคที่แล้ว) หรือ พวกไดโนบอทอยู่ๆ ก็หายไปเลย หรือ ทำไมดีเซปติค่อนกากเป็ดขนาดนั้น รวมไปถึงเจ้ควินที่บทจะตายก็ง่ายเหลือเกิน... และท่านหลอดเมกะทรอนที่โดนถีบหายไปก่อนจะจบเรื่อง

ปัญหาของ TLK คือการเลือกที่จะเทบทไปหาฝรั่งมนุษย์มากเกินไป แล้วเนื้อเรื่องของฝั่งมนุษย์ก็ไม่สนุก มีแต่การต่อปากต่อคำที่เหมือนจะดีแต่ไม่ดี มุกที่ตั้งใจให้ฮา แต่ดีที่สุดคือทำให้ยิ้มบางๆ ที่มุมปาก หลักการเลือกอัศวินคนสุดท้ายด้วยเหตุผลที่ว่า ไม่ได้ซั่มใครมานาน ... เอิ่ม งี้เลยเหรอ

บทของท่านเซอร์แอนโทนี่ ฮอปกิ้น ที่ดูแสนรู้ไปหมด แต่ไปสดกับดีเซปติค่อนให้โดนยิงเป็นลูกขนุนทำไมฮะ (ท่านเซอร์นี้ หลังๆ ออกมาบทไหนก็ดูแกเหมือนฮันนิบาลไปหมด หน้าแกโรคจิตได้ใจจริงๆ) หน่วยทหารที่โกรธแค้นหุ่นยนต์มาก โดนพระเอกกล่อมทีเดียวก็กลับใจเลย แล้วซิมม่อนส์มาทำไม แล้วพี่นักฟิสิกส์ที่เหมือนจะฉลาดนั่นอีก

พอจะหันไปขยี้ดราม่าฝั่งหุ่น ก็อย่างที่ว่าไปข้างบน ซัดกันไม่ถึง 5 นาทีก็จับมือพร่องดองกันแล้ว แล้วดันเอาไปโปรโมทเสียดิบดีว่า ภาคนี้จะเป็นห้ำหั่นกันระหว่างสหายรัก ... กลายเป็นเราโดนดักควายกันเต็มๆ ... จริงๆ ถ้าบอกว่า "save Sam" น้ำตาจะไหลกันทั้งโรงแน่ๆ

สุดท้ายก็อยากฝากเคล็ดลับไว้ว่า การจะดู The last knight ให้สนุกคือ อย่าไปสนใจว่าเบย์เล่าอะไรให้คุณฟัง อย่าถาม อย่าสงสัย มีอะไรโผล่มาให้ดูก็ดูๆไป เดี๋ยวจะเอนจอยกับมันได้เอง ... หวังว่านะครับ

แต่ข้อเสียอย่างสุดท้ายของมันคือ นี่ยังไม่ได้ the last movie ของ Transformers น่ะสิ