“รวยแล้วเมื่อไหร่จะพอ” คงเป็นประโยคที่หลาย ๆ คนอยากจะถามมหาเศรษฐีอันดับต้นๆของเมืองไทย เพราะผมเองก็เป็นอีกคนหนึ่งที่มีคำถามนี้อยู่ในใจมานาน พอมีโอกาสผมเลยไม่พลาดที่ถามเจ้าสัว (ท่านหนึ่ง)
ผม : ขอถามคำแรกเลยนะครับ “รวยแล้วเมื่อไหร่จะพอ”
เจ้าสัว : ผมทำงานก็ไม่ได้ต้องการแค่ความรวยอย่างเดียวหรอกนะ แต่ผมสนุกกับการทำงานแล้วสำเร็จ ผมจะคิดอยู่ตลอดว่าจะทำยังไงที่จะให้งานมันประสบความสำเร็จ มีหลายครั้งที่ผมต้องเจอกับโจทย์ยากๆ แล้วไอ้โจทย์ที่มันยากนี่แหละทำให้ผมมานั่งคิดว่า เอ๊ะ!! แล้วจะทำยังไงให้งานมันสำเร็จล่ะ แน่นอนว่าสิ่งที่ผมตระหนักได้สิ่งแรก ๆ คือผมจะทำเองทุกเรื่องคนเดียวไม่ได้หรอก เพราะเคยลองทำเองหลายๆครั้ง หลายๆเรื่องแล้วผลออกมาไม่สำเร็จ ฉะนั้น "เข็มทิศ" ในการทำงานให้ประสบความสำเร็จของผมคือ "
การนำคนเก่งมาทำ"
แต่การนำคนเก่งมาทำ สิ่งหนึ่งที่มักจะมีคำถามจากพวกเขาคือ...วัดความสำเร็จยังไง?
ดังนั้นในทุก ๆ วัน เราต้องคุยกันว่าจะทำเรื่องยาก ๆ ให้มันสำเร็จได้ยังไง ส่วนเรื่องความรวยมันจะตามคุณมาเองเมื่องานสำเร็จ เพราะฉะนั้นที่นี่ จึงทำงานกันแบบมืออาชีพ ต้องใช้มืออาชีพ (
Professional) มาทำงาน ต่อให้องค์กรต้องเปลี่ยนผู้บริหารยกเซ็ต ก็ยังไปต่อได้ เพราะองค์กรนี้ไม่ได้อยู่ด้วยการพึ่งพาคนบางคน แต่เราอยู่ด้วยความเป็นมืออาชีพ และทำงานแบบมีเป้าหมายสู่ความสำเร็จ
ผม : แล้วเคยไม่ประสบความสำเร็จบ้างหรือไม่
เจ้าสัว : มันก็เป็นเรื่องแปลกอย่างหนึ่งที่คนเรามักจะเอาแต่เรื่องสำเร็จมาเล่าให้คนอื่นฟัง แต่คุณรู้ไหมว่าสถิติความสำเร็จกับความล้มเหลวของผมแทบจะไม่ต่างกันเลย แต่ทุกครั้งที่ต้องสู้เพื่อให้สำเร็จ ที่หลายคนคิดว่าทำไมรวยแล้วไม่เลิก ทำไมรวยแล้วยังไม่พอ นั่นก็เพราะว่าสิ่งที่ทำเสร็จต้องนำมา Cover ต้นทุนให้กับสิ่งที่ทำไม่สำเร็จด้วย เพราะฉะนั่นถ้าอยากจะทำสิ่งใหม่อีกเรื่อยๆ ก็ต้องมั่นใจได้ว่ายังมีงานที่ทำสำเร็จควบคู่ไปด้วยกัน สิ่งเหล่านี้ทำให้หยุดไม่ได้ ถ้ายังอยากจะสร้างคุณค่าอย่างต่อเนื่อง
เจ้าสัว : กลับมาที่คำถาม “
รวยแล้วไม่เลิก รวยแล้วยังไม่พอ” ก็ต้องตอบว่าถ้าพอเมื่อไหร่ ก็เท่ากับการหมดโอกาสที่จะนำผลกำไรมาสร้างคุณค่าให้กับส่วนงานที่ไม่ได้สร้างกำไร แต่สร้างคุณค่าหรือที่เรามักเรียกว่า
Social Impact นั่นคือการสร้างคุณค่าให้สังคม ให้สิ่งแวดล้อมที่เราอยู่
เมื่อฟังจบ มันก็ทำให้ผมคิดได้ว่า คนเราไม่ควรหลงระเริงกับความสำเร็จ และคิดว่าความสำเร็จจะอยู่ยั่งยืนกับเราตลอดกาล อย่างหลาย ๆ คนที่ทำงานรวยแล้วก็เลิก เก็บเงินไว้ไปใช้ในบั้นปลายชีวิต แต่นั่นคงไม่เกิดขึ้นกับเจ้าสัวท่านนี้อย่างแน่นอน
ผมเองก็ยังไม่รู้ว่าคำตอบนี้จะตรงใจทุกคนหรือไม่ แต่สิ่งที่ผมได้ยินมาทำให้ผม "เชื่อ" จึงอยากจะเล่าให้ทุกคนฟัง
...มาวิน...
กับคำถามคาใจ...รวยแล้วเมื่อไหร่จะพอ??
ผม : ขอถามคำแรกเลยนะครับ “รวยแล้วเมื่อไหร่จะพอ”
เจ้าสัว : ผมทำงานก็ไม่ได้ต้องการแค่ความรวยอย่างเดียวหรอกนะ แต่ผมสนุกกับการทำงานแล้วสำเร็จ ผมจะคิดอยู่ตลอดว่าจะทำยังไงที่จะให้งานมันประสบความสำเร็จ มีหลายครั้งที่ผมต้องเจอกับโจทย์ยากๆ แล้วไอ้โจทย์ที่มันยากนี่แหละทำให้ผมมานั่งคิดว่า เอ๊ะ!! แล้วจะทำยังไงให้งานมันสำเร็จล่ะ แน่นอนว่าสิ่งที่ผมตระหนักได้สิ่งแรก ๆ คือผมจะทำเองทุกเรื่องคนเดียวไม่ได้หรอก เพราะเคยลองทำเองหลายๆครั้ง หลายๆเรื่องแล้วผลออกมาไม่สำเร็จ ฉะนั้น "เข็มทิศ" ในการทำงานให้ประสบความสำเร็จของผมคือ "การนำคนเก่งมาทำ"
ดังนั้นในทุก ๆ วัน เราต้องคุยกันว่าจะทำเรื่องยาก ๆ ให้มันสำเร็จได้ยังไง ส่วนเรื่องความรวยมันจะตามคุณมาเองเมื่องานสำเร็จ เพราะฉะนั้นที่นี่ จึงทำงานกันแบบมืออาชีพ ต้องใช้มืออาชีพ (Professional) มาทำงาน ต่อให้องค์กรต้องเปลี่ยนผู้บริหารยกเซ็ต ก็ยังไปต่อได้ เพราะองค์กรนี้ไม่ได้อยู่ด้วยการพึ่งพาคนบางคน แต่เราอยู่ด้วยความเป็นมืออาชีพ และทำงานแบบมีเป้าหมายสู่ความสำเร็จ
ผม : แล้วเคยไม่ประสบความสำเร็จบ้างหรือไม่
เจ้าสัว : มันก็เป็นเรื่องแปลกอย่างหนึ่งที่คนเรามักจะเอาแต่เรื่องสำเร็จมาเล่าให้คนอื่นฟัง แต่คุณรู้ไหมว่าสถิติความสำเร็จกับความล้มเหลวของผมแทบจะไม่ต่างกันเลย แต่ทุกครั้งที่ต้องสู้เพื่อให้สำเร็จ ที่หลายคนคิดว่าทำไมรวยแล้วไม่เลิก ทำไมรวยแล้วยังไม่พอ นั่นก็เพราะว่าสิ่งที่ทำเสร็จต้องนำมา Cover ต้นทุนให้กับสิ่งที่ทำไม่สำเร็จด้วย เพราะฉะนั่นถ้าอยากจะทำสิ่งใหม่อีกเรื่อยๆ ก็ต้องมั่นใจได้ว่ายังมีงานที่ทำสำเร็จควบคู่ไปด้วยกัน สิ่งเหล่านี้ทำให้หยุดไม่ได้ ถ้ายังอยากจะสร้างคุณค่าอย่างต่อเนื่อง
เจ้าสัว : กลับมาที่คำถาม “รวยแล้วไม่เลิก รวยแล้วยังไม่พอ” ก็ต้องตอบว่าถ้าพอเมื่อไหร่ ก็เท่ากับการหมดโอกาสที่จะนำผลกำไรมาสร้างคุณค่าให้กับส่วนงานที่ไม่ได้สร้างกำไร แต่สร้างคุณค่าหรือที่เรามักเรียกว่า Social Impact นั่นคือการสร้างคุณค่าให้สังคม ให้สิ่งแวดล้อมที่เราอยู่
เมื่อฟังจบ มันก็ทำให้ผมคิดได้ว่า คนเราไม่ควรหลงระเริงกับความสำเร็จ และคิดว่าความสำเร็จจะอยู่ยั่งยืนกับเราตลอดกาล อย่างหลาย ๆ คนที่ทำงานรวยแล้วก็เลิก เก็บเงินไว้ไปใช้ในบั้นปลายชีวิต แต่นั่นคงไม่เกิดขึ้นกับเจ้าสัวท่านนี้อย่างแน่นอน
ผมเองก็ยังไม่รู้ว่าคำตอบนี้จะตรงใจทุกคนหรือไม่ แต่สิ่งที่ผมได้ยินมาทำให้ผม "เชื่อ" จึงอยากจะเล่าให้ทุกคนฟัง