สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 25
เราเคยตอบว่า เพราะเราเป็นแฟนของบริษัทคุณค่ะ (บริษัทที่เราไปสมัครเป็นเครื่องเขียนแบรนด์โปรดของเรา)
แล้วก็ยกเหตุการณ์ประกอบว่า ครั้งหนึ่งเราเคยทำน้ำหกใส่สมุดของบริษัทนี้ เลยรีบเอาผ้าลูบน้ำออก
ปรากฏว่ากระดาษไม่เปื่อย ไม่เป็นขุย งานที่จดไว้ยังอยู่ครบ เราประทับใจมากจนบอกให้เพื่อนๆและคนรอบตัวรู้
แต่เกือบทุกคนมักจะบอกว่าราคาแพง เราเลยอยากจะทำให้คนอื่นรู้ว่าของราคาสูง แต่คุณภาพก็สมราคาจริงๆ
เรามาสมัครงานนี้เพราะเราอยากจะทำงานกับผลิตภัณฑ์ที่เรารัก เราเชื่อว่าการเริ่มต้นทำอะไรสักอย่าง
ด้วยความชอบจะทำให้เราทำได้ดี และเป้าหมายของบริษัทนี้คือการมาเปิดตลาดที่ไทย ซึ่งนั่นก็คือสิ่งที่เราอยากทำเช่นกัน
สรุปว่าเราก็ได้งานนั้นจริงๆ และก็มีความสุขกับการทำงานในบริษัทนั้นด้วย
แล้วก็ยกเหตุการณ์ประกอบว่า ครั้งหนึ่งเราเคยทำน้ำหกใส่สมุดของบริษัทนี้ เลยรีบเอาผ้าลูบน้ำออก
ปรากฏว่ากระดาษไม่เปื่อย ไม่เป็นขุย งานที่จดไว้ยังอยู่ครบ เราประทับใจมากจนบอกให้เพื่อนๆและคนรอบตัวรู้
แต่เกือบทุกคนมักจะบอกว่าราคาแพง เราเลยอยากจะทำให้คนอื่นรู้ว่าของราคาสูง แต่คุณภาพก็สมราคาจริงๆ
เรามาสมัครงานนี้เพราะเราอยากจะทำงานกับผลิตภัณฑ์ที่เรารัก เราเชื่อว่าการเริ่มต้นทำอะไรสักอย่าง
ด้วยความชอบจะทำให้เราทำได้ดี และเป้าหมายของบริษัทนี้คือการมาเปิดตลาดที่ไทย ซึ่งนั่นก็คือสิ่งที่เราอยากทำเช่นกัน
สรุปว่าเราก็ได้งานนั้นจริงๆ และก็มีความสุขกับการทำงานในบริษัทนั้นด้วย
ความคิดเห็นที่ 5
เราเคยตอบตอนสัมภาษณ์งานว่า ถ้าคุณอ่านresumeดิฉัน คุณจะตั้งคำถามใหม่ว่า ดิฉันจะเริ่มงานกับบริษัทนี้ได้เลยไหม ^^ อดีตเจ้านายจ้องหน้าเรา แล้วพูดขึ้นว่า นั่นสินะ คุณจะเริ่มงานกับเราได้เร็วที่สุดเมื่อไหร่ และเราก็ได้งานบริษัทนี้ค่ะ เคยตอบแบบเรียบๆแล้วไม่เวิร์ค วันนั้นเลยลองมั่นใจตอบเว่อร์ๆไป คล้ายๆว่าขอคำตอบตอนนั้นเลย รับเลยไหมคะ ^^
ความคิดเห็นที่ 48
เข้ามาตอบในฐานะที่เป็นคนสัมภาษณ์งานมาเป็น 10 ปีนะคะ ไม่ได้เป็น HR ดังนั้นอาจจะไม่มีหลักการอะไรจริงจัง แต่เป็นคนตัดสินใจว่าจะรับ หรือไม่รับใครได้เลยในการสัมภาษณ์ครั้งนั้น บอกเลยว่าการตัดสินใจรับคนเข้าทำงานด้วยการพูดคุย 20-30 นาที เป็นเรื่องยากมาก เพราะทุกคนล้วนเตรียมตัวมาอย่างดีแล้วทั้งนั้น ส่วนตัวไม่เคยใช้คำถามนี้ " เหตุผลอะไรที่ทำให้บริษัทเรารับคุณเข้าทำงาน? " ในการถาม เพราะรู้สึกว่ามันเป็นนามธรรมเกินไป คนตอบก็ตอบยาก คนถามก็ไม่รู้ว่าสิ่งที่ตอบจะจริงไหม หรือแค่ราคาคุย
เวลาเราสัมภาษณ์ เราจะถามเขาในส่วนของทักษะงานส่วนหนึ่ง ทัศนคติของผู้สมัครส่วนหนึ่ง สังเกตุพฤติกรรมในขณะพูดคุยผ่อนคลายอีกส่วนหนึ่ง
แต่คนที่เราเลือก มันจะมีประกายอะไรบางอย่างแว้บเข้ามา ทำให้เรารู้สึกว่าคนๆ นี้มันใช่ มันไม่มีแบบแผนที่แน่นอน ไม่มีคำตอบที่เหมือนท่องมา มันเป็นตัวเขาเอง และแน่นอนว่าเราฟังแล้ววิเคราะห์ได้ว่าสิ่งที่เป็นเขานั้นมันส่งผลดีต่อองค์กรของเรา
ถ้าถามว่าเคยเลือกผิดไหม เคยค่ะ บ่อยไปที่ประเมินผิดไป จนบางทีตกใจว่าตอนสัมภาษณ์กับตอนนี้มันคนเดียวกันหรือเนี่ย ถึงบบอกว่ามันยากที่จะประเมินจริงๆ
เอาเป็นว่าแนะนำในส่วนที่อย่าทำดีกว่านะคะ จะบอกว่าผู้สมัครแบบไหนที่เราไม่คิดจะรับเลย อันนี้ คหสต.นะคะ แบ่งปันเฉยๆ อาจไม่ใช่หลักการอะไร
1. มาช้ากว่าเวลานัดหมาย (อันนี้ชัดเจน ไม่ควรทำ)
2. แต่งกายไม่เหมาะสม ยีนส์ ผ้าใบ เสื้อคอกลม ไม่เอาเลย (ผู้หญิงไม่ควรใส่กางเกงนะคะ แม้จะกางเกงสุภาพ จริงๆ อาจจะมองว่าวยุคไหนแล้ว แต่มันทำให้รู้สึกว่าให้เกียรติมากกว่าถ้าแต่งตัวดีๆ)
3. ถามถึงเรื่องวันหยุด (555 ยังไม่ทันมาทำเลย ถามหาวันหยุดซะละ แต่เรื่องรายได้ถามได้นะคะ ยินดีตอบ คนมาทำงานก็อยากรู้เงินเดือนทั้งนั้น)
4. พูดเรื่องตัวเองมากไป คุยแต่เรื่องของตัวเอง อวดอ้างสรรพคุณตัวเองจนดูเยอะไป ส่วนตัวมองว่าเขาอาจจะร่วมงานกับคนอื่นลำบาก
5. ตำหนิที่ทำงานเก่า เพื่อนร่วมงานเก่า เจ้านายเก่า (อันนี้กลัวต่อไปเขาเอาเราไปนินทา)
ยาวไปหน่อย แต่หวังว่าจะมีประโยชน์สำหรับ จขกท. นะคะ ขอให้โชคดีในการสมัครงานค่ะ
เวลาเราสัมภาษณ์ เราจะถามเขาในส่วนของทักษะงานส่วนหนึ่ง ทัศนคติของผู้สมัครส่วนหนึ่ง สังเกตุพฤติกรรมในขณะพูดคุยผ่อนคลายอีกส่วนหนึ่ง
แต่คนที่เราเลือก มันจะมีประกายอะไรบางอย่างแว้บเข้ามา ทำให้เรารู้สึกว่าคนๆ นี้มันใช่ มันไม่มีแบบแผนที่แน่นอน ไม่มีคำตอบที่เหมือนท่องมา มันเป็นตัวเขาเอง และแน่นอนว่าเราฟังแล้ววิเคราะห์ได้ว่าสิ่งที่เป็นเขานั้นมันส่งผลดีต่อองค์กรของเรา
ถ้าถามว่าเคยเลือกผิดไหม เคยค่ะ บ่อยไปที่ประเมินผิดไป จนบางทีตกใจว่าตอนสัมภาษณ์กับตอนนี้มันคนเดียวกันหรือเนี่ย ถึงบบอกว่ามันยากที่จะประเมินจริงๆ
เอาเป็นว่าแนะนำในส่วนที่อย่าทำดีกว่านะคะ จะบอกว่าผู้สมัครแบบไหนที่เราไม่คิดจะรับเลย อันนี้ คหสต.นะคะ แบ่งปันเฉยๆ อาจไม่ใช่หลักการอะไร
1. มาช้ากว่าเวลานัดหมาย (อันนี้ชัดเจน ไม่ควรทำ)
2. แต่งกายไม่เหมาะสม ยีนส์ ผ้าใบ เสื้อคอกลม ไม่เอาเลย (ผู้หญิงไม่ควรใส่กางเกงนะคะ แม้จะกางเกงสุภาพ จริงๆ อาจจะมองว่าวยุคไหนแล้ว แต่มันทำให้รู้สึกว่าให้เกียรติมากกว่าถ้าแต่งตัวดีๆ)
3. ถามถึงเรื่องวันหยุด (555 ยังไม่ทันมาทำเลย ถามหาวันหยุดซะละ แต่เรื่องรายได้ถามได้นะคะ ยินดีตอบ คนมาทำงานก็อยากรู้เงินเดือนทั้งนั้น)
4. พูดเรื่องตัวเองมากไป คุยแต่เรื่องของตัวเอง อวดอ้างสรรพคุณตัวเองจนดูเยอะไป ส่วนตัวมองว่าเขาอาจจะร่วมงานกับคนอื่นลำบาก
5. ตำหนิที่ทำงานเก่า เพื่อนร่วมงานเก่า เจ้านายเก่า (อันนี้กลัวต่อไปเขาเอาเราไปนินทา)
ยาวไปหน่อย แต่หวังว่าจะมีประโยชน์สำหรับ จขกท. นะคะ ขอให้โชคดีในการสมัครงานค่ะ
ความคิดเห็นที่ 7
ผู้จัดการเงินเดือนมากกว่าผม 2 เท่า
ทุกชั่วโมงที่ผมทำงานแทนผู้จัดการได้ บริษัทจะประหยัดเงินเท่าหนึ่ง
ผมทำครึ่งเดือน ก็เท่ากับบริษัทไม่ต้องเสียเงินจ้างผมเลย
เวลาที่ผู้จัดการว่างลง สามารถไปทำงานในระดับที่สูงขึ้น
ซึ่งจะทำให้บริษัทจะได้ประโยชน์มากขึ้น โดยจ่ายค่าแรงเท่าเดิมอีกด้วย
แต่ไม่ใช่ทุกคน ที่จะทำให้ผู้จัดการมีเวลาว่างพอที่จะทำงานบริหารได้
บางคนทำให้ผู้จัดการต้องมาตรวจงาน แก้งาน สอนงานหรือทำงานนั้นด้วยตนเอง
นอกจากจะไม่ช่วยให้บริษัทประหยัดเงินแล้ว บริษัทยังต้องขาดทุน
เพราะผู้จัดการเงินเดือนสูง แต่มาทำงานระดับปฎิบัติงานเงินเดือนต่ำ
เลือกผมทำงาน ผมจะแสดงให้เห็นว่า งานหลาย ๆ อย่างผู้จัดการไม่จำเป็นต้องทำเอง
ทุกชั่วโมงที่ผมทำงานแทนผู้จัดการได้ บริษัทจะประหยัดเงินเท่าหนึ่ง
ผมทำครึ่งเดือน ก็เท่ากับบริษัทไม่ต้องเสียเงินจ้างผมเลย
เวลาที่ผู้จัดการว่างลง สามารถไปทำงานในระดับที่สูงขึ้น
ซึ่งจะทำให้บริษัทจะได้ประโยชน์มากขึ้น โดยจ่ายค่าแรงเท่าเดิมอีกด้วย
แต่ไม่ใช่ทุกคน ที่จะทำให้ผู้จัดการมีเวลาว่างพอที่จะทำงานบริหารได้
บางคนทำให้ผู้จัดการต้องมาตรวจงาน แก้งาน สอนงานหรือทำงานนั้นด้วยตนเอง
นอกจากจะไม่ช่วยให้บริษัทประหยัดเงินแล้ว บริษัทยังต้องขาดทุน
เพราะผู้จัดการเงินเดือนสูง แต่มาทำงานระดับปฎิบัติงานเงินเดือนต่ำ
เลือกผมทำงาน ผมจะแสดงให้เห็นว่า งานหลาย ๆ อย่างผู้จัดการไม่จำเป็นต้องทำเอง
แสดงความคิดเห็น
ถ้าสอบสัมภาษณ์งานแล้วเจอคำถามว่า " เหตุผลอะไรที่ทำให้บริษัทเรารับคุณเข้าทำงาน? " จะตอบกันว่ายังไงคะ
เรากำลังจะสมัครงาน เลยคิดคำถามขึ้นเล่นๆ ว่าถ้าเจอคำถามนี้ตอนสัมภาษณ์งาน จะตอบเขายังไงให้ดูดี
ขอบคุณค่ะ