จากกรณีที่สภานิสิตจุฬาฯ ออกประกาศสิทธิการรับน้องให้เคารพสิทธิมนุษยชน โดยเกิดข้อถกเถียงในวงแถลง ระหว่างนายเนติวิทย์ โชติภัทรไพศาล ประธานสภานิสิตจุฬาฯ และตัวแทนคณะศิลปกรรมศาสตร์ จุฬาฯ โดยมีการพูดถึงการรับน้องของคณะศิลปกรรมศาสตร์
จากนั้นอาจารย์ประจำคณะศิลปศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยท่านหนึ่งโพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า
โดยนายเนติวิทย์ โต้กลับว่า “รับน้องรุนแรง/บังคับส่วนหนึ่งที่อยู่ได้จากการได้ไปสำรวจบางคณะในจุฬาฯ
ไม่ใช่แค่ตัวรุ่นพี่ที่มีปัญหาหรอก แต่ตัวอาจารย์นี่แหละที่อยากให้อะไรๆเหมือนที่ตนเองโดนมา จะได้คุมเด็กได้ เหมือนฝูงสัตว์ไม่ใช่นิสิตที่มีความคิดของตน”
ภายหลังโพสต์ดังกล่าวของอาจารย์ไม่สามารถเข้าถึงได้ทางสาธารณะ ล่าสุดนายเนติวิทย์ จึงโพสต์ผ่านเพจเฟซบุ๊ก Netiwit Ntw ว่า
“ท่านอาจารย์แห่งคณะสินกัม ซึ่งได้โพสข้อความอันน่าสนใจ ตอนนี้โพส นั้นของท่านเราไม่สามารถเข้าถึงได้อีกแล้ว ใครมาไม่ทันให้ดูโพสข้างล่างของผม ชาวเฟซบุ๊กได้เข้าไปร่วมแสดงความเห็นในโพสนั้นเป็นร้อย ไม่รู้ลบไปหรือตั้งค่าเฉพาะเพื่อน ท่านจะโพสในเฟซท่านว่าอย่างไรต่อหนอสรุปว่า แมวพิมพ์หรือเปล่า
ยังไงก็ดี จากกรณีนี้น่าจะทำให้เราเห็นภาพรวมที่กว้างกว่าไปมองที่ตัวนิสิต นั่นคือ อาจารย์นี่แหละตัวค้ำจุนระบบโซตัส จากการที่ผมได้ไปพูดคุยทั้งทางตรงกับในเฟซของคณะต่างๆในจุฬาฯ หลายคณะที่ยังมีการเคร่งครัดระเบียบอาวุโสหรือยังมีระบบกดดันน้องใหม่นั้น เขาไม่ได้อยากจะทำเลย เขาเป็นคนรุ่นใหม่ที่อยากจะได้อะไรใหม่จริงๆ แต่อาจารย์บอกว่ายังอยากให้มี เหมือนสมัยที่อาจารย์ยังมีอยู่ อาจารย์จะไม่ให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรมต่างๆ เรื่องห้องประชุมจะขอยาก งบประมาณอาจจะถูกตัด ถ้าไม่ทำตามที่อาจารย์เสนอ นิสิตก็ไม่กล้าแย้ง อันนี้หลายคณะสารภาพว่า อุปสรรคการเปลียนแปลงมันอยู่ตรงนี้ ไม่ใช่เขา
ผมก็เห็นใจ แต่นั่นแหละครับ ถ้าเราผู้จัดกิจกรรมคิดถึงรุ่นน้องอย่างมีโลกที่กว้าง เราจะเห็นว่าการเชื่อฟังครูอาจารย์แบบนั้นเป็นการบ่อนทำลายทั้งตัวเราเองที่ยินยอมเชื่ออะไรที่ตนเองก็รู้ว่ามันรุนแรงมันกดขี่ความเป็นมนุษย์ ทำลายน้องทั้งที่เรารู้ว่าระบบแบบนี้มันไม่เวิร์คกับเด็กรุ่นใหม่ ทำลายทั้งความคิดสร้างสรรค์ของเราและของคณะอีกด้วย ถ้ารู้แล้ว เราก็ต้องกล้าพูด ถ้าไม่กล้าพูด ก็ส่งเรื่องมาที่ผมก็ได้แล้วเรามาพูดพร้อมๆกันก็ได้ เราต้องช่วยกันเปล่งเสียงว่า เราไม่โอเคแล้วกับระบบนี้ โลกของคนรุ่นใหม่จะไม่เอาตามแบบนี้แล้ว ผมว่าเราทำได้ถ้าเรากล้าที่จะเริ่ม ปัญหาของประเทศเราที่เป็นทุกวันนี้ ไม่ว่าจะการเมืองหรือการศึกษาส่วนหนึ่งเพราะเรากลัว ถ้าเราคิดว่าตนเป็นบุคคลที่ได้รับการศึกษาดีแล้ว และมีความรับผิดชอบแล้ว การพิสูจน์อย่างหนึ่งก็คือการกล้าที่จะพูดในสิ่งที่ตนเชื่อในสิ่งที่มีความหมายกับตนเองและคนอื่นๆออกมา
สภานิสิตจุฬาฯ ทำอะไรได้บ้างไหม? ตัวคำประกาศสิทธิการรับน้อง จะกระจายไปให้นิสิตใหม่ทุกคน และนิสิตใหม่ทุกคนจะได้รับการปกป้องคุ้มครองซึ่งเป็นสิทธิที่พึงมี และนิสิตใหม่เองก็ต้องรู้ว่า ปัญหาของการรับน้องรุนแรงเป็นปัญหาที่เรื้อรังไม่เปลี่ยนในหลายแห่งก็เพราะความกลัว มันไม่แค่เรื่องนี้แต่อีกหลายเรื่อง พวกคุณต้องกล้าที่จะท้าทายความไม่ถูกต้อง การกดขี่พวกคุณ โรงเรียนทำให้คุณกลัวครู คุณชอบไหม มันกดคุณใช่ไหม เหมือนรุ่นพี่ที่จัดกิจกรรมถูกสะกดให้กลัวแม้จะจบมัธยมมาแล้ว คุณต้องไม่กลัวอีก กับรุ่นพี่และคนที่ไร้เหตุผลไม่ว่าเขาจะมียศเป็นอะไร มันมีทางเดียวทางนี้เท่านั้นที่ยั่งยืน
และไม่ว่าที่ไหนๆก็ตามผมเน้นย้ำอีกที จะในจุฬาฯหรือมหาลัยอื่นๆ
ถ้าไม่กล้าจะพูด ผมว่าโอกาสตอนนี้แหละที่ควรจะพูด
ผมพร้อมยินดีช่วยถ้าสามารถทำอะไรได้บ้าง
คนรุ่นใหม่จะเป็นคนรุ่นใหม่จริงๆได้ก็ต่อเมื่อเรากล้าที่จะเป็นคนรุ่นใหม่จริงๆ”
https://www.matichon.co.th/news/583603
........................................................
ผมอ่านสำนวนสำเนียงแล้ว ถ้าไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นระดับอาจารย์จุฬา
ผมคงนึกว่าเด็กเกรียน โพสต์ด่าเนติวิทย์..น่าสงสารจัง
นี่คือระดับอาจารย์ ที่สอนในสถาบันอุดมศึกษาระดับประเทศ
แต่ความคิดความอ่านเป็นได้แค่เกรียนเด็กๆ..โถๆๆ
ไม่แปลกใจ ที่การศึกษาไทย อยู่รั้งท้ายอาเซียน
เป็นอาจารย์เพราะมีเพียงวุฒิบัตร แต่ขาดคุณวุฒิ..ที่สำคัญ ขาดสามัญสำนึกอย่างแรงส์ !!!
...เนติวิทย์ โพสต์โต้ อ.จุฬา สำนวนเหมือนผู้ใหญ่สอนเด็กๆ ส่วน อ.จุฬา โพสต์ถึงเนติวิทย์เหมือนเด็กต่อว่าผู้ใหญ่ !...
จากนั้นอาจารย์ประจำคณะศิลปศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยท่านหนึ่งโพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า
โดยนายเนติวิทย์ โต้กลับว่า “รับน้องรุนแรง/บังคับส่วนหนึ่งที่อยู่ได้จากการได้ไปสำรวจบางคณะในจุฬาฯ
ไม่ใช่แค่ตัวรุ่นพี่ที่มีปัญหาหรอก แต่ตัวอาจารย์นี่แหละที่อยากให้อะไรๆเหมือนที่ตนเองโดนมา จะได้คุมเด็กได้ เหมือนฝูงสัตว์ไม่ใช่นิสิตที่มีความคิดของตน”
ภายหลังโพสต์ดังกล่าวของอาจารย์ไม่สามารถเข้าถึงได้ทางสาธารณะ ล่าสุดนายเนติวิทย์ จึงโพสต์ผ่านเพจเฟซบุ๊ก Netiwit Ntw ว่า
“ท่านอาจารย์แห่งคณะสินกัม ซึ่งได้โพสข้อความอันน่าสนใจ ตอนนี้โพส นั้นของท่านเราไม่สามารถเข้าถึงได้อีกแล้ว ใครมาไม่ทันให้ดูโพสข้างล่างของผม ชาวเฟซบุ๊กได้เข้าไปร่วมแสดงความเห็นในโพสนั้นเป็นร้อย ไม่รู้ลบไปหรือตั้งค่าเฉพาะเพื่อน ท่านจะโพสในเฟซท่านว่าอย่างไรต่อหนอสรุปว่า แมวพิมพ์หรือเปล่า
ยังไงก็ดี จากกรณีนี้น่าจะทำให้เราเห็นภาพรวมที่กว้างกว่าไปมองที่ตัวนิสิต นั่นคือ อาจารย์นี่แหละตัวค้ำจุนระบบโซตัส จากการที่ผมได้ไปพูดคุยทั้งทางตรงกับในเฟซของคณะต่างๆในจุฬาฯ หลายคณะที่ยังมีการเคร่งครัดระเบียบอาวุโสหรือยังมีระบบกดดันน้องใหม่นั้น เขาไม่ได้อยากจะทำเลย เขาเป็นคนรุ่นใหม่ที่อยากจะได้อะไรใหม่จริงๆ แต่อาจารย์บอกว่ายังอยากให้มี เหมือนสมัยที่อาจารย์ยังมีอยู่ อาจารย์จะไม่ให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรมต่างๆ เรื่องห้องประชุมจะขอยาก งบประมาณอาจจะถูกตัด ถ้าไม่ทำตามที่อาจารย์เสนอ นิสิตก็ไม่กล้าแย้ง อันนี้หลายคณะสารภาพว่า อุปสรรคการเปลียนแปลงมันอยู่ตรงนี้ ไม่ใช่เขา
ผมก็เห็นใจ แต่นั่นแหละครับ ถ้าเราผู้จัดกิจกรรมคิดถึงรุ่นน้องอย่างมีโลกที่กว้าง เราจะเห็นว่าการเชื่อฟังครูอาจารย์แบบนั้นเป็นการบ่อนทำลายทั้งตัวเราเองที่ยินยอมเชื่ออะไรที่ตนเองก็รู้ว่ามันรุนแรงมันกดขี่ความเป็นมนุษย์ ทำลายน้องทั้งที่เรารู้ว่าระบบแบบนี้มันไม่เวิร์คกับเด็กรุ่นใหม่ ทำลายทั้งความคิดสร้างสรรค์ของเราและของคณะอีกด้วย ถ้ารู้แล้ว เราก็ต้องกล้าพูด ถ้าไม่กล้าพูด ก็ส่งเรื่องมาที่ผมก็ได้แล้วเรามาพูดพร้อมๆกันก็ได้ เราต้องช่วยกันเปล่งเสียงว่า เราไม่โอเคแล้วกับระบบนี้ โลกของคนรุ่นใหม่จะไม่เอาตามแบบนี้แล้ว ผมว่าเราทำได้ถ้าเรากล้าที่จะเริ่ม ปัญหาของประเทศเราที่เป็นทุกวันนี้ ไม่ว่าจะการเมืองหรือการศึกษาส่วนหนึ่งเพราะเรากลัว ถ้าเราคิดว่าตนเป็นบุคคลที่ได้รับการศึกษาดีแล้ว และมีความรับผิดชอบแล้ว การพิสูจน์อย่างหนึ่งก็คือการกล้าที่จะพูดในสิ่งที่ตนเชื่อในสิ่งที่มีความหมายกับตนเองและคนอื่นๆออกมา
สภานิสิตจุฬาฯ ทำอะไรได้บ้างไหม? ตัวคำประกาศสิทธิการรับน้อง จะกระจายไปให้นิสิตใหม่ทุกคน และนิสิตใหม่ทุกคนจะได้รับการปกป้องคุ้มครองซึ่งเป็นสิทธิที่พึงมี และนิสิตใหม่เองก็ต้องรู้ว่า ปัญหาของการรับน้องรุนแรงเป็นปัญหาที่เรื้อรังไม่เปลี่ยนในหลายแห่งก็เพราะความกลัว มันไม่แค่เรื่องนี้แต่อีกหลายเรื่อง พวกคุณต้องกล้าที่จะท้าทายความไม่ถูกต้อง การกดขี่พวกคุณ โรงเรียนทำให้คุณกลัวครู คุณชอบไหม มันกดคุณใช่ไหม เหมือนรุ่นพี่ที่จัดกิจกรรมถูกสะกดให้กลัวแม้จะจบมัธยมมาแล้ว คุณต้องไม่กลัวอีก กับรุ่นพี่และคนที่ไร้เหตุผลไม่ว่าเขาจะมียศเป็นอะไร มันมีทางเดียวทางนี้เท่านั้นที่ยั่งยืน
และไม่ว่าที่ไหนๆก็ตามผมเน้นย้ำอีกที จะในจุฬาฯหรือมหาลัยอื่นๆ
ถ้าไม่กล้าจะพูด ผมว่าโอกาสตอนนี้แหละที่ควรจะพูด
ผมพร้อมยินดีช่วยถ้าสามารถทำอะไรได้บ้าง
คนรุ่นใหม่จะเป็นคนรุ่นใหม่จริงๆได้ก็ต่อเมื่อเรากล้าที่จะเป็นคนรุ่นใหม่จริงๆ”
https://www.matichon.co.th/news/583603
........................................................
ผมอ่านสำนวนสำเนียงแล้ว ถ้าไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นระดับอาจารย์จุฬา
ผมคงนึกว่าเด็กเกรียน โพสต์ด่าเนติวิทย์..น่าสงสารจัง
นี่คือระดับอาจารย์ ที่สอนในสถาบันอุดมศึกษาระดับประเทศ
แต่ความคิดความอ่านเป็นได้แค่เกรียนเด็กๆ..โถๆๆ
ไม่แปลกใจ ที่การศึกษาไทย อยู่รั้งท้ายอาเซียน
เป็นอาจารย์เพราะมีเพียงวุฒิบัตร แต่ขาดคุณวุฒิ..ที่สำคัญ ขาดสามัญสำนึกอย่างแรงส์ !!!