
สวัสดีค่ะ เราไปเที่ยวสวิสเซอร์แลนด์ช่วง 25 พค-5 มิย ที่ผ่านมาค่ะ Valle verzasca เป็นที่ที่เราอยากไปมากที่สุดตอนหาข้อมูลไปเที่ยวสวิสเซอร์แลนด์ เราอ่านกระทู้ Unseen Switzerland ของลุงหมอขอพักร้อน สะดุดตากับน้ำสีเขียวมรกตใสปิ๊ง กับสะพานหินสีเทา อยากจะรู้ว่ามันเขียวใสแบบนั้นจริงมั้ย เราทำการหาข้อมูลเพิ่มเติมพบว่าที่นี่มีกิจกรรมให้ทำหลายอย่าง ตั้งแต่เดินป่า ปั่นจักรยาน ว่ายน้ำ อาบแดด ไปจนถึงดำน้ำ (ไม่ผิดค่ะ ดำน้ำจริงๆ ในเวปไซค์ของที่นี่มีบอกว่าสามารถดำน้ำได้ เรายังงงๆ ว่ามีอะไรให้ดู แต่เราเห็นคนแบกถังออกซิเจนไปจริงๆ ค่ะ) แต่ว่าข้อมูลเกี่ยวกับ Valle Verzasca ยังค่อนข้างน้อย เราเลยอยากทำตัวเป็นประโยชน์โดยการแบ่งปันข้อมูลที่เราได้ไปมา ไปดูกันค่ะ ^^

การเดินทางมายัง Valle Verzasca ไม่ยากค่ะ แต่ค่อนข้างใช้เวลานานเนื่องจากต้องขึ้นรถไฟมายัง Locarno ก่อน จากนั้นขึ้นรถบัสรูปแตรสีเหลืองสาย 321 หรือที่เรียกว่า Postauto หรือ Autopostale แล้วแต่ว่าสถานที่ไหนใช้ภาษาอะไรค่ะ ทั้งนี้ทั้งนั้นการเดินทางขึ้นอยู่กับว่ามาจากทางไหนด้วย. สามารถเช็คเส้นทางได้ง่ายๆ ผ่าน App SBB หรือแอปของทางการรถไฟสวิส
เราเดินทางมาจาก Zermatt จะมีช่วงที่นั่งรถไฟของอิตาลีค่ะ เนื่องจาก Valle Verzasca ตั้งอยู่ทางตอนใต้ซึ่งติดกับอิตาลี ภาษาที่ใช้จึงเป็นภาษาอิตาเลียนเราใช้สวิสพาสในการเดินทางคนเก็บตั๋วบอกว่ามีค่าใช้จ่ายเพิ่มคนละ 1.5 ฟรังสวิส (จ่ายเพิ่มในขบวนที่นั่งผ่านอิตาลีค่ะ) เราถามเค้าว่าเพราะรถไฟสายนี้เป็นสายพิเศษรึป่าว เค้าบอกว่ารัฐบาลอิตาลีรีเควส - -". จะบอกว่ารถไฟของอิตาลีเทียบกับรถไฟสวิสไม่ติดเลย แถมเลทอีกต่างหาก สี่ปีก่อนเราเที่ยวยุโรป รถไฟอิตาลีเลทยังไง ตอนนี้ก็ยังคงเลทอยู่ค่ะ

Valle Verzasca สามารถมาเที่ยวเป็นเดย์ทริป หรือจะมาค้างคืนก็ได้ค่ะ เราว่า Landmark ที่สำคัญของ Valle Verzasca คือสะพานโค้งรูปครึ่งวงกลมสองอันติดกันค่ะ ชื่อ Ponte Dei Salti (Ponte แปลว่า สะพาน)ใครที่ชอบเดินป่า มีเส้นทางให้เลือกเดินหลายเส้นทางมาก สามารถตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
www.verzasca.net ระยะเวลาที่ใช้มีตั้งแต่ไม่กี่ชั่วโมงไปจนถึงหลายวันเลยทีเดียว เราเลือกที่จะค้างที่นี่สองคืนเพื่อดื่มด่ำบรรยากาศให้เต็มที่ โดยโปรแกรมวันแรกเราเดินเล่นจากที่พักไปยังสะพาน Ponte dei Salti เราห่างจากสะพานประมาณ 900 เมตร จาก google map เราสามารถเดินเลียบถนนไป หรือเดินข้ามไปฝั่งตรงข้ามแล้วเดินไปถาม hiking trail ซึ่งตามทางจะมีบ้านที่สร้างด้วยหินอยู่เป็นระยะๆ ให้ถ่ายรูปเล่น บ้านหินที่นี่น่ารักสวยมากๆ ค่ะ

ถ้าใครที่มาแบบเดย์ทริป ถ้าหากมีเวลามากหน่อย เราแนะนำให้ไปลงที่ปลายทางที่ Sonogno ซึ่งเป็นหมู่บ้านเล็กๆ ที่สร้างบ้านด้วยหิน น่ารักมากๆ ค่ะ ไปเดินถ่ายรูป เดินชมบรรยากาศ จากนั้นนั่งรถ PostAuto 321 ย้อนกลับไปลงที่ป้าย Brione ต่อด้วยการเดินป่าเบาๆ ชิลๆ มายัง Lavertezzo เพื่อถ่ายรูปกับสะพานพร้อมดื่มด่ำบรรยากาศธารน้ำสีมรกตใสปิ๊ง เส้นทางจาก Brione มาถึง Lavertezzo ในเวปเคลมว่าเป็นช่วงที่สวยที่สุด ซึ่งเราก็เห็นด้วยค่ะ เพราะเราจะสามารถเดินเลียบแม่น้ำได้อย่างใกล้ชิด สลับกับป่าสีเขียวชะอุ่ม ระหว่างเดินลองสูดลมหายใจเข้าลึกๆ นะคะ เราว่ากลิ่นป่าที่นี่หอมมาก แบบที่เราไม่เคยได้กลิ่นมาก่อนเลยค่ะ
ถ้าใครไม่ใช่สายเดินป่า ก็ขึ้นรถไปลงที่ Sonogno เดินถ่ายรูป จากนั้นขึ้นรถจาก Sonogno มาลงที่ Lavertezzo Paese เดินเล่นชิลที่สะพานได้ค่ะ

ใครอยากจะว่ายน้ำเล่นก็ได้ เราเห็นนักท่องเที่ยวบางคนทดสอบความกล้าโดยการกระโดดลงมาจากสะพานค่ะ ใครคนที่ไหนที่ชอบเล่นน้ำจะต้องดูจุดที่เล่นได้ให้ดีค่ะ เพราะมีบางจุดที่น้ำเชี่ยวแถมยังมีน้ำวนอีกต่างหาก บริเวณที่อันตรายมันมีป้าย เตือนไว้ประมาณว่า Danger is hidden by its beauty มีอันตรายซ่อนอยู่ภายใต้ความงาม ประดุจกุหลาบที่มีหนาม ตึงงงงง

โปรแกรมของเรา คือ ค้างที่นี่สองคืนค่ะ เพราะเราหาข้อมูลแล้ว แต่ข้อมูลก็ค่อยข้างน้อย เรานึกภาพไม่ออกว่าจะเป็นยังไง ประกอบกับเป็นคนเที่ยวเอื่อยๆ ค่อยๆ ไปไม่ค่อยรีบ เราอยากมาเดินป่าที่นี่โดยเส้นทางที่เราเลือกเดินเรียกว่า Sentiero verzasca จุดเริ่มต้นอยู่ที่ Sonogno ปลายทางที่ Lavertezzo ระยะทางทั้งหมดประมาณ 13 กิโล ตั้งใจว่าจะค่อยๆ เดินถ่ายรูปไปเรื่อยๆ ถ้าเหนื่อยก็แวะป้ายรถที่ใกล้ที่สุดแล้วก็ขึ้นรถกลับ ถ้าใครจะทำตามแผนนี้อย่าลืมถ่ายรูปตารางเวลารถไว้ด้วยนะคะ เนื่องจากรอบรถน้อย ประมาณชั่วโมงละคันเท่านั้นค่ะ

เรามาถึงที่พักบ่ายแก่ๆ แล้ว หลังจาก Check in เข้าที่พักเรียบร้อย เราออกไปเดินสำรวจรอบๆ ที่พักแล้วเดินไป Ponte dei Salti น้ำใส สะพานสวยสมกับที่ดั้นด้นมาค่ะ นั่งดื่มด่ำกับบรรยากาศ ถ่ายรูป สักพักเราก็เดินกล้บที่พัก มื้อเย็นเราฝากท้องที่โรงแรมค่ะ เนื่องจากเราไม่ได้ช๊อปปิ้งเสบียงจากในเมืองมาก่อน รอบๆ ก็ไม่มีที่ให้ซื้อเลยเรากับแม่เลยทานที่โรงแรม ถือเป็นฤกษ์งามยามดีที่เราจะได้ลองชิมชีสฟองดูอันขึ้นชื่อ ถึงแม้เค้าบอกว่าปกติคนสวิสจะทานกัยตอนหน้าหนาวก็ตาม แต่ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้วลองสั่งมาชิมดูราคาสำหรับ 2 คนอยู่ที่ 50 สวิสฟรัง โอ้วแม่เจ้า แพงขนาดนี้จะต้องอร่อยแน่เลย แต่ปรากฎว่าไม่อร่อยเลยค่ะ ใครที่ทานแล้วอร่อยรบกวนแสดงตัวค่ะ เรากับแม่ทั้งลองพยายามคนดูแล้วเผื่อส่วนผสมจะกลมกล่อมมากขึ้น. ลองจิ้มจากก้นหม้อแล้วสรุปไม่มีทางไหนที่สามารถทำให้รสชาติดีขึ้นค่ะ มื้อนั้นเฟลไป ทานได้แต่สลัดค่ะ

เช้าวันต่อมา หลังจากทานอาหารเช้าที่โรงแรมแล้ว เราขึ้นรถบัสไปลง Sonogno ถามแผน เดินเที่ยวดูบ้านหินเสร็จเราเริ่มเดิน Hiking ไปตามเส้นทางค่ะ ตามทางจะมีป้ายบอกเป็นระยะๆ เราตามป้ายสีเหลืองที่มีเลข 74 นี้ไปค่ะ บางช่วงจะมีลูกศรหรือทำเป็นสัญลักษณ์สี่เหลี่ยมข้าวหลามตัดบอกว่าเรามาถูกตามเส้นทางแล้ว

ช่วงแรกๆของเส้นทางจะเป็นบ้านหินโบราณ กลับกับทางเดินเลียบแม่น้ำ และทุ่งหญ้า
ช่วงเส้นทางจาก Brione เป็นช่วงที่สวยที่สุดค่ะ ยิ่งเดินใกล้ Lavertezzo จะมีบางช่วงที่ต้องเดินตัดทางน้ำเล็กๆ บางจุดมีน้ำตกเล็กๆ ด้วยค่ะ เส้นทางโดยรวมเป็นทางเดินสบายๆ เดินได้เรื่อยๆ มือใหม่หรือคนที่ไม่ฟิตก็สามารถเดินได้ค่ะ

วิวระหว่างทางค่ะ ทุ่งดอกหญ้าสีเหลืองตัดกับแม่น้ำสีเขียวใส บางคนมาปิ๊กนิก อาบแดด พาน้องหมามาเที่ยว

อย่างนึงที่เราสังเกตได้จากการมาเที่ยวสวิสคือ คนสวิสรักสัตว์ค่ะ เค้าพาน้องหมาไปด้วยทุกๆ ที่ ทุกๆ สถานที่เที่ยวที่ไปจะต้องมีคนพาน้องหมาไปเสมอ เจอได้ทุกที่ไม่ว่าจะไป hiking ขึ้นรถไฟ ขึ้นเรือ ขึ้นกระเช้า ทะเลสาบ เลิฟเลยค่ะ
รูปอื่นๆ ต่อข้างล่างนะคะ เริ่มจะอืดๆ แล้วค่ะ
[CR] รีวิว Valle Verzasca เดินป่าชิลๆ ชมธารน้ำสีเขียวมรกต
สวัสดีค่ะ เราไปเที่ยวสวิสเซอร์แลนด์ช่วง 25 พค-5 มิย ที่ผ่านมาค่ะ Valle verzasca เป็นที่ที่เราอยากไปมากที่สุดตอนหาข้อมูลไปเที่ยวสวิสเซอร์แลนด์ เราอ่านกระทู้ Unseen Switzerland ของลุงหมอขอพักร้อน สะดุดตากับน้ำสีเขียวมรกตใสปิ๊ง กับสะพานหินสีเทา อยากจะรู้ว่ามันเขียวใสแบบนั้นจริงมั้ย เราทำการหาข้อมูลเพิ่มเติมพบว่าที่นี่มีกิจกรรมให้ทำหลายอย่าง ตั้งแต่เดินป่า ปั่นจักรยาน ว่ายน้ำ อาบแดด ไปจนถึงดำน้ำ (ไม่ผิดค่ะ ดำน้ำจริงๆ ในเวปไซค์ของที่นี่มีบอกว่าสามารถดำน้ำได้ เรายังงงๆ ว่ามีอะไรให้ดู แต่เราเห็นคนแบกถังออกซิเจนไปจริงๆ ค่ะ) แต่ว่าข้อมูลเกี่ยวกับ Valle Verzasca ยังค่อนข้างน้อย เราเลยอยากทำตัวเป็นประโยชน์โดยการแบ่งปันข้อมูลที่เราได้ไปมา ไปดูกันค่ะ ^^
การเดินทางมายัง Valle Verzasca ไม่ยากค่ะ แต่ค่อนข้างใช้เวลานานเนื่องจากต้องขึ้นรถไฟมายัง Locarno ก่อน จากนั้นขึ้นรถบัสรูปแตรสีเหลืองสาย 321 หรือที่เรียกว่า Postauto หรือ Autopostale แล้วแต่ว่าสถานที่ไหนใช้ภาษาอะไรค่ะ ทั้งนี้ทั้งนั้นการเดินทางขึ้นอยู่กับว่ามาจากทางไหนด้วย. สามารถเช็คเส้นทางได้ง่ายๆ ผ่าน App SBB หรือแอปของทางการรถไฟสวิส
เราเดินทางมาจาก Zermatt จะมีช่วงที่นั่งรถไฟของอิตาลีค่ะ เนื่องจาก Valle Verzasca ตั้งอยู่ทางตอนใต้ซึ่งติดกับอิตาลี ภาษาที่ใช้จึงเป็นภาษาอิตาเลียนเราใช้สวิสพาสในการเดินทางคนเก็บตั๋วบอกว่ามีค่าใช้จ่ายเพิ่มคนละ 1.5 ฟรังสวิส (จ่ายเพิ่มในขบวนที่นั่งผ่านอิตาลีค่ะ) เราถามเค้าว่าเพราะรถไฟสายนี้เป็นสายพิเศษรึป่าว เค้าบอกว่ารัฐบาลอิตาลีรีเควส - -". จะบอกว่ารถไฟของอิตาลีเทียบกับรถไฟสวิสไม่ติดเลย แถมเลทอีกต่างหาก สี่ปีก่อนเราเที่ยวยุโรป รถไฟอิตาลีเลทยังไง ตอนนี้ก็ยังคงเลทอยู่ค่ะ
Valle Verzasca สามารถมาเที่ยวเป็นเดย์ทริป หรือจะมาค้างคืนก็ได้ค่ะ เราว่า Landmark ที่สำคัญของ Valle Verzasca คือสะพานโค้งรูปครึ่งวงกลมสองอันติดกันค่ะ ชื่อ Ponte Dei Salti (Ponte แปลว่า สะพาน)ใครที่ชอบเดินป่า มีเส้นทางให้เลือกเดินหลายเส้นทางมาก สามารถตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.verzasca.net ระยะเวลาที่ใช้มีตั้งแต่ไม่กี่ชั่วโมงไปจนถึงหลายวันเลยทีเดียว เราเลือกที่จะค้างที่นี่สองคืนเพื่อดื่มด่ำบรรยากาศให้เต็มที่ โดยโปรแกรมวันแรกเราเดินเล่นจากที่พักไปยังสะพาน Ponte dei Salti เราห่างจากสะพานประมาณ 900 เมตร จาก google map เราสามารถเดินเลียบถนนไป หรือเดินข้ามไปฝั่งตรงข้ามแล้วเดินไปถาม hiking trail ซึ่งตามทางจะมีบ้านที่สร้างด้วยหินอยู่เป็นระยะๆ ให้ถ่ายรูปเล่น บ้านหินที่นี่น่ารักสวยมากๆ ค่ะ
ถ้าใครที่มาแบบเดย์ทริป ถ้าหากมีเวลามากหน่อย เราแนะนำให้ไปลงที่ปลายทางที่ Sonogno ซึ่งเป็นหมู่บ้านเล็กๆ ที่สร้างบ้านด้วยหิน น่ารักมากๆ ค่ะ ไปเดินถ่ายรูป เดินชมบรรยากาศ จากนั้นนั่งรถ PostAuto 321 ย้อนกลับไปลงที่ป้าย Brione ต่อด้วยการเดินป่าเบาๆ ชิลๆ มายัง Lavertezzo เพื่อถ่ายรูปกับสะพานพร้อมดื่มด่ำบรรยากาศธารน้ำสีมรกตใสปิ๊ง เส้นทางจาก Brione มาถึง Lavertezzo ในเวปเคลมว่าเป็นช่วงที่สวยที่สุด ซึ่งเราก็เห็นด้วยค่ะ เพราะเราจะสามารถเดินเลียบแม่น้ำได้อย่างใกล้ชิด สลับกับป่าสีเขียวชะอุ่ม ระหว่างเดินลองสูดลมหายใจเข้าลึกๆ นะคะ เราว่ากลิ่นป่าที่นี่หอมมาก แบบที่เราไม่เคยได้กลิ่นมาก่อนเลยค่ะ
ถ้าใครไม่ใช่สายเดินป่า ก็ขึ้นรถไปลงที่ Sonogno เดินถ่ายรูป จากนั้นขึ้นรถจาก Sonogno มาลงที่ Lavertezzo Paese เดินเล่นชิลที่สะพานได้ค่ะ
ใครอยากจะว่ายน้ำเล่นก็ได้ เราเห็นนักท่องเที่ยวบางคนทดสอบความกล้าโดยการกระโดดลงมาจากสะพานค่ะ ใครคนที่ไหนที่ชอบเล่นน้ำจะต้องดูจุดที่เล่นได้ให้ดีค่ะ เพราะมีบางจุดที่น้ำเชี่ยวแถมยังมีน้ำวนอีกต่างหาก บริเวณที่อันตรายมันมีป้าย เตือนไว้ประมาณว่า Danger is hidden by its beauty มีอันตรายซ่อนอยู่ภายใต้ความงาม ประดุจกุหลาบที่มีหนาม ตึงงงงง
โปรแกรมของเรา คือ ค้างที่นี่สองคืนค่ะ เพราะเราหาข้อมูลแล้ว แต่ข้อมูลก็ค่อยข้างน้อย เรานึกภาพไม่ออกว่าจะเป็นยังไง ประกอบกับเป็นคนเที่ยวเอื่อยๆ ค่อยๆ ไปไม่ค่อยรีบ เราอยากมาเดินป่าที่นี่โดยเส้นทางที่เราเลือกเดินเรียกว่า Sentiero verzasca จุดเริ่มต้นอยู่ที่ Sonogno ปลายทางที่ Lavertezzo ระยะทางทั้งหมดประมาณ 13 กิโล ตั้งใจว่าจะค่อยๆ เดินถ่ายรูปไปเรื่อยๆ ถ้าเหนื่อยก็แวะป้ายรถที่ใกล้ที่สุดแล้วก็ขึ้นรถกลับ ถ้าใครจะทำตามแผนนี้อย่าลืมถ่ายรูปตารางเวลารถไว้ด้วยนะคะ เนื่องจากรอบรถน้อย ประมาณชั่วโมงละคันเท่านั้นค่ะ
เรามาถึงที่พักบ่ายแก่ๆ แล้ว หลังจาก Check in เข้าที่พักเรียบร้อย เราออกไปเดินสำรวจรอบๆ ที่พักแล้วเดินไป Ponte dei Salti น้ำใส สะพานสวยสมกับที่ดั้นด้นมาค่ะ นั่งดื่มด่ำกับบรรยากาศ ถ่ายรูป สักพักเราก็เดินกล้บที่พัก มื้อเย็นเราฝากท้องที่โรงแรมค่ะ เนื่องจากเราไม่ได้ช๊อปปิ้งเสบียงจากในเมืองมาก่อน รอบๆ ก็ไม่มีที่ให้ซื้อเลยเรากับแม่เลยทานที่โรงแรม ถือเป็นฤกษ์งามยามดีที่เราจะได้ลองชิมชีสฟองดูอันขึ้นชื่อ ถึงแม้เค้าบอกว่าปกติคนสวิสจะทานกัยตอนหน้าหนาวก็ตาม แต่ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้วลองสั่งมาชิมดูราคาสำหรับ 2 คนอยู่ที่ 50 สวิสฟรัง โอ้วแม่เจ้า แพงขนาดนี้จะต้องอร่อยแน่เลย แต่ปรากฎว่าไม่อร่อยเลยค่ะ ใครที่ทานแล้วอร่อยรบกวนแสดงตัวค่ะ เรากับแม่ทั้งลองพยายามคนดูแล้วเผื่อส่วนผสมจะกลมกล่อมมากขึ้น. ลองจิ้มจากก้นหม้อแล้วสรุปไม่มีทางไหนที่สามารถทำให้รสชาติดีขึ้นค่ะ มื้อนั้นเฟลไป ทานได้แต่สลัดค่ะ
เช้าวันต่อมา หลังจากทานอาหารเช้าที่โรงแรมแล้ว เราขึ้นรถบัสไปลง Sonogno ถามแผน เดินเที่ยวดูบ้านหินเสร็จเราเริ่มเดิน Hiking ไปตามเส้นทางค่ะ ตามทางจะมีป้ายบอกเป็นระยะๆ เราตามป้ายสีเหลืองที่มีเลข 74 นี้ไปค่ะ บางช่วงจะมีลูกศรหรือทำเป็นสัญลักษณ์สี่เหลี่ยมข้าวหลามตัดบอกว่าเรามาถูกตามเส้นทางแล้ว
ช่วงแรกๆของเส้นทางจะเป็นบ้านหินโบราณ กลับกับทางเดินเลียบแม่น้ำ และทุ่งหญ้า
ช่วงเส้นทางจาก Brione เป็นช่วงที่สวยที่สุดค่ะ ยิ่งเดินใกล้ Lavertezzo จะมีบางช่วงที่ต้องเดินตัดทางน้ำเล็กๆ บางจุดมีน้ำตกเล็กๆ ด้วยค่ะ เส้นทางโดยรวมเป็นทางเดินสบายๆ เดินได้เรื่อยๆ มือใหม่หรือคนที่ไม่ฟิตก็สามารถเดินได้ค่ะ
วิวระหว่างทางค่ะ ทุ่งดอกหญ้าสีเหลืองตัดกับแม่น้ำสีเขียวใส บางคนมาปิ๊กนิก อาบแดด พาน้องหมามาเที่ยว
อย่างนึงที่เราสังเกตได้จากการมาเที่ยวสวิสคือ คนสวิสรักสัตว์ค่ะ เค้าพาน้องหมาไปด้วยทุกๆ ที่ ทุกๆ สถานที่เที่ยวที่ไปจะต้องมีคนพาน้องหมาไปเสมอ เจอได้ทุกที่ไม่ว่าจะไป hiking ขึ้นรถไฟ ขึ้นเรือ ขึ้นกระเช้า ทะเลสาบ เลิฟเลยค่ะ
รูปอื่นๆ ต่อข้างล่างนะคะ เริ่มจะอืดๆ แล้วค่ะ
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น