“รถติด” คำนี้ ถ้าพูดกับคนที่อาศัยอยู่ใน กรุงเทพมหานคร จะได้เห็นสีหน้า แบบว่า



หลากหลายอารมณ์ ส่วนใหญ่จะค่อนไปทางลบ สำหรับตัวยายเองนั้น เป็นผู้มีประสบการณ์ตรงคนหนึ่ง เพราะบ้านยายอยู่เส้นเจริญกรุงโดยต้องมาทำงานที่เอกมัยทุกวันจันทร์-ศุกร์ ระยะทางประมาณ 17 กม. ใช้เวลาเฉลี่ย 1 ชม.-1.30 ชม. ต่อหนึ่งขา ดังนั้น 1 วัน ยายต้องอยู่นรถ 2 ชม. – 3 ชม. ใน 5วัน / สัปดาห์ เอาละยายว่า ถ้าวัดระดับกันยายมีระดับรถติดในขั้นต้นเท่านั้น เพราะเพื่อนๆ ท่านอื่นคงจะมีประสบการณ์ขั้นสูงกว่ายายมากนัก บ้างอาศัยกันในรถขาละ 4-5 ชม กันทีเดียว วันนี้เราจะไม่พูดถึงวิธีการแก้ปัญหาว่าทำยังไงรถถึงไม่ติด หรือเส้นทางด่วนทางลัดใดๆ ทั้งสิ้น เพราะอันนั้นเป็นเรื่องที่ผู้ที่มีหน้าที่หรือผู้เชียวชาญต้องวางแผนแก้ไขกันไป แต่ยายจะพูดในเรื่องที่ใช้ได้แล้วแก้ปัญหาสำหรับตัวยายได้ผลจริง
ยายลองมาสารพัดวิธี เช่น ฟังเพลง แต่งหน้า ทำผม กินข้าว ฯ ถามว่า ช่วยไหม ตอนแรกก็ว่าดี ประมาณว่าฆ่าเวลาได้ แต่มันไม่ตลอด เหมือนยายข้ามขั้นตอนบางอย่างไป คือ มันดีแค่ชั่วขณะที่ทำกิจกรรมเหล่านั้นเฉยๆ อารมณ์ขุ่นมัวมันยังตกค้างอยู่ในใจเรื่อยมา สะสมมากขึ้นทีละมากน้อยก็ตามแต่ละบุคคล ตัวอย่างมีให้เห็นมากมายตามข่าวทุกวันนี้ สัปดาห์หนึ่งๆต้องมีข่าวการทะเลาะตบตีกันบนท้องถนนด้วยรูปแบบต่าง ๆ สัก1-2ข่าวแน่นอน เอาละ! ยายต้องหาสาเหตุก่อน ยายพบว่าสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งสิ้นทั้งปวง “เกิดจากความหงุดหงิดของตัวเราเอง ไม่ใช่ของคนอื่นด้วยนะ ของตัวเองล้วนๆ ” ยายมั่นใจว่านี้คือ ต้นเหตุที่แท้จริง ทำไมมั่นใจเพราะ ปัญหาใด ๆ ก็ตามถ้าเราลองตัดต้นเหตุนี้ทิ้งแล้วทุกสิ่งอย่างก็จะไม่เกิดขึ้นอีก ก็แสดงว่าใช่ละ ดังนั้น ยายขอสรุปว่า ต้นเหตุของปัญหานี้ของยาย คือ “ความหงุดหงิด” เราก็มาหาวิธีแก้กัน เริ่มแรกยายมองไปรอบๆตัว ทำให้ยายเห็นว่า ไม่ใช่แค่เราที่ต้องอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ ทุกๆคนที่อยู่รอบตัวเราเค้าก็อยู่ด้วยกันกับเรานี้แหละ หัวใจอันคับแคบของยายเริ่มมีพื้นที่กว้างขึ้น คือ เราต้องเปิดใจก่อน ต่อมา ยายก็หากิจกรรมที่ยายชอบที่จะทำในขาไป - ขากลับ ( ยายขอแนะนำ จะให้ได้ผล ต้อง้ป็นอะไรที่แบบชอบจริงๆ นะ จะรู้ได้ไงว่า ชอบจริง ๆ สำหรับยายก็คือ อยู่กับสิ่งๆ นั้นได้เป็นวันๆ ไม่มีเบื่อ ทำซ้ำแล้วซ้ำอีกกี่รอบก็ได้ แบบว่า เพลิน ! )
สำหรับ ขาไป ยายเลือกที่จะ “สวดมนต์” บทไหนก็ได้ไม่จำกัด จะศาสนาไหนใด ๆ ได้หมดไม่เกี่ยง เนื่องจาก ขากลับก็สะบักสะบอม ที่สำคัญ คือ ขี้เกียจเลยไม่มีสมาธิสวดก่อนนอนสักเท่าไร เลยใช้เวลาช่วงเช้า ช่วงเริ่มต้นของวันด้วยการสวดมนต์นี้แหละ! (สวดออกเสียงจะดีกว่านะ) แรก ๆ ก็ยังจำไม่ได้ ก็ให้เปิดเสียงสวดแล้วสวดตามไปเรื่อย ๆ เดี๋ยวก็จำได้ นาน ๆ ไปยังคิดว่า ขอติดไฟแดง อีกสักรอบนะ ถึงออฟฟิสจะได้สวดจบพอดีทำนองนี้ นอกจากได้แก้ไขอารมณ์หงุดหงิด ใครใคร่จะอธิษฐาน แก้บน อะไร ก็ใช้โอกาสนี้ได้เหมือนกัน ( อันนี้ผลพลอยได้

)
สำหรับ ขากลับ ยายเลือกที่จะ โหลดคลิป จาก Youtube ไปดูหรือฟัง ส่วนใหญ่ยายจะโหลด โดเรมอน โคนัน หรือจะเป็นรายการที่เราพลาดไม่ได้ดูก็ได้ อันนี้ขึ้นอยู่กับความชอบเลย

สิ่งที่เกิดขึ้นกับยาย คือ ยายลืมตัวเลขไฟแดง ลืมว่าตอนนี้ขยับไปถึงไหนแล้ว อันนี้บอกก่อนนะไม่ใช่ ทำวันเดียวได้เลยนะ ต้องทำไปสัก1-3 อาทิตย์ แล้วลองสังเกตุความเปลี่ยนแปลงของตัวเองดู แม้จะเปลี่ยนเล็กน้อยก็นับหมดนะเพื่อเป็นกำลังใจให้ทำต่อไป พวกเราอยู่ในขั้นเริ่มต้นจะมาแบบใจนิ่งสงบ มันเป็นไปไม่ได้ ท่านอ.วรภัทร์ บอกว่า สำหรับผู้อ่อนหัดอย่างเรา เริ่มตันด้วยการคิดบวก หรือ วิ่งหนีความหงุดหงิดไปก่อน อย่าทำเป็นเก่งไปสู้ เพิ่งจะเข้าบู้ตึ้ง ริอาจจะเป็น เจ้ายุทธจักร 55 ตัวยายทำมาเป็นปีแล้ว เพิ่งจะลืมเป็นพัก ๆ ความหงุดหงิดนี้มันยังตกค้างอยู่เลย แต่ยายก็ยังรู้สึกดีว่า อย่างน้อยหน้ายายไม่ยู่ยี่ คิ้วชนกัน ถอนหายใจบ้างละ ทุกทีที่ถึงออฟฟิส หือ กลับบ้าน เหมือนแต่ก่อนแล้ว

ตอนนี้ก็มีรายการของพี่ป๋อมแป๋ม ชื่อ รายการต่อปาก ต่อคำ ติดไฟแดง ยายชอบมากเลย ลองคิดดูดิ ว่า ติดไฟแดงอยู่ ก็เปิดกระจกยิ้มให้กัน มาคุยกัน ถามสารทุกข์สุขดิบกัน แบ่งน้ำแบ่งขนมให้กัน แล้วเรื่องหงุดหงิด ทะเลาะกันบนท้องถนนจะหายไปสักขนาดไหน เอาละนั้นเป็นสิ่งที่อยู่ด้านนอก เราอยากได้อะไรก็ต้องทำตัวเองให้ได้อย่างนั้นซะก่อน เรามาเริ่มกันฝึกวิทยายุทธกันเถอะ !
การแก้ปัญหารถติด ฉบับ ยาย MT
ยายลองมาสารพัดวิธี เช่น ฟังเพลง แต่งหน้า ทำผม กินข้าว ฯ ถามว่า ช่วยไหม ตอนแรกก็ว่าดี ประมาณว่าฆ่าเวลาได้ แต่มันไม่ตลอด เหมือนยายข้ามขั้นตอนบางอย่างไป คือ มันดีแค่ชั่วขณะที่ทำกิจกรรมเหล่านั้นเฉยๆ อารมณ์ขุ่นมัวมันยังตกค้างอยู่ในใจเรื่อยมา สะสมมากขึ้นทีละมากน้อยก็ตามแต่ละบุคคล ตัวอย่างมีให้เห็นมากมายตามข่าวทุกวันนี้ สัปดาห์หนึ่งๆต้องมีข่าวการทะเลาะตบตีกันบนท้องถนนด้วยรูปแบบต่าง ๆ สัก1-2ข่าวแน่นอน เอาละ! ยายต้องหาสาเหตุก่อน ยายพบว่าสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งสิ้นทั้งปวง “เกิดจากความหงุดหงิดของตัวเราเอง ไม่ใช่ของคนอื่นด้วยนะ ของตัวเองล้วนๆ ” ยายมั่นใจว่านี้คือ ต้นเหตุที่แท้จริง ทำไมมั่นใจเพราะ ปัญหาใด ๆ ก็ตามถ้าเราลองตัดต้นเหตุนี้ทิ้งแล้วทุกสิ่งอย่างก็จะไม่เกิดขึ้นอีก ก็แสดงว่าใช่ละ ดังนั้น ยายขอสรุปว่า ต้นเหตุของปัญหานี้ของยาย คือ “ความหงุดหงิด” เราก็มาหาวิธีแก้กัน เริ่มแรกยายมองไปรอบๆตัว ทำให้ยายเห็นว่า ไม่ใช่แค่เราที่ต้องอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ ทุกๆคนที่อยู่รอบตัวเราเค้าก็อยู่ด้วยกันกับเรานี้แหละ หัวใจอันคับแคบของยายเริ่มมีพื้นที่กว้างขึ้น คือ เราต้องเปิดใจก่อน ต่อมา ยายก็หากิจกรรมที่ยายชอบที่จะทำในขาไป - ขากลับ ( ยายขอแนะนำ จะให้ได้ผล ต้อง้ป็นอะไรที่แบบชอบจริงๆ นะ จะรู้ได้ไงว่า ชอบจริง ๆ สำหรับยายก็คือ อยู่กับสิ่งๆ นั้นได้เป็นวันๆ ไม่มีเบื่อ ทำซ้ำแล้วซ้ำอีกกี่รอบก็ได้ แบบว่า เพลิน ! )
สำหรับ ขาไป ยายเลือกที่จะ “สวดมนต์” บทไหนก็ได้ไม่จำกัด จะศาสนาไหนใด ๆ ได้หมดไม่เกี่ยง เนื่องจาก ขากลับก็สะบักสะบอม ที่สำคัญ คือ ขี้เกียจเลยไม่มีสมาธิสวดก่อนนอนสักเท่าไร เลยใช้เวลาช่วงเช้า ช่วงเริ่มต้นของวันด้วยการสวดมนต์นี้แหละ! (สวดออกเสียงจะดีกว่านะ) แรก ๆ ก็ยังจำไม่ได้ ก็ให้เปิดเสียงสวดแล้วสวดตามไปเรื่อย ๆ เดี๋ยวก็จำได้ นาน ๆ ไปยังคิดว่า ขอติดไฟแดง อีกสักรอบนะ ถึงออฟฟิสจะได้สวดจบพอดีทำนองนี้ นอกจากได้แก้ไขอารมณ์หงุดหงิด ใครใคร่จะอธิษฐาน แก้บน อะไร ก็ใช้โอกาสนี้ได้เหมือนกัน ( อันนี้ผลพลอยได้
สำหรับ ขากลับ ยายเลือกที่จะ โหลดคลิป จาก Youtube ไปดูหรือฟัง ส่วนใหญ่ยายจะโหลด โดเรมอน โคนัน หรือจะเป็นรายการที่เราพลาดไม่ได้ดูก็ได้ อันนี้ขึ้นอยู่กับความชอบเลย