สวัสดีครับ วันนี้จะมาเล่าความรู้สึกนึง ที่อยู่ดีดีมันทำให้ผมรู้สึกแย่ไปหมด
ก่อนอื่นเลยขอเล่าก่อนว่า ฐานะทางบ้านผมปานกลาง รายได้รวมทั้งครอบครัว(แม่ พี่) ตกเดือนละไม่เกิน 40000 หักค่าใช้จ่ายไปเบ็ดเสร็จแล้วเหลือเก็บเดือนละไม่ถึง 15000 (ไม่ได้ใช้จ่ายฟุ่มเฟือยนะคับ) ตอนนี้ที่บ้านอาศัยกันอยู่ 5 คน (ตา แม่ พี่ ผม น้องสาว)[อีกคนเป็นหลานลูกน้า น้าทำงานเลี้ยงลูกไม่ไหวเลยมาฝากลูกเขาให้แม่ผมเลี้ยง] ค่าไฟ ค่าน้ำ ค่าใช้จ่ายใน รร ของหลานและน้อง+ของผม ตอนนี้อยู่มหาลัยแล้ว ใช้จ่ายเยอะพอสมควร ไหนจะยังไม่รวมตอนเย็น ที่ต้องซื้อกับข้าว
(พ่อแยกทางกับแม่แล้วนะครับ แม่ขอรับเลี้ยงลูกทั้งหมด)
และแล้วก็มาถึงจุดที่ครอบครัวเริ่มมีปัญหา ตอนเป็นเด็กผมไม่เคยสงสัยหรอกว่าแม่น่ะ เอาเงินมาจากไหนเยอะแยะเพื่อมาเป็นค่าใช้จ่าต่างๆ จนผมโตพอที่จะเริ่มคิดได้ว่า แม่เรื่มไม่พูด เริ่มอยู่เงียบๆในตอนกลางคืน ปกติเมื่อก่อนแม่จะร่าเริงกว่านี้ ตอนนี้หลายสิ่งต่างไป จนตอนปี 3 ผมไปเปิดใจถามว่าแม่เป็นอะไร ตอนนั้นเอง น้ำตาแม่ไหลแม่ได้แค่อยู่เงียบๆแล้วก็บอกอยู่ตลอดว่าไม่เป็นอะไร จนสุดท้ายผมก็รู้ว่า พี่ไปเป็นหนี้บัตรเยอะพอสมควร น้องสาวเริ่มไม่อยากไปโรงเรียน ตอนนี้น้องอยู่ ม 3 แต่ไม่ไป รร หลังจากเกิดปัญหาที่พี่ทะเลาะกับแม่ ถึงบังคับให้ไปน้องก็ไม่ยอมเข้าเรียน ผมจึงตัดสินใจดรอปเรียน 1 ปี เพื่อหยุดหางานทำแต่ไม่ได้บอกเรื่องนี้กับใคร ตอนนั้นผมเล่นดนตรีกลางคืนตามร้านเหล้า ตอนบ่ายทำงานร้านกาแฟ ก็ถือว่าได้เงินเยอะพอสมควร เยอะพอที่จะไม่ขอแม่ได้เลย จนแม่เริ่มสงสัยว่าทำใมผมใช้เงินน้อยลง และทำใมเริ่มไม่ค่อยกับบ้าน ปกติหยุดเสาร์ทิตย์ผมจะแว๊นมอไซต์กับบ้านตลอด555 ผมก็ได้แค่บอกว่า ปี 3 งานมันยุ่งอ่ะ ใกล้จบแล้วไหนจะวิจงวิจัย งานกิจกรรมบลาๆ จนสุดท้าย แม่รู้ว่าผมดรอปเรียน เห็นแม่เสียใจอีกครั้ง ผมก็พูดไม่ออกเพราะรู้ตัวเองว่าผิด แม่พูดแค่ไม่เป็นไร กลับไปเรียนให้จบนะ แม่จะส่งเอง ตัวผมเองรู้สึกเลยว่า การตัดสินใจของผมตอนนั้นมันผิด ถ้าฝืนเรียนให้จบคงจะได้มาหางานทำแบ่งเบาภาระให้แม่ได้
ตอนนี้ผมคบกับแฟนอยู่คนนึงมาซักระยะแล้วตั้งแต่ม 6 จนปี 3 เราอยู่ด้วยกันมาตลอด ผมเล่าเรื่องครอบครัวให้เขาฟัง เขาก็ยังอยู่ถึงแม้ว่าผมจะพาเขาไปลำบากยังไง ฐานะทางบ้านแฟน ถือว่ามีตังค์เลย แม่พ่อ พี่ชายพี่สาวเขารับข้าราชกาบครูทุกคน และเขาก็กำลังเรียนครู มันทำให้ผมเริ่มคิดว่า การที่ผมอยู่กับเขา หากในอนาคต ถึงพ่อแม่เขาจะยอมรับในตัวผม แต่ถ้าเป็นแบบนี้มันเหมือนกับผมเป็นก้อนหินที่ผูกติดเธอไว้ยังไงไม่รู้ ช่วงผมทำงานเธอเคยบอกว่า เธอไม่อยากให้ทำงานกลางคืนเลย เธอหวง เป็นห่วงที่ต้องเลิกดึกๆด้วย เขาร้องไห้เพื่อขอให้ผมหยุดโดยการแลกกับเขาจะช่วยค่าใช้จ่ายส่วนตัวของผมเอง ผมก็เลยปรับควาทเข่ใจพยายามพูดให้เธอเข้าใจ จนเธอก็ยอม แต่แลกกับ เธอจะไปนั่งเฝ้าผมที่ร้านที่ผมไปเล่น โดยแบกเอา นส งาน โน๊ตบุ๊คของเธอไปทำด้วย ทุกครั้งที่เห็นเธอ ผมดีใจ อบอุ่น มีความสุขมาก แต่รู้ดีในใจลึกๆ ผมกำลังพาเธอลำบาก

เราคบกันมาไม่เคยทะเบาะกันเรื่องมือที่ 3 ทุกครั้งที่ผิดใจกัน เราจะมานั่งคึยกันด้วยเหตุผล ผมเคยหายไปจากเธอครั้งนึง ประมาณ 2-3 เดือนไม่คุยไม่ติดต่อ เพราะผมคิดว่าเขาลำบากถ้าจะมาอยู่ด้วยกัน ทุกสาย ทุกข้อความไม่ต่อติดกับ จนผมเผลอไปเปิดแชทเฟซ ของเธอ วันรุ่งขึ้นเธอมาหาผมที่บ้าน เข้ามากอด ร้องไห้ แล้วก็บอกกับผมว่า อย่าหายไปแบบนี้ มันไม่ใช่การแต่งเรื่องขึ้นมา แต่เขาคือ ผญ ที่ทำแบบนี้นจริงๆ จนตอนนี้ เขาก็ยังไปไหนมาไหนกับผมตบอด ไม่ยอมให้ผมไปคนเดียว ยกเว้นว่าผมทำงานร้านกาแฟ ตอนเธอไปทำกิจกรรมมหาลัย พอเสร็จกิจกรรมเธอก็จะมาหาตลอด ผมเห็นเธอเป็นแบบนี้แล้วใจมันจะทรมานจังคับ
เห้อออ ขอบคุณสำหรับพื้นที่ระบาย ..
ใครเคยรู่สึกแบบนี้บ้างไหมนะ เห้ออ
ก่อนอื่นเลยขอเล่าก่อนว่า ฐานะทางบ้านผมปานกลาง รายได้รวมทั้งครอบครัว(แม่ พี่) ตกเดือนละไม่เกิน 40000 หักค่าใช้จ่ายไปเบ็ดเสร็จแล้วเหลือเก็บเดือนละไม่ถึง 15000 (ไม่ได้ใช้จ่ายฟุ่มเฟือยนะคับ) ตอนนี้ที่บ้านอาศัยกันอยู่ 5 คน (ตา แม่ พี่ ผม น้องสาว)[อีกคนเป็นหลานลูกน้า น้าทำงานเลี้ยงลูกไม่ไหวเลยมาฝากลูกเขาให้แม่ผมเลี้ยง] ค่าไฟ ค่าน้ำ ค่าใช้จ่ายใน รร ของหลานและน้อง+ของผม ตอนนี้อยู่มหาลัยแล้ว ใช้จ่ายเยอะพอสมควร ไหนจะยังไม่รวมตอนเย็น ที่ต้องซื้อกับข้าว
(พ่อแยกทางกับแม่แล้วนะครับ แม่ขอรับเลี้ยงลูกทั้งหมด)
และแล้วก็มาถึงจุดที่ครอบครัวเริ่มมีปัญหา ตอนเป็นเด็กผมไม่เคยสงสัยหรอกว่าแม่น่ะ เอาเงินมาจากไหนเยอะแยะเพื่อมาเป็นค่าใช้จ่าต่างๆ จนผมโตพอที่จะเริ่มคิดได้ว่า แม่เรื่มไม่พูด เริ่มอยู่เงียบๆในตอนกลางคืน ปกติเมื่อก่อนแม่จะร่าเริงกว่านี้ ตอนนี้หลายสิ่งต่างไป จนตอนปี 3 ผมไปเปิดใจถามว่าแม่เป็นอะไร ตอนนั้นเอง น้ำตาแม่ไหลแม่ได้แค่อยู่เงียบๆแล้วก็บอกอยู่ตลอดว่าไม่เป็นอะไร จนสุดท้ายผมก็รู้ว่า พี่ไปเป็นหนี้บัตรเยอะพอสมควร น้องสาวเริ่มไม่อยากไปโรงเรียน ตอนนี้น้องอยู่ ม 3 แต่ไม่ไป รร หลังจากเกิดปัญหาที่พี่ทะเลาะกับแม่ ถึงบังคับให้ไปน้องก็ไม่ยอมเข้าเรียน ผมจึงตัดสินใจดรอปเรียน 1 ปี เพื่อหยุดหางานทำแต่ไม่ได้บอกเรื่องนี้กับใคร ตอนนั้นผมเล่นดนตรีกลางคืนตามร้านเหล้า ตอนบ่ายทำงานร้านกาแฟ ก็ถือว่าได้เงินเยอะพอสมควร เยอะพอที่จะไม่ขอแม่ได้เลย จนแม่เริ่มสงสัยว่าทำใมผมใช้เงินน้อยลง และทำใมเริ่มไม่ค่อยกับบ้าน ปกติหยุดเสาร์ทิตย์ผมจะแว๊นมอไซต์กับบ้านตลอด555 ผมก็ได้แค่บอกว่า ปี 3 งานมันยุ่งอ่ะ ใกล้จบแล้วไหนจะวิจงวิจัย งานกิจกรรมบลาๆ จนสุดท้าย แม่รู้ว่าผมดรอปเรียน เห็นแม่เสียใจอีกครั้ง ผมก็พูดไม่ออกเพราะรู้ตัวเองว่าผิด แม่พูดแค่ไม่เป็นไร กลับไปเรียนให้จบนะ แม่จะส่งเอง ตัวผมเองรู้สึกเลยว่า การตัดสินใจของผมตอนนั้นมันผิด ถ้าฝืนเรียนให้จบคงจะได้มาหางานทำแบ่งเบาภาระให้แม่ได้
ตอนนี้ผมคบกับแฟนอยู่คนนึงมาซักระยะแล้วตั้งแต่ม 6 จนปี 3 เราอยู่ด้วยกันมาตลอด ผมเล่าเรื่องครอบครัวให้เขาฟัง เขาก็ยังอยู่ถึงแม้ว่าผมจะพาเขาไปลำบากยังไง ฐานะทางบ้านแฟน ถือว่ามีตังค์เลย แม่พ่อ พี่ชายพี่สาวเขารับข้าราชกาบครูทุกคน และเขาก็กำลังเรียนครู มันทำให้ผมเริ่มคิดว่า การที่ผมอยู่กับเขา หากในอนาคต ถึงพ่อแม่เขาจะยอมรับในตัวผม แต่ถ้าเป็นแบบนี้มันเหมือนกับผมเป็นก้อนหินที่ผูกติดเธอไว้ยังไงไม่รู้ ช่วงผมทำงานเธอเคยบอกว่า เธอไม่อยากให้ทำงานกลางคืนเลย เธอหวง เป็นห่วงที่ต้องเลิกดึกๆด้วย เขาร้องไห้เพื่อขอให้ผมหยุดโดยการแลกกับเขาจะช่วยค่าใช้จ่ายส่วนตัวของผมเอง ผมก็เลยปรับควาทเข่ใจพยายามพูดให้เธอเข้าใจ จนเธอก็ยอม แต่แลกกับ เธอจะไปนั่งเฝ้าผมที่ร้านที่ผมไปเล่น โดยแบกเอา นส งาน โน๊ตบุ๊คของเธอไปทำด้วย ทุกครั้งที่เห็นเธอ ผมดีใจ อบอุ่น มีความสุขมาก แต่รู้ดีในใจลึกๆ ผมกำลังพาเธอลำบาก
เห้อออ ขอบคุณสำหรับพื้นที่ระบาย ..