“เจ้าสัวบุณยสิทธิ์”ชี้ศก.ยังไม่โตแนะรัฐทำบาทอ่อนดันรายได้เกษตรกร - ชี้ยิ่งบาทแข็งยิ่งทำให้ประชาชนรายได้ลด
นายบุณยสิทธิ์ โชควัฒนา ประธานเครือสหพัฒน์ เปิดเผยว่า ยอมรับว่าภาพรวมเศรษฐกิจปีนี้ยังไม่เติบโตดีเท่าที่ควร เพราะซบเซามานาน โดยเฉพาะราคาพืชผลเกษตรที่ยังไม่เห็นสัญญาณฟื้นตัวชัดเจน ซึ่งมีผลเกี่ยวโยงกับค่าเงินบาท จึงอยากเห็นค่าเงินบาทอ่อนตัวมากกว่านี้ จะส่งผลดีต่อภาคเกษตรกรมีรายได้มากขึ้น แต่ที่ผ่านมาค่าเงินบาทอยู่ในภาวะแข็งตัวยิ่งค่าบาทแข็งตัวมากเท่าใด ยิ่งทำให้เกษตรกรมีรายได้รับลดลง เมื่อประชาชนมีรายได้ลดลง การจับจ่ายใช้สอยของประชาชนก็น้อยตามลงไปด้วยเหมือนที่เห็นอยู่ในปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม แนวโน้มเศรษฐกิจไทยในช่วงที่เหลือของปีเห็นว่าจะมีทิศทางดีขึ้น หลังจากเศรษฐกิจชะลอตัวมาปีกว่า
“ตอนนี้ ภาวะเศรษฐกิจไทยเปรียบเสมือนกำลังขับรถเข้าเกียร์สามที่กำลังจะฟื้นตัว ซึ่งเห็นว่า หนี้ครัวเรือนที่ยังสูงในปัจจุบัน จะเริ่มดีขึ้นในปีหน้า แต่สิ่งที่อยากเห็นในตอนนี้ คือ อยากเห็นค่าเงินบาทอ่อนตัวจากปัจจุบัน ค่าเงินบาทแข็งค่าค่อนข้างมากเฉลี่ยที่ 34 บาทต่อดอลล่าร์สหรัฐ ทางที่ดีควรจะ 35 บาทต้นๆ หรือถ้า 36 บาทจะดีที่สุด เพราะนอกจากจะช่วยสนับสนุนภาคเอกชนให้ส่งสินค้าไปขายต่างประเทศได้มากขึ้น และจะมีเม็ดเงินกลับเข้าประเทศมากขึ้นด้วยแล้ว ยังถือเป็นหนทางช่วยให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มมากขึ้น กำลังฟื้นภาคการจับจ่ายใช้สอยก็จะมีมากขึ้น”นายบุณยสิทธิ์กล่าวและว่า ถ้าเกษตรไม่ดี ทุกอย่างก็จะไม่ดีตาม สะท้อนได้จากกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย เครื่องสำอาง กลุ่มอุปโภค เสื้อผ้า แฟชั่น ที่ยังอยู่ในภาวะทรงๆ ตัว มีแต่อาหารที่ขายได้ตามเทรนด์ความต้องการ โดยเฉพาะบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมาม่า ที่เติบโต 6-7% ในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา ประกอบกับค่าแรงที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ต้นทุนการแข่งขันสูงขึ้น ยิ่งการแข่งขันปัจจุบันมีอยู่สูง สินค้ามีความหลากหลายและทางเลือกมากขึ้น เหล่านี้ก็ต่างกระทบต่อภาคธุรกิจ ซึ่งเราเองก็ต้องปรับตัวให้ทันกับสถานการณ์ อย่างไรก็ตาม หากเปรียบเทียบเศรษฐกิจไทยกับกลุ่มระดับเศรษฐกิจเดียวกันในอาเซียน ทั้งมาเลเซีย ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย ประเทศยังดีกว่า"
JJNY : เสดตะกิดดี๊ดี...ซี้จุกสูญ “เจ้าสัวบุณยสิทธิ์”ชี้ ศก.ยังไม่โตแนะรัฐทำบาทอ่อนดันรายได้เกษตรกร-ชี้ยิ่งบาทแข็งยิ่งทำฯ
นายบุณยสิทธิ์ โชควัฒนา ประธานเครือสหพัฒน์ เปิดเผยว่า ยอมรับว่าภาพรวมเศรษฐกิจปีนี้ยังไม่เติบโตดีเท่าที่ควร เพราะซบเซามานาน โดยเฉพาะราคาพืชผลเกษตรที่ยังไม่เห็นสัญญาณฟื้นตัวชัดเจน ซึ่งมีผลเกี่ยวโยงกับค่าเงินบาท จึงอยากเห็นค่าเงินบาทอ่อนตัวมากกว่านี้ จะส่งผลดีต่อภาคเกษตรกรมีรายได้มากขึ้น แต่ที่ผ่านมาค่าเงินบาทอยู่ในภาวะแข็งตัวยิ่งค่าบาทแข็งตัวมากเท่าใด ยิ่งทำให้เกษตรกรมีรายได้รับลดลง เมื่อประชาชนมีรายได้ลดลง การจับจ่ายใช้สอยของประชาชนก็น้อยตามลงไปด้วยเหมือนที่เห็นอยู่ในปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม แนวโน้มเศรษฐกิจไทยในช่วงที่เหลือของปีเห็นว่าจะมีทิศทางดีขึ้น หลังจากเศรษฐกิจชะลอตัวมาปีกว่า
“ตอนนี้ ภาวะเศรษฐกิจไทยเปรียบเสมือนกำลังขับรถเข้าเกียร์สามที่กำลังจะฟื้นตัว ซึ่งเห็นว่า หนี้ครัวเรือนที่ยังสูงในปัจจุบัน จะเริ่มดีขึ้นในปีหน้า แต่สิ่งที่อยากเห็นในตอนนี้ คือ อยากเห็นค่าเงินบาทอ่อนตัวจากปัจจุบัน ค่าเงินบาทแข็งค่าค่อนข้างมากเฉลี่ยที่ 34 บาทต่อดอลล่าร์สหรัฐ ทางที่ดีควรจะ 35 บาทต้นๆ หรือถ้า 36 บาทจะดีที่สุด เพราะนอกจากจะช่วยสนับสนุนภาคเอกชนให้ส่งสินค้าไปขายต่างประเทศได้มากขึ้น และจะมีเม็ดเงินกลับเข้าประเทศมากขึ้นด้วยแล้ว ยังถือเป็นหนทางช่วยให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มมากขึ้น กำลังฟื้นภาคการจับจ่ายใช้สอยก็จะมีมากขึ้น”นายบุณยสิทธิ์กล่าวและว่า ถ้าเกษตรไม่ดี ทุกอย่างก็จะไม่ดีตาม สะท้อนได้จากกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย เครื่องสำอาง กลุ่มอุปโภค เสื้อผ้า แฟชั่น ที่ยังอยู่ในภาวะทรงๆ ตัว มีแต่อาหารที่ขายได้ตามเทรนด์ความต้องการ โดยเฉพาะบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมาม่า ที่เติบโต 6-7% ในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา ประกอบกับค่าแรงที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ต้นทุนการแข่งขันสูงขึ้น ยิ่งการแข่งขันปัจจุบันมีอยู่สูง สินค้ามีความหลากหลายและทางเลือกมากขึ้น เหล่านี้ก็ต่างกระทบต่อภาคธุรกิจ ซึ่งเราเองก็ต้องปรับตัวให้ทันกับสถานการณ์ อย่างไรก็ตาม หากเปรียบเทียบเศรษฐกิจไทยกับกลุ่มระดับเศรษฐกิจเดียวกันในอาเซียน ทั้งมาเลเซีย ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย ประเทศยังดีกว่า"