มีบางกลุ่มอ้างพระวินัยคำสอนของพระพุทธเจ้า โดยใช้ข้อมูลไม่ครบถ้วน แล้วสรุปว่าพระรับเงินไม่ได้ ถ้าเห็นพระรับเงินก็จะมองพระว่าเป็นพระไม่ดี คือก็ใช่ว่าตามพระวินัยพระรับเงินแล้วอาบัติ แต่ก็แค่ปลงอาบัติและสละคืนเงินนั้น ก็แค่นั้นเอง
และถ้าพระท่านนั้นเป็นพระอรหันต์แล้วมารับเงิน แล้วใครที่คล้อยตามกลุ่มนี้ เห็นพระรูปนั้นรับเงินแล้วคิด/วิจารณ์ไม่ดีกับพระรูปนั้น มันจะกลายเป็นกล่าวตำหนิพระอรหันต์อย่างผิดๆ มันน่าจะกลายเป็นบาปกรรมหนักเอาด้วยนะผมว่า เลยคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องเล็กๆ ผมเลยเอามาคุยกันครับ
คือแต่ก่อนก็ค่อนข้างเห็นด้วยกับกลุ่มนี้ที่พยายามเคร่งครัดในพระวินัยตามที่พระพุทธเจ้าสอนไว้ แต่เมื่อศึกษาเพิ่มขึ้น ก็คิดว่ามันไม่แน่ ถ้าเห็นพระรับเงินอย่าพึ่งไปด่วนสรุปว่าเป็นพระไม่ดี ที่มาคุยในpantip เพราะได้ไปคุยใน Facebook ของกลุ่ม "กลุ่มถามตอบปัญหาพระวินัย"
https://www.facebook.com/groups/Vinayasunlapo/
คุยไปคุยมาก็แบนผมไม่ให้แสดงความเห็นต่อ อ้าว...ไม่ดีแล้วถ้าเป็นแบบนี้ เอาแต่ความเห็นตัวเอง/พวกตัวเองเป็นใหญ่ไม่ฟังความเห็นต่าง ไม่คุยกันด้วยเหตุผล มันจะนำพาซึ่งความผิดเพี้ยนคำสอนขององค์พระศาสดาได้
1) ตอนรับเงิน เป็นจิตใจที่เป็นกุศลก็ได้นี่ อย่างเราๆ เวลารับเงินเพื่อเอาไปทำบุญ เพื่อเอาไปช่วยเหลือผู้อื่น ฯลฯ มันก็เป็นจิตกุศลได้
2) พระท่านรับเงินท่านก็อาบัติ ... ก็ใช่ แล้วพระท่านก็ไปปลงอาบัติ+สละเงินคืน ก็แค่นั้นเอง ก็ทำตามพุทธบัญญัติอย่างถูกต้อง
3) พระพุทธเจ้าตรัสไว้ตอนใกล้ปรินิพพานว่า “เมื่อสงฆ์หวังอยู่ ก็พึงถอนสิกขาบทเล็กน้อยได้” ข้อนี้ท่านอนุญาติให้ยกเลิกบางข้อได้เลย แต่ของเถรวาทเราคงไว้หมดเพราะ +++สิกขาบทอะไรเรียกว่า เล็กน้อย ไม่มีใครจะยืนยันได้อย่างแน่นอน เนื่องจากท่านพระอานนท์ไม่ได้ทูลถามพระพุทธเจ้าไว้+++ ดังนั้นพวกเราเถรวาทก็ควรที่จะต้องสำรวมไว้ด้วยซิ เมื่อเห็นพระผิดศีลมันอาจจะอยู่ในกลุ่มสิกขาบทเล็กน้อยนี้ได้ ที่พระพุทธเจ้าอนุญาติให้ยกเลิกได้
4) คำสอนของพระพุทธเจ้าเลยที่แสดงให้เห็นว่าพระอริยะบุคคลผิดศีลบางข้อได้ เสขสูตรที่ ๒
http://84000.org/tipitaka/read/v.php?B=20&A=6123&Z=6160 บางส่วนคือ
"ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เป็นผู้ทำให้บริบูรณ์ในศีล เป็นผู้ทำพอประมาณในสมาธิ เป็นผู้ทำพอประมาณในปัญญา
เธอย่อมล่วงสิกขาบทเล็กน้อยบ้างย่อมออกจากอาบัติบ้าง ข้อนั้นเพราะเหตุอะไร เพราะไม่มีใครกล่าวความเป็นคนอาภัพเพราะล่วงสิกขาบทนี้ แต่ว่าสิกขาบทเหล่าใด เป็นเบื้องต้นแห่งพรหมจรรย์ สมควรแก่พรหมจรรย์ เธอเป็นผู้มีศีลยั่งยืน และเป็นผู้มีศีลมั่นคงในสิกขาบทเหล่านั้น สมาทานศึกษาอยู่ในสิกขาบททั้งหลาย
เธอเป็นพระโสดาบัน เพราะสังโยชน์ ๓ หมดสิ้นไปเป็นผู้มีความไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา เป็นผู้เที่ยงจะตรัสรู้ในเบื้องหน้า"
5) เรื่องนี้ก็ทำให้ผมนึกถึงหลวงตามหาบัว โครงการช่วยชาติที่รับเงินรับทองมากมาย และอีกเรื่องจากหลวงปู่บุดดากับหลวงพ่อฤาษีลิงดำ อ่านได้ที่
http://www.dharma-gateway.com/monk/monk_biography/lp-budda/lp-budda-hist-07.htm
บางส่วนคือ หลวงปู่ไปวัดท่าซุง ลูกศิษย์สายวัดท่าซุง(หลวงพ่อฤๅษีฯ) นี่เคยชินในการถึงเวลาแล้วถวายเงิน เอาไป (ถวาย) แล้วก็กองๆ ตรงหน้าหลวงปู่เยอะแยะไปหมด คนทนไม่ได้ เอาถุงก๊อบแก๊บมาใบหนึ่งวางไว้ แล้วก็กวาดเงินใส่ถุง คนต่อไปก็ใส่ถุงๆ ถึงเวลาหลวงปู่จะกลับ ลูกศิษย์ก็จัดแจงผูกปากถุง แล้วก็ส่งถวายหลวงปู่บุดดาและพูดว่าหลวงปู่ครับ หลวงปู่ท่านก็แหวกย่ามเสียกว้างเลย กลัวถุงเงินถูกมือ พอลูกศิษย์หย่อนลงไป
หลวงพ่อฤๅษีฯ ถาม "อ๋อ! กลัวเงินใช่ไหม ไม่ใช้เหรอ" แล้วหลวงพ่อก็ดึงมาเลย หลวงปู่บุดดาตะครุบสองมือเลย แล้วบอก "จับแล้วครับ"
"เออ! มันต้องอย่างนั้นสิ
มันก็แค่ธาตุ ๔ ดิน น้ำ ลม ไฟ แค่นั้น ถ้ายังให้มันเป็นอันตรายกับใจตัวเองได้อย่าเอาเลย เดี๋ยวผมใช้แทนเอง"
และอีกอย่างจากเสขสูตรที่ ๒ ที่ผมแชร์ข้างบนนี้ ที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า "ความเป็นคนอาภัพเพราะล่วงสิกขาบทนี้" กับ "สิกขาบทเหล่าใด เป็นเบื้องต้นแห่งพรหมจรรย์ สมควรแก่พรหมจรรย์" สิกขาบท 2 กลุ่มได้แก้อะไรบ้าง แชร์มาได้ครับ ไว้มีเวลาจะลองหาดูในพระไตรปิฏกด้วย
***เพิ่มเมื่อ 7/6/17**** โดยทั่วๆไปการช่วยกันสนับสนุนให้พระทำตามพระวินัย ให้ความรู้แก่ฆราวาสเรื่องวินัยของพระ ก็คงเป็นสิ่งดีอยู่แล้ว
เจตนาผมของกระทู้นี้ก็อยู่แค่ตรงว่า
อย่าพึ่งไปตำหนิพระง่ายๆแค่เพราะเพียงเห็นว่าพระรับเงิน ด้วยเหตุผลที่ผมกล่าวมาแล้วข้างบนนี้ การเข้าใจในสิ่งที่ถูกที่เหมาะสมผมว่าจะช่วยให้ศาสนาพุทธเราจะเจริญต่อไปสืบนาน
สาธุครับ
พระอรหันต์รับเงินได้หรือไม่
และถ้าพระท่านนั้นเป็นพระอรหันต์แล้วมารับเงิน แล้วใครที่คล้อยตามกลุ่มนี้ เห็นพระรูปนั้นรับเงินแล้วคิด/วิจารณ์ไม่ดีกับพระรูปนั้น มันจะกลายเป็นกล่าวตำหนิพระอรหันต์อย่างผิดๆ มันน่าจะกลายเป็นบาปกรรมหนักเอาด้วยนะผมว่า เลยคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องเล็กๆ ผมเลยเอามาคุยกันครับ
คือแต่ก่อนก็ค่อนข้างเห็นด้วยกับกลุ่มนี้ที่พยายามเคร่งครัดในพระวินัยตามที่พระพุทธเจ้าสอนไว้ แต่เมื่อศึกษาเพิ่มขึ้น ก็คิดว่ามันไม่แน่ ถ้าเห็นพระรับเงินอย่าพึ่งไปด่วนสรุปว่าเป็นพระไม่ดี ที่มาคุยในpantip เพราะได้ไปคุยใน Facebook ของกลุ่ม "กลุ่มถามตอบปัญหาพระวินัย" https://www.facebook.com/groups/Vinayasunlapo/
คุยไปคุยมาก็แบนผมไม่ให้แสดงความเห็นต่อ อ้าว...ไม่ดีแล้วถ้าเป็นแบบนี้ เอาแต่ความเห็นตัวเอง/พวกตัวเองเป็นใหญ่ไม่ฟังความเห็นต่าง ไม่คุยกันด้วยเหตุผล มันจะนำพาซึ่งความผิดเพี้ยนคำสอนขององค์พระศาสดาได้
1) ตอนรับเงิน เป็นจิตใจที่เป็นกุศลก็ได้นี่ อย่างเราๆ เวลารับเงินเพื่อเอาไปทำบุญ เพื่อเอาไปช่วยเหลือผู้อื่น ฯลฯ มันก็เป็นจิตกุศลได้
2) พระท่านรับเงินท่านก็อาบัติ ... ก็ใช่ แล้วพระท่านก็ไปปลงอาบัติ+สละเงินคืน ก็แค่นั้นเอง ก็ทำตามพุทธบัญญัติอย่างถูกต้อง
3) พระพุทธเจ้าตรัสไว้ตอนใกล้ปรินิพพานว่า “เมื่อสงฆ์หวังอยู่ ก็พึงถอนสิกขาบทเล็กน้อยได้” ข้อนี้ท่านอนุญาติให้ยกเลิกบางข้อได้เลย แต่ของเถรวาทเราคงไว้หมดเพราะ +++สิกขาบทอะไรเรียกว่า เล็กน้อย ไม่มีใครจะยืนยันได้อย่างแน่นอน เนื่องจากท่านพระอานนท์ไม่ได้ทูลถามพระพุทธเจ้าไว้+++ ดังนั้นพวกเราเถรวาทก็ควรที่จะต้องสำรวมไว้ด้วยซิ เมื่อเห็นพระผิดศีลมันอาจจะอยู่ในกลุ่มสิกขาบทเล็กน้อยนี้ได้ ที่พระพุทธเจ้าอนุญาติให้ยกเลิกได้
4) คำสอนของพระพุทธเจ้าเลยที่แสดงให้เห็นว่าพระอริยะบุคคลผิดศีลบางข้อได้ เสขสูตรที่ ๒ http://84000.org/tipitaka/read/v.php?B=20&A=6123&Z=6160 บางส่วนคือ
"ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เป็นผู้ทำให้บริบูรณ์ในศีล เป็นผู้ทำพอประมาณในสมาธิ เป็นผู้ทำพอประมาณในปัญญา เธอย่อมล่วงสิกขาบทเล็กน้อยบ้างย่อมออกจากอาบัติบ้าง ข้อนั้นเพราะเหตุอะไร เพราะไม่มีใครกล่าวความเป็นคนอาภัพเพราะล่วงสิกขาบทนี้ แต่ว่าสิกขาบทเหล่าใด เป็นเบื้องต้นแห่งพรหมจรรย์ สมควรแก่พรหมจรรย์ เธอเป็นผู้มีศีลยั่งยืน และเป็นผู้มีศีลมั่นคงในสิกขาบทเหล่านั้น สมาทานศึกษาอยู่ในสิกขาบททั้งหลาย เธอเป็นพระโสดาบัน เพราะสังโยชน์ ๓ หมดสิ้นไปเป็นผู้มีความไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา เป็นผู้เที่ยงจะตรัสรู้ในเบื้องหน้า"
5) เรื่องนี้ก็ทำให้ผมนึกถึงหลวงตามหาบัว โครงการช่วยชาติที่รับเงินรับทองมากมาย และอีกเรื่องจากหลวงปู่บุดดากับหลวงพ่อฤาษีลิงดำ อ่านได้ที่
http://www.dharma-gateway.com/monk/monk_biography/lp-budda/lp-budda-hist-07.htm
บางส่วนคือ หลวงปู่ไปวัดท่าซุง ลูกศิษย์สายวัดท่าซุง(หลวงพ่อฤๅษีฯ) นี่เคยชินในการถึงเวลาแล้วถวายเงิน เอาไป (ถวาย) แล้วก็กองๆ ตรงหน้าหลวงปู่เยอะแยะไปหมด คนทนไม่ได้ เอาถุงก๊อบแก๊บมาใบหนึ่งวางไว้ แล้วก็กวาดเงินใส่ถุง คนต่อไปก็ใส่ถุงๆ ถึงเวลาหลวงปู่จะกลับ ลูกศิษย์ก็จัดแจงผูกปากถุง แล้วก็ส่งถวายหลวงปู่บุดดาและพูดว่าหลวงปู่ครับ หลวงปู่ท่านก็แหวกย่ามเสียกว้างเลย กลัวถุงเงินถูกมือ พอลูกศิษย์หย่อนลงไป หลวงพ่อฤๅษีฯ ถาม "อ๋อ! กลัวเงินใช่ไหม ไม่ใช้เหรอ" แล้วหลวงพ่อก็ดึงมาเลย หลวงปู่บุดดาตะครุบสองมือเลย แล้วบอก "จับแล้วครับ"
"เออ! มันต้องอย่างนั้นสิ มันก็แค่ธาตุ ๔ ดิน น้ำ ลม ไฟ แค่นั้น ถ้ายังให้มันเป็นอันตรายกับใจตัวเองได้อย่าเอาเลย เดี๋ยวผมใช้แทนเอง"
และอีกอย่างจากเสขสูตรที่ ๒ ที่ผมแชร์ข้างบนนี้ ที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า "ความเป็นคนอาภัพเพราะล่วงสิกขาบทนี้" กับ "สิกขาบทเหล่าใด เป็นเบื้องต้นแห่งพรหมจรรย์ สมควรแก่พรหมจรรย์" สิกขาบท 2 กลุ่มได้แก้อะไรบ้าง แชร์มาได้ครับ ไว้มีเวลาจะลองหาดูในพระไตรปิฏกด้วย
***เพิ่มเมื่อ 7/6/17**** โดยทั่วๆไปการช่วยกันสนับสนุนให้พระทำตามพระวินัย ให้ความรู้แก่ฆราวาสเรื่องวินัยของพระ ก็คงเป็นสิ่งดีอยู่แล้ว
เจตนาผมของกระทู้นี้ก็อยู่แค่ตรงว่า อย่าพึ่งไปตำหนิพระง่ายๆแค่เพราะเพียงเห็นว่าพระรับเงิน ด้วยเหตุผลที่ผมกล่าวมาแล้วข้างบนนี้ การเข้าใจในสิ่งที่ถูกที่เหมาะสมผมว่าจะช่วยให้ศาสนาพุทธเราจะเจริญต่อไปสืบนาน
สาธุครับ