เรื่องรักของผม (เรื่องสั้น 2 ตอนจบ) ตอนที่ 1

กระทู้สนทนา
ผมคิดมานานแล้วนะครับว่าควรเล่าเรื่องพวกนี้ในบอร์ดสาธารณะหรือไม่ แต่ที่วันนี้ตัดสินใจเล่าก็เพราะน่าจะทำให้หลายท่านได้รับรู้เป็นอุทาหรณ์ ดีกว่าจะเอาเก็บไว้ในความทรงจำของผมแต่เพียงผู้เดียว ตอนที่เกิดเรื่องเมื่อประมาณ 15 ปีมาแล้ว (บางประเด็นจะลากยาวมาจนถึงปัจจุบัน) บางคนที่อยู่ร่วมเหตุการณ์ก็ไม่ได้รับรู้เรื่องพวกนี้ในทุกแง่ทุกมุม เรื่องจริงเรื่องนี้น่าจะเป็นพล๊อตนิยายดีๆได้เรื่องหนึ่ง เพราะในบางแง่มุม มันมีรายละเอียดมากมายเลยทีเดียว

วันนี้ผมกลับมา ผมก็คิดว่าจะเล่าเรื่องนี้แบบสั้นๆไปก่อน ส่วนนิยายนั้น ตั้งใจจะเขียนเรื่องนิวตรอนฯให้จบก่อน แล้วค่อยคิดเขียนนิยายเรื่องอื่น ซึ่งก็ยังไม่รู้ว่าจะจบเมื่อไหร่

เรื่องรักลากยาวของผมเรื่องนี้ มันเริ่มต้นตอนที่ผมเรียนปริญญาเอกปีที่ 2 อยู่ที่คณะอักษรศาสตร์ ณ มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ตอนนั้นผมน่าจะอายุประมาณ 30 ปี ช่วงนั้นจบโทมาสองใบแล้วครับ ตอนผมเรียนผมจะมีโต๊ะประจำที่ชอบนั่ง มีเพื่อนสนิทประมาณ 3-4 คน ผมเองชอบเขียนกลอนบริจาค จริงๆแล้วที่คณะมีคนแต่งกลอนเก่งๆหลายคนมาก แต่มีอยู่งานหนึ่งที่มีรุ่นน้องคนหนึ่งเขาอยากใช้บริการผม ผมก็แต่งให้แบบฟรีๆ น้องเขาจะเอาไปจัดนิทรรศการอ่ะครับ

จากนั้นก็จะมีนิสิตใหม่คนหนึ่ง เรียนปริญญาเอกด้วยกัน เขาประทับใจกลอนที่ผมเขียน เขาจึงถามน้องที่จัดนิทรรศการว่า “ใครเป็นคนเขียนกลอนพวกนี้คะ” น้องคนนั้นตอบว่า “พี่รุจครับ แกอยู่ ป.เอก ปี 2”

หลังจากนั้นเนตรดาวก็ตามหาผม จนมาเจอผมในที่ๆผมนั่งประจำ เนตรดาวหอบสูจิบัตรของงานที่มีกลอนที่ผมแต่งมาให้ผมเซ็น พร้อมกับแนะนำตัวไปด้วย ผมก็แนะนำตัวผมให้เนตรดาวรู้จัก เนตรดาวเป็นผู้หญิงไทยที่งามอย่างไทยทุกกระเบียดนิ้ว และดูน่ารักมาก ผมกับเนตรดาวจะมาคุยกันตรงที่นั่งประจำอย่างสม่ำเสมอ

ตอนนั้นผมไม่รู้หรอกว่าเริ่มมีข่าวลือเรื่องของผมกับเนตรดาว เป็นข่าวลือในวงจำกัด แต่ก็มีข้อความแปลกๆหลุดมาเข้าหูผม ข้อความนั้นก็คือ “ผมตกถังข้าวสาร” ผมได้ยินก็เฉยๆนะ ฐานะผมเองเดี๋ยวขึ้นเดี๋ยวลง บางช่วงพ่อทำธุรกิจได้กำไรเดือนละ 10-20 ล้านบาท แต่พอพ่อล้มละลาย บางวันก็แทบไม่มีจะกิน ตอนเด็กๆ ผมผ่านชีวิตแบบนี้มาตลอด ผมก็เลยเฉยๆกับของนอกตัว

พอถึงวันเกิดผม เนตรดาวซื้อหนังสือกลอนที่ผมอยากได้มาให้ ต้องบอกว่าเธอรู้ใจผมมาก ชอบชวนคุยในสิ่งที่ผมชอบ เธอโรแมนติกมาก ชอบซื้อดอกไม้ให้ผม วันหนึ่งเธอก็ขอผมเป็นแฟน ผมเองตอบตกลง เนตรดาวก็พาผมไปพบแม่ ครอบครัวของเนตรดาวไฮโซสุดๆ ร่ำรวยมหาศาล ด่านแรกที่ผมต้องเจอก่อนคือน้องสาวที่ชื่อว่าเนตรเดือน ตอนนั้นผมจะสนิทกับวรุฒ แฟนของเนตรเดือนด้วย หลังจากนั้นผมจึงได้พบแม่เนตรดาว ผมต้องทำให้แม่เนตรดาวเชื่อใจผมสัก 6 เดือนก่อน ถึงจะได้พบพ่อเนตรดาวได้

ผมคุยกับแม่ของเนตรดาวได้ถูกคอมาก เราจึงสนิทกัน จนแม่เนตรดาวถึงกับฝากฝังให้ผมช่วยดูธุรกิจบางอย่างให้ แล้วก็ถึงวันที่ผมพาเนตรดาวไปบ้านผม ซึ่งแน่นอนว่าเล็กกว่าบ้านเนตรดาวหลายเท่าตัว แต่ก็ไม่มีปัญหาใดๆ ช่วงนั้นผมไปกินข้าวเย็นกับเนตรดาว เนตรเดือน วรุฒและแม่ของเนตรดาวทุกวัน เป็นเวลาประมาณ 6 เดือน การทานอาหารเย็นของบ้านนี้คือไปทานที่ภัตตาคารทุกวัน มื้อหนึ่งก็หมดประมาณเกือบหมื่น (เมื่อประมาณ 15 ปีที่แล้ว) เป็นอย่างนี้ทุกวัน ติดต่อกัน 6 เดือน จนผมได้พบพ่อของเนตรดาว

ตอนพบกับพ่อของเนตรดาว พ่อก็ไม่ค่อยคุย ได้แต่ยิ้มๆ หลังจากนั้นเนตรดาวขอย้ายไปอยู่ส่วนตัวกับผม หรือที่เรียกกันว่า “อยู่ก่อนแต่ง” ทุกคนก็โอเค ครอบครัวของเนตรดาวมีบ้านหลังใหญ่ๆอยู่หลายหลัง ก็มอบหลังนึงให้ผมกับเนตรดาวไปอยู่ด้วยกัน บ้านหลังนั้นก็ใหญ่โตมาก มีห้องรับแขกถึง 9 ห้อง แต่ละห้องตกแต่งเลิศหรู มีคนดูแลบ้าน 7 คน แต่ละคนมีหน้าที่แตกต่างกันไป ผมเองก็สนิทกับพวกเขาทุกคน เพราะผมก็เป็นกันเองกับทุกคน

แรกๆทุกอย่างก็โอเคนะ แต่ต่อมา ผมเห็นเนตรดาวสูบบุหรี่จัดมาก ผมเองก็ไม่ได้เตือนอะไร ไม่ได้พูดอะไรด้วยซ้ำ ต่อมาเนตรดาวก็เมาเหล้าอย่างหนัก ที่บ้านจะมีเหล้าเยอะมาก เนตรดาวก็มักจะบอกว่ามันเป็นของผม หลังจากนั้นก็มีเพื่อนจากอังกฤษมานอนค้างด้วย เธอชื่อว่าวิคตอเรีย

สิ่งที่ผมเห็นในเวลาไล่เลี่ยกันก็คือยาเสพติดในบ้าน กับภาพการจูบกันอย่างดูดดื่มระหว่างเนตรดาวกับวิคตอเรีย ตอนนั้นเองที่ผมบอกเลิกกับเนตรดาวและออกมาจากบ้าน

เพื่อให้ความเป็นธรรมกับเนตรดาวบ้าง ก็ต้องบอกให้รู้หน่อยว่าตอนอยู่เมืองไทย ที่บ้านเลี้ยงเนตรดาวแบบผ้าพับไว้ แต่พอไปอยู่อเมริกามาหลายปี เนตรดาวชอบแนวคิดแบบสตรีนิยมสุดขั้ว เธอคิดประมาณว่าอะไรที่ผู้ชายทำได้ ผู้หญิงก็ทำได้ เธอก็เลยอยากที่จะลองทำอะไรบางอย่าง และเธอแน่ใจว่าผมจะทนได้ เธอน่าจะคิดประมาณว่าเมื่อผมรู้ว่าเธอมีทรัพย์สมบัติมากมายมหาศาล ผมไม่น่าจะคิดบอกเลิกกับเธอ แต่เธอคิดผิด ผมทนไม่ไหว ก็เลยบอกเลิกกับเธอ

หลังจากนั้นเนตรดาวหอบดอกไม้มาตามง้อผมตรงหน้าบ้าน เธอบอกว่าขอโทษ เธอแค่อยากลองใจผม แต่ผมทนไม่ได้จริงๆ ตอนนั้นผมเหมือนซากศพเดินได้ ผมไม่อยากเจอเธออีก ผมเจ็บปวดมาก เจ็บปวดทั้งๆที่ผมก็ยังรักเนตรดาวมาก ผมไม่ได้ปริปากบอกใครเลยว่าผมเลิกกับเธอด้วยสาเหตุใด

เนตรดาวกลับไปที่บ้านที่เราเคยอยู่ด้วยกัน เธอนอนร้องไห้ทั้งวัน และไม่ไปเรียนสามวันจนเพื่อนๆต้องมาดูแลเธอที่บ้าน เธอบอกทุกคนว่าทนไม่ได้ที่ผมบอกเลิก แต่เนตรดาวไม่ได้บอกเหตุผลว่าเพราะอะไร ผมเองก็ไม่ได้บอกเหตุผลว่าเพราะอะไร จึงมีข่าวลือต่างๆมากมาย

มีข่าวลือหนึ่งลือว่า ผมหลอกเนตรดาว กะฟันแล้วทิ้ง วรุฒเองต้องตามแก้ข่าวให้

“ถ้าพี่รุจจะหลอกพี่เนตรดาวจริงๆ จะบอกเลิกทำไมทั้งๆที่รู้ว่าพี่เนตรดาวมีทรัพย์สมบัติมหาศาลขนาดนั้น”

ด้วยมรสุมหลายอย่างในตอนนั้นทั้งเรื่องเพื่อน เรื่องเรียน เรื่องเนตรดาว ทำให้ผมทำตัวเหมือนหายไปจากโลก ผมไปหมกตัวที่คอนโดของเพื่อนคนหนึ่ง คนที่มาแซะผมออกจากหลุมก็คือวิน เพื่อนรุ่นน้อง

วินมาแซะผมและชวนผมไปต่างประเทศ

“เราไปต่างประเทศกันเถอะพี่รุจ พี่จะได้ลืมเรื่องทั้งหมด”

ผมเห็นด้วยกับวิน จึงยอมตามใจเขา โดยไม่รู้เลยว่า วินแอบรักผมอยู่ ผมไม่รู้เลยจริงๆ และตอนนั้นเนตรดาวก็ยังมีความหวังกับผม เธอยังรอผมอยู่ ตอนหน้าเราจะมาพบบทสรุปของเรื่องรักของผมกันครับ.
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่