ถ้าพูดถึงคูเวต หลายคนคงเกิดคำถาม...
คูเวตนี่เขารบกันใช่ไหม?
มีแต่ทะเลทราย ร้อนๆน่ะสิ?
มีอะไรให้เที่ยว?
คนไทยเขาไปทำงานอะไรที่นั่น?
แล้วคูเวตนี่มันอยู่ส่วนไหนของโลกอ่ะ?
และเชื่อว่ายังมีอีกหลายคำถาม วันนี้แอมจะพาทุกคนไปรู้จักกับคูเวต และมาดูกันว่าชีวิต 3 เดือนในคูเวตของแอมจะเป็นยังไง ไปดูกันเลยยย
ขอเกริ่นก่อนว่า การจะไปประเทศคูเวต ไม่ใช่ว่ามีเงินอย่างเดียวแล้วจะไปได้ สิ่งที่ต้องมีคือวีซ่า ซึ่งถ้าคุณไม่ได้ไปทำงาน ไปโดยวีซ่างาน ก็จะมีความยากเกิดขึ้น อย่างของแอมคือไปวีซ่าเยี่ยม (Visit Visa) ได้ลุงเป็นสปอนเซอร์ มีสิทธิ์อยู่ได้ 3 เดือน
7 ธ.ค. 2559 วันบิน แอมใช้บริการสายการบิน Gulf Air เป็นสายการบินของบาห์เรน ที่ใช้สายการบินนี้เพราะมันถูก ถูกมาก คือไปกลับแอมซื้อได้ในราคา 13,000 บาทเอง (Ecoนะ) แต่ที่เช็กอินตรง Business เพราะคุณนายแม่เป็นเมมเบอร์ค่ะ
นอกจากสิทธิ์ที่ไม่ต้องไปต่อแถวยาวๆรอเช็กอินแล้ว ก็ยังได้บัตร Premium Lane และบัตรเข้าไปกินอาหารในเลาจน์อีกด้วย (บุญปากค่ะ555) แต่เอาจริงๆกินอะไรไม่ค่อยลงนะ เพราะตื่นเต้นมากที่จะได้ขึ้นเครื่องครั้งแรก ปวดท้อง ปวดหัว ใจเต้น แพนิคไปหมด บวกกะว่าแอมเป็นโรคลิ้นหัวใจรั่วตั้งแต่เด็ก เราเลยกลัวนิดๆ ว่ามันจะเป็นอะไรหรือเปล่านะ จะหายใจออกไหมนะ
นี่เป็นรูปที่ถ่ายในเลาจน์ของสนามบินสุวรรณภูมิ ดูดี มีระดับ ไม่เหมาะกะหน้าเราเลย 555
ออกจากเลาจน์ เตรียมไปรอขึ้นเครื่องที่เกต ตอนนั้นเริ่มมวนท้องละ คงเป็นเพราะตื่นเต้น บวกกับเป็น IBS (ลำไส้แปรปรวน) อยู่แล้ว ดูเป็นหลายโรคเนอะ
ขึ้นเครื่องไป ได้สองที่นั่งติดริมหน้าต่าง แม่นั่งริมหน้าต่าง แอมนั่งริมทางเดิน เตรียมยาดม ยาอม ยาหม่อง ใส่ไว้ในที่เก็บของตรงเบาะหน้าพร้อม เผื่อฉุกเฉินจะได้หยิบทัน
ข้างหน้าก็มีแท็บเล็ตส่วนตัวให้ดู แต่ทั้งหนังทั้งเพลงไม่ค่อยอัพเดต แต่ก็เอาเถอะ ดีกว่าไม่มีไรทำ ดูหนังฟังเพลงคลายเครียดไปค่ะ ตอนเครื่องขึ้น ตื่นเต้นนะ หลับตาเลยอ่ะ หลับไปจนเครื่องขึ้นไปถึงจุดที่โอเค นิ่งละ ถึงค่อยลืมตา เพราะตอนที่เทกออฟก็เสียวๆโหวงๆนิดๆ (ก็คนมันไม่เคยขึ้น แถมไปเสิร์ชหาข้อมูลก่อนบินว่า ขึ้นเครื่องแล้วอาการจะเป็นยังไง ยิ่งมโนไปกันใหญ่)
แต่ความจริงมันไม่น่ากลัว และไม่มีผลกระทบกับโรคลิ้นหัวใจรั่วที่แอมเป็น แต่ในเคสที่เป็นหนักกว่าแอม อันนี้ไม่แน่ใจว่าจะมีผลอะไรหรือเปล่า อาจจะต้องปรึกษาคุณหมอก่อนบินนะแอมว่า
6 ชม.ผ่านไป ถึงสนามบินบาห์เรน มาต่อเครื่องที่นี่ค่ะ มีเวลา 1 ชม.ก็เข้าเลานจ์สิคะ รออะไร
พักแค่ชั่วโมงเดียว กินอะไรเบาๆพอค่ะ ขนมปัง มันฝรั่ง ชาร้อน เค้ก พอกรุบๆ อาหารอื่นๆก็จะมีพวกข้าวหมก และก็อาหารแขกๆอ่ะค่ะ กินเสร็จก็เดินถ่ายรูปสร้างภาพต่อ
สร้างภาพเสร็จก็เตรียมไปขึ้นเครื่อง อากาศที่บาห์เรนดีนะ ไม่หนาวไม่ร้อน กำลังสบายๆ นั่งไปอีก 45 นาทีก็ถึงคูเวตละค่ะ
ก้าวแรกที่ออกจากเครื่อง โอ้โห หนาวสุด คือใส่เสื้อแขนยาวบางๆมาคิดว่าคงไม่หนาวมากหรอกน่ะ ที่ไหนได้ หน้าชาเลย คิดว่าไม่น่าจะเกิน 10 องศาอ่ะ บางคนอาจจะบอกว่าชิลๆ แต่แอมขี้หนาว แล้วเราเจออากาศร้อนจากไทยมา เลยปรับตัวไม่ทัน ก็มันหนาวจริงๆอ่ะ
หนาวจนหน้าดำ 555
สนามบินเขาไม่ใหญ่ เล็กๆ น่ารักๆ ตอนไปรอกระเป๋า ก็จะมีพนักงานรอช่วยเข็นอยู่ ถ้าเราขี้เกียจเข็น หรือของเยอะก็เรียกพนักงานมาช่วย คือดีนะ เขาจะเข็นเอากระเป๋าไปเอกซเรย์ (ที่นี่กระเป๋าทุกใบต้องผ่านการเอกซเรย์ก่อนออก ไม่มีข้อยกเว้น ไม่มีการสุ่มตรวจแบบที่ไทย) จากนั้นก็เข็นไปส่งที่รถเลยค่ะ ค่าเข็นก็แล้วแต่เราจะให้ ราคาปกติคือ 500 ฟิล (ประมาณ 60-70 บาท) แต่บางคนเขาก็ให้ 1 KD.(110-120 บาท) ขึ้นอยู่กับน้ำใจและเงินในกระเป๋าเนอะ
เรื่องที่พัก แอมไปพักอยู่กับแม่ย่าน Salmiyah จะอยู่เป็นห้องชุด คล้ายๆคอนโด มี 1 ห้องนอน 1 ห้องนั่งเล่น 1 ห้องครัว 1 ห้องน้ำ แต่ก็ไม่ได้ไฮโซเท่าคอนโดชุดเมืองไทย สำหรับแอมคืออยู่สบายมาก มีแอร์หมด เป็นแอร์เหมือนแอร์ตามห้าง แต่มีปุ่มให้เราปรับอุณหภูมิได้



คือสภาพที่อยู่ของที่นี่ ส่วนมากก็จะเป็นตึกๆ คนต่างชาติที่มาทำงานก็จะอยู่ตึกแบบนี้กัน ค่าเช่าแพงมากนะ (ตั้งแต่ 20,000-70,000 บาทต่อเดือน แล้วแต่ความเก่าใหม่ของตึก)
ส่วนคนคูเวตตี้แท้ๆ ส่วนมากเขาจะค่อนข้างมีฐานะดี บ้านก็จะแบบว่าเว่อร์วังอลังการ มีเรือส่วนตัวจอดหน้าบ้าน อะไรประมาณนั้น คุณภาพชีวิตเขาดีมากอ่ะ อิจเลยยย เดี๋ยวหลังๆจะเล่าให้ฟังถึงสวัสดิการที่เขาได้จากรัฐ ขอบอกว่าไม่ธรรมดา
ตัดกลับมาที่นุ้งแอม คืนแรก ร้องไห้ น้ำตาแตกค่ะ คิดถึงบ้านมาก เพราะแอมไม่ค่อยไปเที่ยวไหน ถึงไปก็จะไปแต่กับพ่อแม่ ไม่เคยห่างจากพ่อเลย มันหลายอารมณ์มาก ไม่ชินด้วย ร้องเบอร์ใหญ่มาก แม่ก็มาพูดว่า เราต้องเจอคนอื่นๆบ้าง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้คือจะมีคนไทยแวะเวียนมาที่ห้องแม่บ่อยมาก มาเม้าท์มอยกัน แต่เราคือไม่ชินกะคนเยอะๆ โถ เด็กน้อยอายุ 25 คือตลกตัวเองมาก จะร้องทำไมฟะ 555
จากนั้นก็นอนหลับ ก่อนนอนก็มีการบอกกล่าวอะไรปกติ เจ้าที่ที่นั่นก็คงจะเป็นมุสลิม เรื่องแบบนี้ที่จริงมุสลิมเขาจะไม่เชื่อนะคะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เพราะเขาเชื่อว่าคนตายก็จะไปเกิดใหม่ในวันอาคิเราะห์เพื่อตัดสินความดีความเลว จากนั้นก็จะไปสวรรค์-นรก จะไม่มาวนเวียนอยู่แบบนี้ แต่คนที่มานอนที่นี่ ก็เคยสัมผัสได้ว่ามันมีอะไรบางอย่าง... แต่แอมก็ไม่เจออะไรนะ เพราะไม่มีเซนส์ด้วย
เช้าแรกตื่นมาก็จิ๊กเสื้อแม่เสื้อน้องเอาแบบกันหนาวได้ หนาๆหน่อยมาใส่ เพราะออกไปคือหนาวแน่ ออกไปช็อปซื้อรองเท้า ซื้อของใช้กันค่ะ
แต่งแนวอะไรไม่รู้ ขอแค่กันหนาวได้ก็พอ 555
ที่นี่ไม่ได้บังคับว่าต้องคลุมฮิญาบ แต่ว่าเราต้องแต่งตัวให้มิดชิดค่ะ เสื้อแขนยาว กางเกง/กระโปรงยาว ขืนใส่สั้นๆ รัดๆ เจอตำรวจเรียกนะคะคุณ แถมยังจะถูกมองไปตลอดทางเลยล่ะ แต่งเรียบร้อยเข้าไว้ดีที่สุด ปลอดภัยจากตำรวจและสายตาผู้คนค่ะ
เราใช้การเดินเท้าเป็นหลัก ไปไหนมาไหนเขาก็เดินกันไป คือถ้าเป็นที่ไทยเราอาจรู้สึกขี้เกียจ รู้สึกว่ามันไกล แต่สำหรับที่นี่ แอมว่ามันเดินได้อ่ะ ด้วยสภาพอากาศที่ไม่ร้อน ถนนหนทางก็ดี ไม่ต้องคอยระวังมอไซค์ (อันนี้คือชอบ) ที่นี่ไม่มีมอไซค์นะคะ ไม่มีเด็กแว้น 555 คนที่มีมอไซค์ก็คือจะแบบตัวท็อปไปเลย ฮาร์เลย์ บิ๊กไบค์อะไรทำนองนั้น จะมาแว้นๆแบบบ้านเราไม่มีเลย ไม่มีจริงๆ
ที่แรกที่ไปหาซื้อรองเท้า เขาเรียกกันว่า Mohammed เป็นห้างที่ขายพวกเสื้อผ้า ของใช้ อุปกรณ์มือถือ ร้านทอง มีหมดทุกอย่าง

ห้างที่นี่จะเปิด 8 โมงเช้า-บ่ายโมง แล้วเบรก มาเปิดอีกที 5โมงเย็น-4 ทุ่มครึ่ง พวกออฟฟิศก็เช่นกัน ตอนเช้าไปทำงาน พอบ่ายก็ไปเบรก กลับไปนอนที่บ้านได้ตื่นนึงเลยอ่ะ แล้วค่อยกลับไปทำงานต่อ
ห้างต่อไป อยู่ติดกะโมฮัมเมดเลย คือ M.R.G. ก็จะมีพวกเสื้อผ้า ของใช้ ร้านมือถือ ร้านขายเครื่องดนตรี แต่จะมีพวกเสื้อผ้าเด็กเยอะเป็นพิเศษ คนไทยจะชอบมาช็อปเสื้อผ้าที่นี่ไปฝากลูกฝากหลานกันค่ะ
ไหนๆก็พูดถึงห้างแล้ว จะพาไปรู้จักกับห้างอื่นๆด้วยเลยละกัน
จากโมฮัมเมด เอ็มอาร์จี เดินไปอีกนิดก็จะถึง Lulu Hypermarket เหมือนโลตัส บิ๊กซีบ้านเราแหละ มีทุกอย่างให้เลือกสรร ของราคาถูก ไม่แพงเลย บางอย่างถูกกว่าบ้านเรา โดยเฉพาะกระดาษทิชชู่ น้ำดื่ม เนื้อสัตว์ ชีส นม เนย ช็อกโกแลต (คืออะไรที่เป็นของชอบของคนคูเวต จะราคาถูกมาก)
อะไรที่แพงๆบ้านเราอ่ะ ที่นี่จะถูก แต่อะไรที่บ้านเราถูกที่นี่จะแพง (เพราะเขาต้องนำเข้ามา)
ห้างแบบบ้านเราก็มีนะ อย่าง Ikea (บ้านเราเรียก อิเกีย คนที่นี่เรียกว่า ไอเกีย แบบไหนคือถูกอ่ะ ไม่รู้เหมือนกัน)

เรื่องสร้างภาพขอให้บอก 555 เอาจริงป่ะ แอมยังไม่เคยไปอิเกียที่ไทยเลย ไม่รู้ว่ามันเหมือนกันหรือเปล่า แต่ที่นี่มีมุมให้ถ่ายรูปเยอะดีนะ
ร้านไดโซะก็มีเด้อ ราคาก็พอๆกะบ้านเรา
ส่วนอันนี้ อลังการงานสร้าง เป็นวิวหน้าห้างสุลต่าน
นั่งรถมาถ่ายแค่หน้าห้าง ไม่ได้เข้า
ไปอ่านต่อที่คอมเม้นท์เลยค่ะ กระทู้เดียวจบจ้า
[CR] รีวิวคูเวต ตอน วันที่ฉันต้องผจญโลกใหม่
มีแต่ทะเลทราย ร้อนๆน่ะสิ?
มีอะไรให้เที่ยว?
คนไทยเขาไปทำงานอะไรที่นั่น?
แล้วคูเวตนี่มันอยู่ส่วนไหนของโลกอ่ะ?
และเชื่อว่ายังมีอีกหลายคำถาม วันนี้แอมจะพาทุกคนไปรู้จักกับคูเวต และมาดูกันว่าชีวิต 3 เดือนในคูเวตของแอมจะเป็นยังไง ไปดูกันเลยยย
ขอเกริ่นก่อนว่า การจะไปประเทศคูเวต ไม่ใช่ว่ามีเงินอย่างเดียวแล้วจะไปได้ สิ่งที่ต้องมีคือวีซ่า ซึ่งถ้าคุณไม่ได้ไปทำงาน ไปโดยวีซ่างาน ก็จะมีความยากเกิดขึ้น อย่างของแอมคือไปวีซ่าเยี่ยม (Visit Visa) ได้ลุงเป็นสปอนเซอร์ มีสิทธิ์อยู่ได้ 3 เดือน
7 ธ.ค. 2559 วันบิน แอมใช้บริการสายการบิน Gulf Air เป็นสายการบินของบาห์เรน ที่ใช้สายการบินนี้เพราะมันถูก ถูกมาก คือไปกลับแอมซื้อได้ในราคา 13,000 บาทเอง (Ecoนะ) แต่ที่เช็กอินตรง Business เพราะคุณนายแม่เป็นเมมเบอร์ค่ะ
นอกจากสิทธิ์ที่ไม่ต้องไปต่อแถวยาวๆรอเช็กอินแล้ว ก็ยังได้บัตร Premium Lane และบัตรเข้าไปกินอาหารในเลาจน์อีกด้วย (บุญปากค่ะ555) แต่เอาจริงๆกินอะไรไม่ค่อยลงนะ เพราะตื่นเต้นมากที่จะได้ขึ้นเครื่องครั้งแรก ปวดท้อง ปวดหัว ใจเต้น แพนิคไปหมด บวกกะว่าแอมเป็นโรคลิ้นหัวใจรั่วตั้งแต่เด็ก เราเลยกลัวนิดๆ ว่ามันจะเป็นอะไรหรือเปล่านะ จะหายใจออกไหมนะ
ออกจากเลาจน์ เตรียมไปรอขึ้นเครื่องที่เกต ตอนนั้นเริ่มมวนท้องละ คงเป็นเพราะตื่นเต้น บวกกับเป็น IBS (ลำไส้แปรปรวน) อยู่แล้ว ดูเป็นหลายโรคเนอะ
ขึ้นเครื่องไป ได้สองที่นั่งติดริมหน้าต่าง แม่นั่งริมหน้าต่าง แอมนั่งริมทางเดิน เตรียมยาดม ยาอม ยาหม่อง ใส่ไว้ในที่เก็บของตรงเบาะหน้าพร้อม เผื่อฉุกเฉินจะได้หยิบทัน
ข้างหน้าก็มีแท็บเล็ตส่วนตัวให้ดู แต่ทั้งหนังทั้งเพลงไม่ค่อยอัพเดต แต่ก็เอาเถอะ ดีกว่าไม่มีไรทำ ดูหนังฟังเพลงคลายเครียดไปค่ะ ตอนเครื่องขึ้น ตื่นเต้นนะ หลับตาเลยอ่ะ หลับไปจนเครื่องขึ้นไปถึงจุดที่โอเค นิ่งละ ถึงค่อยลืมตา เพราะตอนที่เทกออฟก็เสียวๆโหวงๆนิดๆ (ก็คนมันไม่เคยขึ้น แถมไปเสิร์ชหาข้อมูลก่อนบินว่า ขึ้นเครื่องแล้วอาการจะเป็นยังไง ยิ่งมโนไปกันใหญ่)
แต่ความจริงมันไม่น่ากลัว และไม่มีผลกระทบกับโรคลิ้นหัวใจรั่วที่แอมเป็น แต่ในเคสที่เป็นหนักกว่าแอม อันนี้ไม่แน่ใจว่าจะมีผลอะไรหรือเปล่า อาจจะต้องปรึกษาคุณหมอก่อนบินนะแอมว่า
6 ชม.ผ่านไป ถึงสนามบินบาห์เรน มาต่อเครื่องที่นี่ค่ะ มีเวลา 1 ชม.ก็เข้าเลานจ์สิคะ รออะไร
พักแค่ชั่วโมงเดียว กินอะไรเบาๆพอค่ะ ขนมปัง มันฝรั่ง ชาร้อน เค้ก พอกรุบๆ อาหารอื่นๆก็จะมีพวกข้าวหมก และก็อาหารแขกๆอ่ะค่ะ กินเสร็จก็เดินถ่ายรูปสร้างภาพต่อ
สร้างภาพเสร็จก็เตรียมไปขึ้นเครื่อง อากาศที่บาห์เรนดีนะ ไม่หนาวไม่ร้อน กำลังสบายๆ นั่งไปอีก 45 นาทีก็ถึงคูเวตละค่ะ
ก้าวแรกที่ออกจากเครื่อง โอ้โห หนาวสุด คือใส่เสื้อแขนยาวบางๆมาคิดว่าคงไม่หนาวมากหรอกน่ะ ที่ไหนได้ หน้าชาเลย คิดว่าไม่น่าจะเกิน 10 องศาอ่ะ บางคนอาจจะบอกว่าชิลๆ แต่แอมขี้หนาว แล้วเราเจออากาศร้อนจากไทยมา เลยปรับตัวไม่ทัน ก็มันหนาวจริงๆอ่ะ
สนามบินเขาไม่ใหญ่ เล็กๆ น่ารักๆ ตอนไปรอกระเป๋า ก็จะมีพนักงานรอช่วยเข็นอยู่ ถ้าเราขี้เกียจเข็น หรือของเยอะก็เรียกพนักงานมาช่วย คือดีนะ เขาจะเข็นเอากระเป๋าไปเอกซเรย์ (ที่นี่กระเป๋าทุกใบต้องผ่านการเอกซเรย์ก่อนออก ไม่มีข้อยกเว้น ไม่มีการสุ่มตรวจแบบที่ไทย) จากนั้นก็เข็นไปส่งที่รถเลยค่ะ ค่าเข็นก็แล้วแต่เราจะให้ ราคาปกติคือ 500 ฟิล (ประมาณ 60-70 บาท) แต่บางคนเขาก็ให้ 1 KD.(110-120 บาท) ขึ้นอยู่กับน้ำใจและเงินในกระเป๋าเนอะ
เรื่องที่พัก แอมไปพักอยู่กับแม่ย่าน Salmiyah จะอยู่เป็นห้องชุด คล้ายๆคอนโด มี 1 ห้องนอน 1 ห้องนั่งเล่น 1 ห้องครัว 1 ห้องน้ำ แต่ก็ไม่ได้ไฮโซเท่าคอนโดชุดเมืองไทย สำหรับแอมคืออยู่สบายมาก มีแอร์หมด เป็นแอร์เหมือนแอร์ตามห้าง แต่มีปุ่มให้เราปรับอุณหภูมิได้
คือสภาพที่อยู่ของที่นี่ ส่วนมากก็จะเป็นตึกๆ คนต่างชาติที่มาทำงานก็จะอยู่ตึกแบบนี้กัน ค่าเช่าแพงมากนะ (ตั้งแต่ 20,000-70,000 บาทต่อเดือน แล้วแต่ความเก่าใหม่ของตึก)
ส่วนคนคูเวตตี้แท้ๆ ส่วนมากเขาจะค่อนข้างมีฐานะดี บ้านก็จะแบบว่าเว่อร์วังอลังการ มีเรือส่วนตัวจอดหน้าบ้าน อะไรประมาณนั้น คุณภาพชีวิตเขาดีมากอ่ะ อิจเลยยย เดี๋ยวหลังๆจะเล่าให้ฟังถึงสวัสดิการที่เขาได้จากรัฐ ขอบอกว่าไม่ธรรมดา
ที่นี่ไม่ได้บังคับว่าต้องคลุมฮิญาบ แต่ว่าเราต้องแต่งตัวให้มิดชิดค่ะ เสื้อแขนยาว กางเกง/กระโปรงยาว ขืนใส่สั้นๆ รัดๆ เจอตำรวจเรียกนะคะคุณ แถมยังจะถูกมองไปตลอดทางเลยล่ะ แต่งเรียบร้อยเข้าไว้ดีที่สุด ปลอดภัยจากตำรวจและสายตาผู้คนค่ะ
เราใช้การเดินเท้าเป็นหลัก ไปไหนมาไหนเขาก็เดินกันไป คือถ้าเป็นที่ไทยเราอาจรู้สึกขี้เกียจ รู้สึกว่ามันไกล แต่สำหรับที่นี่ แอมว่ามันเดินได้อ่ะ ด้วยสภาพอากาศที่ไม่ร้อน ถนนหนทางก็ดี ไม่ต้องคอยระวังมอไซค์ (อันนี้คือชอบ) ที่นี่ไม่มีมอไซค์นะคะ ไม่มีเด็กแว้น 555 คนที่มีมอไซค์ก็คือจะแบบตัวท็อปไปเลย ฮาร์เลย์ บิ๊กไบค์อะไรทำนองนั้น จะมาแว้นๆแบบบ้านเราไม่มีเลย ไม่มีจริงๆ
ที่แรกที่ไปหาซื้อรองเท้า เขาเรียกกันว่า Mohammed เป็นห้างที่ขายพวกเสื้อผ้า ของใช้ อุปกรณ์มือถือ ร้านทอง มีหมดทุกอย่าง
อะไรที่แพงๆบ้านเราอ่ะ ที่นี่จะถูก แต่อะไรที่บ้านเราถูกที่นี่จะแพง (เพราะเขาต้องนำเข้ามา)