สวัสดีค่ะ
วันนี้มาในหัวข้อพลีชีพอย่างยิ่ง 555+ ก่อนเข้ากระทู้อยากจะแจ้งไว้ก่อนค่ะ
*จขกท. ไม่ได้มีเจตนาลบหลู่หรือดูถูกอาชีพครูแต่อย่างใดนะคะ ครูดีๆที่เรารักและเคารพมีหลายท่าน
**กระทู้นี้เอาจริงๆอยากจะตีแผ่ด้านมืดของรั้วโรงเรียนส่วนนึงจากประสบการณ์ส่วนตัว
***เจตนาที่แท้จริงคือเราต้องการให้ผู้ปกครองเข้าใจเด็กมากขึ้นค่ะ ว่า ครูเนี่ยไม่ใช่จะดีทุกคน อยากให้รับฟังลูกหลานท่านให้มาก
ขึ้นจะได้ไม่มีปัญหาภายในครอบครัวกับเด็กวัยหนุ่มสาว
เรื่องมาจากโรงเรียนม.ปลายที่เราเรียนค่ะ (ขอไม่บอกชื่อค่ะ ไม่อยากเดือดร้อน55+) เราก็เด็กธรรมดาคนนึงค่ะ เรียนๆเล่นๆ
แต่รุ่นชั้นปีเดียวกันกับเรามีเด็กคนนึงเค้าป่วยเป็นลูคีเมีย (ลูคีเมีย คือมะเร็งเม็ดเลือดขาวค่ะ) เราแทบจะไม่ได้เจอเค้าเลยค่ะ ส่วนใหญ่เค้าจะรักษาตัวที่โรงพยาบาลบ่อยๆ มีอยู่วันนึงเพื่อนเราสองคนไปกินข้าวที่ร้านอาหารตามสั่งใกล้ๆโรงเรียนตอนเย็นแล้วค่ะ ด้วยความบังเอิญยังไงไม่รู้ ร้านนั้นเป็นร้านของเด็กที่ป่วยค่ะ แม่เค้าเปิดร้านอาหารตามสั่ง วันนั้นเค้าไปช่วยแม่เค้าด้วย เพื่อนเาาก็ทานอาหารกันปกติค่ะ ไม่ได้ทักอะไรเพราะอยู่กันคนละห้องไม่ได้สนิทหรือรู้จักกันเลย ตอนน้นมีลูกต้าคนอื่นอยู่สองสามโต๊ะ พอดีคนรู้จักกับครอบครัวน้องคนนั้นมาทานค่ะ เค้าก็คุยกันตามประสา ไปๆมาๆ เข้าเรื่องอาการป่วยของเด็กคนนั้น สรุปเอาเนื้อๆเลยนะคะ
คือบ้านเค้าเนี่ยพ่อแม่อยกทางกัน พ่อเค้าไปแต่งงานใหม่ตั้งแต่เค้าเด็กๆแล้ว หลังจากพ่อแม่เลิกกันได้ 2 ปี เค้าก็ป่วยเป็นลูคีเมียค่ะ
แต่พ่อเค้าก็ไม่ได้ทอดทิ้งนะคะ ส่งเงินช่วยตลอด ฐานะทางบ้านเค้าดีค่ะ พ่อแม่ทำงานดีๆทั้งคู่ แต่พอเค้าป่วยและอาการทรุดเยอะจากเมื่อก่อน แม่ของเค้าก็ออกจากงานมาขายอาหารตามสั่งค่ะ เพื่อจะได้มีเวลามาดูแลเค้า พ่อเค้าก็ช่วยค่ารักษาตลอด โชคดีที่เค้าได้เป็นคนไข้อุปถัมป์ใน สมเด็จพระเทพฯ เลยตัดเรื่องค่ารักษาไปได้บ้าง หลังจากนั้นก็ดราม่าค่ะ เค้าก็เล่าไปร้องไห้ไป เค้าบอกว่าตอนที่เค้าต้องรักษาตัวที่ รพ. ศิริราช เกือบปี ช่วงที่เค้าไม่ได้มาโรงเรียนเลย ในนั้นจะมีห้องคนไข้อุปถัมป์ ที่ป่วยลูคีเมียแยกมาโดยเฉพาะ คนป่วยมีสิบคน เค้าบอกว่าเค้าต้องมองดูเพื่อนๆในห้องนั้นเสียชีวิตไปทีละคน เพื่อนเตียงข้างๆที่อายุเท่ากัน จะคอยขอให้เค้าเล่านิทานให้ฟังก่อนนอนทุกคืน วันที่เด็กคนนั่นเสียคือมือเค้ายังจับกันไว้เลยค่ะ จากสิบคนเหลืออยู่สี่คน (ซึ่งปัจจุบันเราก็ไม่รู้ว่าพวกเค้าเป็นยังไงบ้างนะคะ)
ที่น่าเศร้ากว่านั่นคือครูคนนึงในโรงเรียนค่ะ เป็นหัวหน้าฝ่ายปกครอง คือเด็กคนนี้ไปหาหมอตามนัดตอนเช้า พอเข้าคาบบ่ายก็กลับมาเรียน แต่ยามไม่ให้เข้า เค้าอยากเรียนมากเพราะกลัวจบไม่ทันเพื่อนเรียนไม่ทันเพื่อน ยามเลยตามครูคนนี้มา รู้มั้ยคะ ว่าครูพูดว่าไง
'ไม่ต้องเรียนหรอก มาจนป่านนี้ ไปพักผ่อน จะมาเรียนทำไมเดี๋ยวก็ตายแล้วเหนื่อยป่าวๆ' เหตุการณ์นั่นเราก็เห็นค่ะ เราพักเที่ยงและอยู่ตรงแถวๆนั่นพอดี เค้าก็เดินร้องไห้กลับบ้านไป เรื่องเป็นแบบนี้หลายครั้งค่ะ คือครูคนนี้แบบบางวันชักสีหน้ารำคาญใส่เลย ไม่อยากให้เค้ามาเรียน เดี๋ยวบอกกลัวมาช๊อคตายในโรงเรียนบ้างล่ะ ขี้เกียจหามส่งโรงพยาบาลบ้างล่ะ แล้วมีอีกค่ะ รอง ผอ. เป็นผู้หญิงมีอายุแหละค่ะ ง่ายๆ มนุษย์ป้า ตอนนั้นเค้าใส่วิกมาร่ะเป็นวิกผมเปียสองข้างสีดำคือแม่เค้าซื้อให้ เราก็เห็นเค้าใส่มานะคะวันนึง คือคนป่วยลูคีเมียจะผมร่วงเพราะการทำคีโมค่ะ แม่เค้าซื้อมาให้ใส่ จะได้เหมือนเพื่อนในโรงเรียน ตอนนั้นเค้าเล่าทั้งน้ำตาว่า รองผอ.มากระชากวิกผมเค้าออกแล้วบอกว่า ไม่อนุญาติ โรงเรียนชั้นไม่มีกฎบอกว่าให้ใส่วิกมาเรียน เดี๋ยวเด็กคนอื่นจะเอาเยี่ยงอย่าง (คือเด็กคนอื่นก็รู้ป่ะว่าเค้าป่วย -_-)
นั่นล่ะค่ะ เพื่อนรุ่นเราไม่มีใครชอบรองผอ.คนนี้เลย
คือวันนั่นเพื่อนเราสองคน กับลูกค้าตอนนั้นคือกินข้าวไม่ลงเลย นั่งร้องไห้ไปกับเค้า 555+ เราพอเพื่อนเล่าก็อยากจะไปกินนะคะ แบบช่วยอุดหนุนเค้าทำอร่อยด้วย สะอาดด้วย เห็นเพื่อนบอก แต่เค้าปิดร้านไปแล้วค่ะ T_T เหมือนเด็กคนนั่นจะอาการทรุดเลยไม่ได้มาโรงเรียนอีกเลย...
ขอเสริมเรื่องตัวเองนิดนึง ครูหัวหน้าปกครองคนเดียวกันนี่แหละ ตอนเข้าไปใหม่ๆเราก็ว่าเค้าดีนะคะ จนโดนกับตัวเอง คือตอนรั่นมีงานสถาปนาสถาบันค่ะ เค้าบังคับให้ใส่ชุดนักเรียน โชคร้ายว่าวันนั้นรองเท้านักเรียนเราสายรัดขาด เช้าพรุ่งนี้ที่เป็นวันงานเราเลยตัดสินใจใส่ชุดพละ ในใจก็กลัวโดนลงโทษค่ะ แต่แบบคนใส่มาเป็นสามสี่ร้อยคนเราก็ใจชื้นหน่อย บวกกับเรามีเหตุผลที่ค่อนข้างดีนิดนึง
สรุปว่า...โดนเรียกเข้าห้องปกครองค่ะ กับเพื่อนอีกคน และคนอื่นอีกสามคน ห้าคนจากเด็กสี่ร้อยคนที่ใส่ชุดพละ
ครูคนนั้นถามเราว่าทำไมไม่ใส่ เราก็บอกว่าเมื่อวานนักเรียนขาด เค้าสวนกลับมาเลยว่า แล้วทำไมไม่ซื้อใหม่ เราก็ตอบว่าเงินพ่อยังไม่ออกค่ะ(คือฐานะทางบ้านไม่ดีค่ะเราอยู่กับพ่อ พ่อแม่เราแยกทางกัน) เค้าตะคอกกลับว่า 'พ่อแม่ไม่ใส่ใจเลยหรอ ไม่มีปัญญาซื้อรองเท้านักเรียนเลยหรอ แล้วโง่รึป่าว ใส่ชุดนักเรียนรองเท้าผ้าใบมาก็ได้!' เรานี่อึ้งเลย แบบจะร้องไห้มากตอนนั่น นึกในใจคืออยากกลับบ้านมาก ว่าเราเราไม่อะไรหรอกค่ะ แต่มาว่าพ่อแม่เรามันจุกในอกมากอ่ะ เราก็พลาดเองที่ไม่ใส่ชุดนักเรียนรองเท้าผ้าใบ คือเรากลัวโดนเรียกค่ะ เพราะโรงเรียนเราเซนซิทีฟเรื่องนี้มาก คือใส่มาก็โดนดุ เราก็พลาดเองด้วย แต่ไม่พอใจที่เค้าพูดคำหยาบถึงพ่อแม่เราค่ะ
เรากับเพื่อนอีดสองคนที่ไปกินข้าวร้านนั่นแหละค่ะ บอกตามตรง ไม่มีใครเรียนจบจากที่นี่เลย ออกกลางคันกันหมด แต่ยืนยันค่ะ ตัวเราไม่ได้มีปัญหาอะไรนะคะ ชู้สาว ทะเลาะวิวาท ยาเสพติด เรียนตก ไม่มีเลยค่ะ ผลการเรียนไม่เคยต่ำกว่าสาม เราออกเพราะฐานะทางบ้านไม่ดีด้วย ปัญหาในครอบครัวค่ะ ตอนนั่นเราเครียดมากหลายอย่างเลยตัดสินใจออก เพื่อนเราก็คล้ายๆกันค่ะ คือสนิทกันมาตั่งแต่ประถม สองคนนั้นไปต่อกศน. จนจบ ส่วนเราทำแต่งานไม่สีเวงาไปเรียน กศน. เลยเก็บเงินสอบ GED เอา ตอนนี้เรียนต่อที่ราม น่าจะจบภายในสองปีครึ่งค่ะ จบพร้อมรุ่นเลย
เราอยากให้คนที่อ่าน โดยเฉพาะผู้ปกครอง อยากให้ปรับความเข้าใจกับลูกหลานตัวเองนะคะ ลองคุยกันถึงปัญหาทางการเรียน เพราะบางเรื่องก็เชื่อครูไม่ได้หรอกค่ะ อย่างครูคนนี้ที่เรากล่าวมา เพื่อนเราเป็นผู้หญิงใส่แว่นหนาๆ ไม่แต่งหน้าแต่งตัว คือเด็กเนิร์ดสมบูรณ์แบบ พกไฟแช็กใส่กระเป๋ามา คือจะเอาจุดเทียนเป่าเค้กวันเกิดเพื่อนตอนพัก พอดีวันรั้นมีตรวจระเบียบ โดนเรียกผู้ปกครองเพราะสงสัยว่าสูบบุหรี่ -_- เพื่อนเราคนนั่นจากที่สุภาพเรียบร้อย ออกมาจากห้องปกครอง คือสบถหยาบเลย นางบอกว่า (ขออนุญาติหยาบคายนะคะ) " ถ้าหน้าอย่างกูสูบบุหรี่ เด็กทั้งโรงเรียนคงติดยากันหมดละ ควาย!" (😂) มีหลายๆเรื่อง ใต้โต๊ะ สารพัด และมันเกิดขึ้นกับเพื่อนเรา คนรอบตัวทั้งนั้น ถึงกล้าเอามาเล่า เพราะไม่ใช่พูดปากต่อปากแล้วมากล่าวอ้าง บางครั้งโรงเรียนก็ไม่ได้สะอาดทุกที่หรอกค่ะ ครูก็ไม่ได้ดีทุกคน แย่กว่าที่เราเล่ามาก็มี (เคยโดนโกงค่าหนังสือภาษาญี่ปุ่นด้วย จ่ายเงินแล้วนางเชิดหนีไปเลย บริษัทที่ผลิตหนังสือมาทวงเงินกับโรงเรียนแล้วคือเด็กจ่ายไปแล้วแต่ครูเอาเงินหนีไป 😂😂😂) เพราะฉะนั้น ในยุคทะมึนแบบนี้เราควรรอบคอบทุกการตัดสินใจค่ะ จะเชื่อแค่เพราะคนๆนั้นเป็นครู เป็นนิติบุคคล ต้องติตรองก่อนนะคะ
สุดท้ายเราอยากบอกว่าเราไม่เคยเสียใจที่ลาออกมาเลยค่ะ ถึงจะไม่มีวุฒิม.ปลาย แต่เราก็สอบเทียบได้ เราได้เรียนมหาลัยเหมือนกันถึงจะไม่ใช่ม.ดังที่สอบเข้ายากๆ ค่าเทอมแพงๆ แต่เราก็ภูมิใจในตนเอง เพราะเราสร้างมันด้วยตัวเอง
ส่วนเพื่อนคนนั้นที่เราเอามาเล่า ถ้ามาเจอกระทู้นี้ เราต้องขอโทษด้วยที่เอาเรื่องของคุณมาแพร่งพราย เราไม่ได้เจตนาทำให้คุณเสียความรู้สึกหรืออะไร เราแค่ต้องการให้คนในสังคมได้รู้ถึงสิ่งที่คุณถูกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม เพื่อเป็นการช่วยเหลือผู้ป่วยคนอื่นที่เจอเหมือนกันอยากให้เค้าได้รับกำลังใจจากเราและคนในสังคมอีกสักคนสองคนท่าเข้ามาอ่านด้วย อยากให้พวกคุณสู้ต่อไปค่ะ
และเพื่อนคนนี้ที่ป่วย เราขอให้คุณหายเร็วๆ ร่างกายแข็งแรง อยู่ไปนานๆ ถึงครูในโรงเรียนนั้นจะทำร้ายความรู้สึกคุณ แต่คุณยังมีแม่ที่รักคุณมากอยู่ข้างๆ มีกำลังใจจากเราและเพื่อนเราอีกสองคนที่ได้ไปฟังเรื่องของคุณในวันนั้น จนเรามาตั่งกระทู้ในวันนี้ ส่งกำลังใจให้ผู้ป่วยทุกคนไม่ว่าจะโรคอะไร เราเชื่อว่าพวกคุณมีคนที่รักเคียงข้างเสมอ...
(พิมพ์ไปร้องไห้ไป T_T)
ยาวมากแต่ก็อยากให่อ่านกันนะคะ ตอนนี้เราไว้ผมมาปีกว่าแล้วยังไม่ได้ตัดเลย กะจะตัดเอาไปบริจาคให้ผู้ป่วยลูคีเมียค่ะ
เผื่อเพื่อนๆที่สนใจ ผมไม่ควรผ่านการทำเคมี ไม่ว่าจะยืด ดัด ทำสีหรืออะไร บริจาคได้ที่สภามะเร็งแห่งชาติค่ะ เค้าจะเอาไปทำวิกให้ผู้ป่วยมะเร็งค่ะ
สุดท้ายก็ยังขอฝากกำลังใจให้ผู้ป่วยมะเร็งทุกคน สู้ๆนะคะ ^_^
สวัสดีค่ะ
การปฏิบัติของครูต่อนักเรียนที่ป่วยเป็นลูคีเมีย(ยาวมาก)
วันนี้มาในหัวข้อพลีชีพอย่างยิ่ง 555+ ก่อนเข้ากระทู้อยากจะแจ้งไว้ก่อนค่ะ
*จขกท. ไม่ได้มีเจตนาลบหลู่หรือดูถูกอาชีพครูแต่อย่างใดนะคะ ครูดีๆที่เรารักและเคารพมีหลายท่าน
**กระทู้นี้เอาจริงๆอยากจะตีแผ่ด้านมืดของรั้วโรงเรียนส่วนนึงจากประสบการณ์ส่วนตัว
***เจตนาที่แท้จริงคือเราต้องการให้ผู้ปกครองเข้าใจเด็กมากขึ้นค่ะ ว่า ครูเนี่ยไม่ใช่จะดีทุกคน อยากให้รับฟังลูกหลานท่านให้มาก
ขึ้นจะได้ไม่มีปัญหาภายในครอบครัวกับเด็กวัยหนุ่มสาว
เรื่องมาจากโรงเรียนม.ปลายที่เราเรียนค่ะ (ขอไม่บอกชื่อค่ะ ไม่อยากเดือดร้อน55+) เราก็เด็กธรรมดาคนนึงค่ะ เรียนๆเล่นๆ
แต่รุ่นชั้นปีเดียวกันกับเรามีเด็กคนนึงเค้าป่วยเป็นลูคีเมีย (ลูคีเมีย คือมะเร็งเม็ดเลือดขาวค่ะ) เราแทบจะไม่ได้เจอเค้าเลยค่ะ ส่วนใหญ่เค้าจะรักษาตัวที่โรงพยาบาลบ่อยๆ มีอยู่วันนึงเพื่อนเราสองคนไปกินข้าวที่ร้านอาหารตามสั่งใกล้ๆโรงเรียนตอนเย็นแล้วค่ะ ด้วยความบังเอิญยังไงไม่รู้ ร้านนั้นเป็นร้านของเด็กที่ป่วยค่ะ แม่เค้าเปิดร้านอาหารตามสั่ง วันนั้นเค้าไปช่วยแม่เค้าด้วย เพื่อนเาาก็ทานอาหารกันปกติค่ะ ไม่ได้ทักอะไรเพราะอยู่กันคนละห้องไม่ได้สนิทหรือรู้จักกันเลย ตอนน้นมีลูกต้าคนอื่นอยู่สองสามโต๊ะ พอดีคนรู้จักกับครอบครัวน้องคนนั้นมาทานค่ะ เค้าก็คุยกันตามประสา ไปๆมาๆ เข้าเรื่องอาการป่วยของเด็กคนนั้น สรุปเอาเนื้อๆเลยนะคะ
คือบ้านเค้าเนี่ยพ่อแม่อยกทางกัน พ่อเค้าไปแต่งงานใหม่ตั้งแต่เค้าเด็กๆแล้ว หลังจากพ่อแม่เลิกกันได้ 2 ปี เค้าก็ป่วยเป็นลูคีเมียค่ะ
แต่พ่อเค้าก็ไม่ได้ทอดทิ้งนะคะ ส่งเงินช่วยตลอด ฐานะทางบ้านเค้าดีค่ะ พ่อแม่ทำงานดีๆทั้งคู่ แต่พอเค้าป่วยและอาการทรุดเยอะจากเมื่อก่อน แม่ของเค้าก็ออกจากงานมาขายอาหารตามสั่งค่ะ เพื่อจะได้มีเวลามาดูแลเค้า พ่อเค้าก็ช่วยค่ารักษาตลอด โชคดีที่เค้าได้เป็นคนไข้อุปถัมป์ใน สมเด็จพระเทพฯ เลยตัดเรื่องค่ารักษาไปได้บ้าง หลังจากนั้นก็ดราม่าค่ะ เค้าก็เล่าไปร้องไห้ไป เค้าบอกว่าตอนที่เค้าต้องรักษาตัวที่ รพ. ศิริราช เกือบปี ช่วงที่เค้าไม่ได้มาโรงเรียนเลย ในนั้นจะมีห้องคนไข้อุปถัมป์ ที่ป่วยลูคีเมียแยกมาโดยเฉพาะ คนป่วยมีสิบคน เค้าบอกว่าเค้าต้องมองดูเพื่อนๆในห้องนั้นเสียชีวิตไปทีละคน เพื่อนเตียงข้างๆที่อายุเท่ากัน จะคอยขอให้เค้าเล่านิทานให้ฟังก่อนนอนทุกคืน วันที่เด็กคนนั่นเสียคือมือเค้ายังจับกันไว้เลยค่ะ จากสิบคนเหลืออยู่สี่คน (ซึ่งปัจจุบันเราก็ไม่รู้ว่าพวกเค้าเป็นยังไงบ้างนะคะ)
ที่น่าเศร้ากว่านั่นคือครูคนนึงในโรงเรียนค่ะ เป็นหัวหน้าฝ่ายปกครอง คือเด็กคนนี้ไปหาหมอตามนัดตอนเช้า พอเข้าคาบบ่ายก็กลับมาเรียน แต่ยามไม่ให้เข้า เค้าอยากเรียนมากเพราะกลัวจบไม่ทันเพื่อนเรียนไม่ทันเพื่อน ยามเลยตามครูคนนี้มา รู้มั้ยคะ ว่าครูพูดว่าไง
'ไม่ต้องเรียนหรอก มาจนป่านนี้ ไปพักผ่อน จะมาเรียนทำไมเดี๋ยวก็ตายแล้วเหนื่อยป่าวๆ' เหตุการณ์นั่นเราก็เห็นค่ะ เราพักเที่ยงและอยู่ตรงแถวๆนั่นพอดี เค้าก็เดินร้องไห้กลับบ้านไป เรื่องเป็นแบบนี้หลายครั้งค่ะ คือครูคนนี้แบบบางวันชักสีหน้ารำคาญใส่เลย ไม่อยากให้เค้ามาเรียน เดี๋ยวบอกกลัวมาช๊อคตายในโรงเรียนบ้างล่ะ ขี้เกียจหามส่งโรงพยาบาลบ้างล่ะ แล้วมีอีกค่ะ รอง ผอ. เป็นผู้หญิงมีอายุแหละค่ะ ง่ายๆ มนุษย์ป้า ตอนนั้นเค้าใส่วิกมาร่ะเป็นวิกผมเปียสองข้างสีดำคือแม่เค้าซื้อให้ เราก็เห็นเค้าใส่มานะคะวันนึง คือคนป่วยลูคีเมียจะผมร่วงเพราะการทำคีโมค่ะ แม่เค้าซื้อมาให้ใส่ จะได้เหมือนเพื่อนในโรงเรียน ตอนนั้นเค้าเล่าทั้งน้ำตาว่า รองผอ.มากระชากวิกผมเค้าออกแล้วบอกว่า ไม่อนุญาติ โรงเรียนชั้นไม่มีกฎบอกว่าให้ใส่วิกมาเรียน เดี๋ยวเด็กคนอื่นจะเอาเยี่ยงอย่าง (คือเด็กคนอื่นก็รู้ป่ะว่าเค้าป่วย -_-)
นั่นล่ะค่ะ เพื่อนรุ่นเราไม่มีใครชอบรองผอ.คนนี้เลย
คือวันนั่นเพื่อนเราสองคน กับลูกค้าตอนนั้นคือกินข้าวไม่ลงเลย นั่งร้องไห้ไปกับเค้า 555+ เราพอเพื่อนเล่าก็อยากจะไปกินนะคะ แบบช่วยอุดหนุนเค้าทำอร่อยด้วย สะอาดด้วย เห็นเพื่อนบอก แต่เค้าปิดร้านไปแล้วค่ะ T_T เหมือนเด็กคนนั่นจะอาการทรุดเลยไม่ได้มาโรงเรียนอีกเลย...
ขอเสริมเรื่องตัวเองนิดนึง ครูหัวหน้าปกครองคนเดียวกันนี่แหละ ตอนเข้าไปใหม่ๆเราก็ว่าเค้าดีนะคะ จนโดนกับตัวเอง คือตอนรั่นมีงานสถาปนาสถาบันค่ะ เค้าบังคับให้ใส่ชุดนักเรียน โชคร้ายว่าวันนั้นรองเท้านักเรียนเราสายรัดขาด เช้าพรุ่งนี้ที่เป็นวันงานเราเลยตัดสินใจใส่ชุดพละ ในใจก็กลัวโดนลงโทษค่ะ แต่แบบคนใส่มาเป็นสามสี่ร้อยคนเราก็ใจชื้นหน่อย บวกกับเรามีเหตุผลที่ค่อนข้างดีนิดนึง
สรุปว่า...โดนเรียกเข้าห้องปกครองค่ะ กับเพื่อนอีกคน และคนอื่นอีกสามคน ห้าคนจากเด็กสี่ร้อยคนที่ใส่ชุดพละ
ครูคนนั้นถามเราว่าทำไมไม่ใส่ เราก็บอกว่าเมื่อวานนักเรียนขาด เค้าสวนกลับมาเลยว่า แล้วทำไมไม่ซื้อใหม่ เราก็ตอบว่าเงินพ่อยังไม่ออกค่ะ(คือฐานะทางบ้านไม่ดีค่ะเราอยู่กับพ่อ พ่อแม่เราแยกทางกัน) เค้าตะคอกกลับว่า 'พ่อแม่ไม่ใส่ใจเลยหรอ ไม่มีปัญญาซื้อรองเท้านักเรียนเลยหรอ แล้วโง่รึป่าว ใส่ชุดนักเรียนรองเท้าผ้าใบมาก็ได้!' เรานี่อึ้งเลย แบบจะร้องไห้มากตอนนั่น นึกในใจคืออยากกลับบ้านมาก ว่าเราเราไม่อะไรหรอกค่ะ แต่มาว่าพ่อแม่เรามันจุกในอกมากอ่ะ เราก็พลาดเองที่ไม่ใส่ชุดนักเรียนรองเท้าผ้าใบ คือเรากลัวโดนเรียกค่ะ เพราะโรงเรียนเราเซนซิทีฟเรื่องนี้มาก คือใส่มาก็โดนดุ เราก็พลาดเองด้วย แต่ไม่พอใจที่เค้าพูดคำหยาบถึงพ่อแม่เราค่ะ
เรากับเพื่อนอีดสองคนที่ไปกินข้าวร้านนั่นแหละค่ะ บอกตามตรง ไม่มีใครเรียนจบจากที่นี่เลย ออกกลางคันกันหมด แต่ยืนยันค่ะ ตัวเราไม่ได้มีปัญหาอะไรนะคะ ชู้สาว ทะเลาะวิวาท ยาเสพติด เรียนตก ไม่มีเลยค่ะ ผลการเรียนไม่เคยต่ำกว่าสาม เราออกเพราะฐานะทางบ้านไม่ดีด้วย ปัญหาในครอบครัวค่ะ ตอนนั่นเราเครียดมากหลายอย่างเลยตัดสินใจออก เพื่อนเราก็คล้ายๆกันค่ะ คือสนิทกันมาตั่งแต่ประถม สองคนนั้นไปต่อกศน. จนจบ ส่วนเราทำแต่งานไม่สีเวงาไปเรียน กศน. เลยเก็บเงินสอบ GED เอา ตอนนี้เรียนต่อที่ราม น่าจะจบภายในสองปีครึ่งค่ะ จบพร้อมรุ่นเลย
เราอยากให้คนที่อ่าน โดยเฉพาะผู้ปกครอง อยากให้ปรับความเข้าใจกับลูกหลานตัวเองนะคะ ลองคุยกันถึงปัญหาทางการเรียน เพราะบางเรื่องก็เชื่อครูไม่ได้หรอกค่ะ อย่างครูคนนี้ที่เรากล่าวมา เพื่อนเราเป็นผู้หญิงใส่แว่นหนาๆ ไม่แต่งหน้าแต่งตัว คือเด็กเนิร์ดสมบูรณ์แบบ พกไฟแช็กใส่กระเป๋ามา คือจะเอาจุดเทียนเป่าเค้กวันเกิดเพื่อนตอนพัก พอดีวันรั้นมีตรวจระเบียบ โดนเรียกผู้ปกครองเพราะสงสัยว่าสูบบุหรี่ -_- เพื่อนเราคนนั่นจากที่สุภาพเรียบร้อย ออกมาจากห้องปกครอง คือสบถหยาบเลย นางบอกว่า (ขออนุญาติหยาบคายนะคะ) " ถ้าหน้าอย่างกูสูบบุหรี่ เด็กทั้งโรงเรียนคงติดยากันหมดละ ควาย!" (😂) มีหลายๆเรื่อง ใต้โต๊ะ สารพัด และมันเกิดขึ้นกับเพื่อนเรา คนรอบตัวทั้งนั้น ถึงกล้าเอามาเล่า เพราะไม่ใช่พูดปากต่อปากแล้วมากล่าวอ้าง บางครั้งโรงเรียนก็ไม่ได้สะอาดทุกที่หรอกค่ะ ครูก็ไม่ได้ดีทุกคน แย่กว่าที่เราเล่ามาก็มี (เคยโดนโกงค่าหนังสือภาษาญี่ปุ่นด้วย จ่ายเงินแล้วนางเชิดหนีไปเลย บริษัทที่ผลิตหนังสือมาทวงเงินกับโรงเรียนแล้วคือเด็กจ่ายไปแล้วแต่ครูเอาเงินหนีไป 😂😂😂) เพราะฉะนั้น ในยุคทะมึนแบบนี้เราควรรอบคอบทุกการตัดสินใจค่ะ จะเชื่อแค่เพราะคนๆนั้นเป็นครู เป็นนิติบุคคล ต้องติตรองก่อนนะคะ
สุดท้ายเราอยากบอกว่าเราไม่เคยเสียใจที่ลาออกมาเลยค่ะ ถึงจะไม่มีวุฒิม.ปลาย แต่เราก็สอบเทียบได้ เราได้เรียนมหาลัยเหมือนกันถึงจะไม่ใช่ม.ดังที่สอบเข้ายากๆ ค่าเทอมแพงๆ แต่เราก็ภูมิใจในตนเอง เพราะเราสร้างมันด้วยตัวเอง
ส่วนเพื่อนคนนั้นที่เราเอามาเล่า ถ้ามาเจอกระทู้นี้ เราต้องขอโทษด้วยที่เอาเรื่องของคุณมาแพร่งพราย เราไม่ได้เจตนาทำให้คุณเสียความรู้สึกหรืออะไร เราแค่ต้องการให้คนในสังคมได้รู้ถึงสิ่งที่คุณถูกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม เพื่อเป็นการช่วยเหลือผู้ป่วยคนอื่นที่เจอเหมือนกันอยากให้เค้าได้รับกำลังใจจากเราและคนในสังคมอีกสักคนสองคนท่าเข้ามาอ่านด้วย อยากให้พวกคุณสู้ต่อไปค่ะ
และเพื่อนคนนี้ที่ป่วย เราขอให้คุณหายเร็วๆ ร่างกายแข็งแรง อยู่ไปนานๆ ถึงครูในโรงเรียนนั้นจะทำร้ายความรู้สึกคุณ แต่คุณยังมีแม่ที่รักคุณมากอยู่ข้างๆ มีกำลังใจจากเราและเพื่อนเราอีกสองคนที่ได้ไปฟังเรื่องของคุณในวันนั้น จนเรามาตั่งกระทู้ในวันนี้ ส่งกำลังใจให้ผู้ป่วยทุกคนไม่ว่าจะโรคอะไร เราเชื่อว่าพวกคุณมีคนที่รักเคียงข้างเสมอ...
(พิมพ์ไปร้องไห้ไป T_T)
ยาวมากแต่ก็อยากให่อ่านกันนะคะ ตอนนี้เราไว้ผมมาปีกว่าแล้วยังไม่ได้ตัดเลย กะจะตัดเอาไปบริจาคให้ผู้ป่วยลูคีเมียค่ะ
เผื่อเพื่อนๆที่สนใจ ผมไม่ควรผ่านการทำเคมี ไม่ว่าจะยืด ดัด ทำสีหรืออะไร บริจาคได้ที่สภามะเร็งแห่งชาติค่ะ เค้าจะเอาไปทำวิกให้ผู้ป่วยมะเร็งค่ะ
สุดท้ายก็ยังขอฝากกำลังใจให้ผู้ป่วยมะเร็งทุกคน สู้ๆนะคะ ^_^
สวัสดีค่ะ