
ไทยรัฐออนไลน์ พาไปดูตำรวจคอมมานโดของไทย อัพเกรดอุปกรณ์ทันสมัยรับมือภัยร้าย จัดหาอาวุธปืนใหม่ ติดเลเซอร์ดอดแดง ลูกซองเบเนลลี M4 เรียบง่ายแต่ตู้มต้าม ชุดเกราะใหม่ โล่กันกระสุนเลเวลสูงๆ กล้องมองกลางคืน มาครบแต่ใช้งบคุ้มค่า...
จากภาพการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจคอมมานโดกองปราบฯ ที่สนธิกำลังกับเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. ทหาร รวม 200 นาย ภายใต้ชื่อยุทธการฟ้าสางกลางกรุง 2/60 ปูพรมกวาดล้างแหล่งขายยาเสพติด รวมทั้งแหล่งมั่วสุมผู้ที่ไม่หวังดีที่จะก่ออาชญากรรม 13 จุดทั่ว กทม. โดยหน่วยอคอมมานโดทุกคนมีการสวมชุดเกราะที่ดูรัดกุม ทันสมัย อาวุธแปลกตาไปจากหน่วยอื่นๆ อีกทั้ง ยังดูแล้วคล้ายกับที่หน่วยสวาทของต่างประเทศใช้ปฏิบัติการแบบที่เป็นข่าวให้เห็นกันตามสื่อ

พ.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผกก.ปพ.บก.ป.กล่าวว่า การทำงานของหน่วยคอมมานโด อาวุธและกลยุทธ์ จำเป็นต้องก้าวไปควบคู่กัน จะเห็นว่า จนท.มีการนำอุปกรณ์ใหม่ๆ สำหรับใช้ในเมือง เข้ามาใช้งานแบบหลักสากลมากขึ้น แตกต่างไปจากครั้งที่ผ่านมาๆ ในอดีต โดยคอมมานโดมีการนำเอาโล่กันกระสุนมาใช้ มีชุดเกราะ หมวก แท็กติกคอลเกียร์ครบชุด ในการออกทำงาน นี่คือ สิ่งที่เราจัดหามา เพื่อทำให้เด็กๆ ทุกคนมั่นใจ และเพิ่มความปลอดภัยให้กับพวกเขา เพราะทุกครั้งเราต้องให้เขาไปเสี่ยงอันตราย ดังนั้นความปลอดภัยต้องมี โจรเห็นกลัว

ตำรวจคอมมานโดไทย พร้อมปืนกลมือมือ เวคเตอร์ ขนาด 9 มม. และอาวุธสำรอง ปืนพก .45 ที่ให้อำนาจการหยุดยั้งสูง

คอมมานโด กับ ปืนลูกซอง เบเนลลี เอ็ม 4
ที่ผ่านมา ตำรวจเราขาดแคลนอุปกรณ์และอาวุธที่ทันสมัย เพื่อรับมือกับภัยร้ายจากผู้ไม่หวังดี มาเป็นเวลานาน 6-7 ปี บางอย่างไม่เหมาะสำหรับการใช้งานในเมือง เช่น ไรเฟิลจู่โจม หรือ ปืน เอ็ม16 หรือ เอ็ม 4 แม้จะเป็นอาวุธร้ายแรง ที่มีใช้งาน แต่ก็ต้องไปตัดลอตแบ่งจากทาง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพราะของไม่พอใช้ จึงต้องมีการจัดหาของใหม่ๆ เข้ามาเสริม เช่น ปืนลูกซองยาว จากที่เคยใช้แบบปั๊มแอ็กชั่น 5 นัดก็เปลี่ยนมาเป็น ปืนลูกซองจู่โจมแบบ เบเนลลี เอ็ม 4 (ปืนลูกซองแบบเดียวกับที่ใช้ในภาพยนตร์ จอห์น วิค 2) ที่จัดหาจากอิตาลี เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน ส่วนปืนเอ็ม 16 เราก็ไม่จำเป็นต้องซื้อจากอเมริกาแต่ไปเลือกผู้ผลิตประเทศอื่นที่ได้ไลเซนส์ทำขาย ส่วนโล่กันกระสุนแบบใหม่ ที่เห็น จนท.ตำรวจเอามาใช้นำเวลาเข้าอาคารก็จัดหาของใหม่ที่เป็นสเปกล่าสุดกันกระสุนได้ในระดับ 4 หรือกัน กระสุนขนาด 5.56 มม.หรือ กระสุนเอ็ม 16 ได้

จนท.ใช้ปืน เอ็ม 4 ติดพานท้ายปรับแต่ง พร้อมชุดพาร์ทสำหรับปฏิบัติการพิเศษ

ตรงนี้เป็นการสร้างภาพลักษณ์ และขวัญและกำลังใจ จนท. รวมทั้งยังเป็นการแสดงศักยภาพในการใช้กำลัง หรือ Show off Force ให้คนร้ายกลัว
แล้วปืนแบบนี้ก็ใช้ได้ไม่ทุกภารกิจ ตำรวจคอมมานโดเรียนรู้และศึกษายุทธวิธี พบว่า เมื่อที่ต้องปฏิบัติงานในอาคาร ตามหอพัก เราไม่สามารถกันประชาชนออกมา หรือเคลียร์คนให้หมดทั้งตึก แบบที่ต่างประเทศทำได้ การนำเอาเอ็ม 16 มาใช้ในการต่อสู้ระยะประชิด หรือ CQB อาจเป็นอันตรายต่อประชาชน เพราะอำนวจการทำลายล้างสูง สิ่งที่เราเลือกใช้ คือ เปลี่ยนจาก เอ็ม16 มาเป็นปืนกลมือที่ใช้กระสุนความเร็วต่ำกว่า แต่ยังมีอำนาจหยุดยั้ง เช่น กระสุน 9 มม. หรือ .45 ACP ที่ตำรวจไทยใช้อยู่แล้ว แต่จัดหาของใหม่ เช่น Vector SMG หรือ HK UMP เพราะเมืองไทย ห้องพักผนังเป็นแค่ยิปซั่ม หรือ อิฐมวลเบา หากใช้เอ็ม16 มีอันทะลุไปโดนชาวบ้านแน่นอน แต่ถ้าเข้าป่าขึ้นดอยอันนี้จะเลือก เอ็ม 16 หรือ เอ็ม 4 มาใช้งาน เพราะเหมาะกับการต่อสู้ในป่า

ปืนกล เอ็ม 4 ลำกล้องสั้นสำหรับการต่อสู้ในเมือง
อย่างไรก็ตาม ตัวปืนอย่างเดียวไม่พอ จำเป็นต้องมีออปชั่น เพื่อเสริมประสิทธิภาพ แต่เนื่องจากการจัดซื้ออาวุธยุโธปกรณ์จากสหรัฐฯ ในเวลานี้ทำได้ลำบาก เราจึงจัดหาพาร์ท ชุดแต่ง และอาวุธเพิ่มเติม จากประเทศอื่นๆ ที่ได้ลิขสิทธิ์ผลิตขาย ไม่ว่าจะเป็น เลเซอร์ เรดดอด ก็จัดรุ่นล่าสุดเพื่อช่วยให้ จนท.ทำงานมั่นใจ กล้องมองกลางคืน หรือ ไนท์วิชั่น ก็เลือกรุ่นใหม่ที่สุด สามารถประกอบตัวจับความร้อนด้วยอินฟราเรด เสริมให้ จนท.สามารถมองและจัดการเป้าหมายในเวลากลางคืนได้ อุปกรณ์เสริมพวกนี้ ราคาสูงกว่าปืนเสียอีก แต่ก็ต้องซื้อมาใช้งานมันจำเป็น

คอมมานโดไทย ใช้ ปืน เอ็ม 4 ที่ใส่ชุดแต่งมาแล้ว
คอมมานโดยังมีงานสำคัญอีกอย่าง คือ การอารักขาถวายความปลอดภัยให้กับสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เราต้องเป็นหน่วยล่วงหน้าที่เข้าพื้นที่ เพราะฉะนั้นในงบประมาณ ปี 2560 ที่ได้มาจำนวน 48 ล้านบาท เราใช้คุ้มทุกบาททุกสตางค์ ไม่มีมาหักออกหรือตัดลดทอน ต้องจัดหาเอาของดีที่สุด ทันสมัยที่สุด เพื่อความมั่นใจสูงสุด ทำให้เจ้าหน้าที่สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุดนั่นเอง.
ที่มา :
http://www.thairath.co.th/content/960705
มันก็โหดๆหน่อย ส่องคอมมานโดซุ่มเงียบๆ จัดหนักไอเท็มเพียบไม่แพ้ชาติใด
ไทยรัฐออนไลน์ พาไปดูตำรวจคอมมานโดของไทย อัพเกรดอุปกรณ์ทันสมัยรับมือภัยร้าย จัดหาอาวุธปืนใหม่ ติดเลเซอร์ดอดแดง ลูกซองเบเนลลี M4 เรียบง่ายแต่ตู้มต้าม ชุดเกราะใหม่ โล่กันกระสุนเลเวลสูงๆ กล้องมองกลางคืน มาครบแต่ใช้งบคุ้มค่า...
จากภาพการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจคอมมานโดกองปราบฯ ที่สนธิกำลังกับเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. ทหาร รวม 200 นาย ภายใต้ชื่อยุทธการฟ้าสางกลางกรุง 2/60 ปูพรมกวาดล้างแหล่งขายยาเสพติด รวมทั้งแหล่งมั่วสุมผู้ที่ไม่หวังดีที่จะก่ออาชญากรรม 13 จุดทั่ว กทม. โดยหน่วยอคอมมานโดทุกคนมีการสวมชุดเกราะที่ดูรัดกุม ทันสมัย อาวุธแปลกตาไปจากหน่วยอื่นๆ อีกทั้ง ยังดูแล้วคล้ายกับที่หน่วยสวาทของต่างประเทศใช้ปฏิบัติการแบบที่เป็นข่าวให้เห็นกันตามสื่อ
พ.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผกก.ปพ.บก.ป.กล่าวว่า การทำงานของหน่วยคอมมานโด อาวุธและกลยุทธ์ จำเป็นต้องก้าวไปควบคู่กัน จะเห็นว่า จนท.มีการนำอุปกรณ์ใหม่ๆ สำหรับใช้ในเมือง เข้ามาใช้งานแบบหลักสากลมากขึ้น แตกต่างไปจากครั้งที่ผ่านมาๆ ในอดีต โดยคอมมานโดมีการนำเอาโล่กันกระสุนมาใช้ มีชุดเกราะ หมวก แท็กติกคอลเกียร์ครบชุด ในการออกทำงาน นี่คือ สิ่งที่เราจัดหามา เพื่อทำให้เด็กๆ ทุกคนมั่นใจ และเพิ่มความปลอดภัยให้กับพวกเขา เพราะทุกครั้งเราต้องให้เขาไปเสี่ยงอันตราย ดังนั้นความปลอดภัยต้องมี โจรเห็นกลัว
ตำรวจคอมมานโดไทย พร้อมปืนกลมือมือ เวคเตอร์ ขนาด 9 มม. และอาวุธสำรอง ปืนพก .45 ที่ให้อำนาจการหยุดยั้งสูง
คอมมานโด กับ ปืนลูกซอง เบเนลลี เอ็ม 4
ที่ผ่านมา ตำรวจเราขาดแคลนอุปกรณ์และอาวุธที่ทันสมัย เพื่อรับมือกับภัยร้ายจากผู้ไม่หวังดี มาเป็นเวลานาน 6-7 ปี บางอย่างไม่เหมาะสำหรับการใช้งานในเมือง เช่น ไรเฟิลจู่โจม หรือ ปืน เอ็ม16 หรือ เอ็ม 4 แม้จะเป็นอาวุธร้ายแรง ที่มีใช้งาน แต่ก็ต้องไปตัดลอตแบ่งจากทาง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพราะของไม่พอใช้ จึงต้องมีการจัดหาของใหม่ๆ เข้ามาเสริม เช่น ปืนลูกซองยาว จากที่เคยใช้แบบปั๊มแอ็กชั่น 5 นัดก็เปลี่ยนมาเป็น ปืนลูกซองจู่โจมแบบ เบเนลลี เอ็ม 4 (ปืนลูกซองแบบเดียวกับที่ใช้ในภาพยนตร์ จอห์น วิค 2) ที่จัดหาจากอิตาลี เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน ส่วนปืนเอ็ม 16 เราก็ไม่จำเป็นต้องซื้อจากอเมริกาแต่ไปเลือกผู้ผลิตประเทศอื่นที่ได้ไลเซนส์ทำขาย ส่วนโล่กันกระสุนแบบใหม่ ที่เห็น จนท.ตำรวจเอามาใช้นำเวลาเข้าอาคารก็จัดหาของใหม่ที่เป็นสเปกล่าสุดกันกระสุนได้ในระดับ 4 หรือกัน กระสุนขนาด 5.56 มม.หรือ กระสุนเอ็ม 16 ได้
จนท.ใช้ปืน เอ็ม 4 ติดพานท้ายปรับแต่ง พร้อมชุดพาร์ทสำหรับปฏิบัติการพิเศษ
ตรงนี้เป็นการสร้างภาพลักษณ์ และขวัญและกำลังใจ จนท. รวมทั้งยังเป็นการแสดงศักยภาพในการใช้กำลัง หรือ Show off Force ให้คนร้ายกลัว
แล้วปืนแบบนี้ก็ใช้ได้ไม่ทุกภารกิจ ตำรวจคอมมานโดเรียนรู้และศึกษายุทธวิธี พบว่า เมื่อที่ต้องปฏิบัติงานในอาคาร ตามหอพัก เราไม่สามารถกันประชาชนออกมา หรือเคลียร์คนให้หมดทั้งตึก แบบที่ต่างประเทศทำได้ การนำเอาเอ็ม 16 มาใช้ในการต่อสู้ระยะประชิด หรือ CQB อาจเป็นอันตรายต่อประชาชน เพราะอำนวจการทำลายล้างสูง สิ่งที่เราเลือกใช้ คือ เปลี่ยนจาก เอ็ม16 มาเป็นปืนกลมือที่ใช้กระสุนความเร็วต่ำกว่า แต่ยังมีอำนาจหยุดยั้ง เช่น กระสุน 9 มม. หรือ .45 ACP ที่ตำรวจไทยใช้อยู่แล้ว แต่จัดหาของใหม่ เช่น Vector SMG หรือ HK UMP เพราะเมืองไทย ห้องพักผนังเป็นแค่ยิปซั่ม หรือ อิฐมวลเบา หากใช้เอ็ม16 มีอันทะลุไปโดนชาวบ้านแน่นอน แต่ถ้าเข้าป่าขึ้นดอยอันนี้จะเลือก เอ็ม 16 หรือ เอ็ม 4 มาใช้งาน เพราะเหมาะกับการต่อสู้ในป่า
ปืนกล เอ็ม 4 ลำกล้องสั้นสำหรับการต่อสู้ในเมือง
อย่างไรก็ตาม ตัวปืนอย่างเดียวไม่พอ จำเป็นต้องมีออปชั่น เพื่อเสริมประสิทธิภาพ แต่เนื่องจากการจัดซื้ออาวุธยุโธปกรณ์จากสหรัฐฯ ในเวลานี้ทำได้ลำบาก เราจึงจัดหาพาร์ท ชุดแต่ง และอาวุธเพิ่มเติม จากประเทศอื่นๆ ที่ได้ลิขสิทธิ์ผลิตขาย ไม่ว่าจะเป็น เลเซอร์ เรดดอด ก็จัดรุ่นล่าสุดเพื่อช่วยให้ จนท.ทำงานมั่นใจ กล้องมองกลางคืน หรือ ไนท์วิชั่น ก็เลือกรุ่นใหม่ที่สุด สามารถประกอบตัวจับความร้อนด้วยอินฟราเรด เสริมให้ จนท.สามารถมองและจัดการเป้าหมายในเวลากลางคืนได้ อุปกรณ์เสริมพวกนี้ ราคาสูงกว่าปืนเสียอีก แต่ก็ต้องซื้อมาใช้งานมันจำเป็น
คอมมานโดไทย ใช้ ปืน เอ็ม 4 ที่ใส่ชุดแต่งมาแล้ว
คอมมานโดยังมีงานสำคัญอีกอย่าง คือ การอารักขาถวายความปลอดภัยให้กับสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เราต้องเป็นหน่วยล่วงหน้าที่เข้าพื้นที่ เพราะฉะนั้นในงบประมาณ ปี 2560 ที่ได้มาจำนวน 48 ล้านบาท เราใช้คุ้มทุกบาททุกสตางค์ ไม่มีมาหักออกหรือตัดลดทอน ต้องจัดหาเอาของดีที่สุด ทันสมัยที่สุด เพื่อความมั่นใจสูงสุด ทำให้เจ้าหน้าที่สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุดนั่นเอง.
ที่มา : http://www.thairath.co.th/content/960705