
ทริปนี้จองตั๋วช่วงที่บางกอกแอร์เวย์จัดโปรโมชั่น ได้ตั๋วไป-กลับ กรุงเทพฯ – ภูเก็ต ในราคา 1,750 บาท ซึ่งถือว่าถูกที่สุดที่บางกอกแอร์ฯ ออกมา เราชอบสายการบินนี้มี Lounge ให้ มีอาหารบริการบนเครื่อง และให้น้ำหนักกระเป๋าอีก ไม่ต้องมาเสียหยุมเสียหยิม จองตั๋วทิ้งไว้ตั้งแต่ 22 มกราคม 2560 (หลังจากกลับจากมาเก๊า) เพื่อให้น้องสาวได้เตรียมตัวเก็บตัง จริง ๆ ก็อยากไปช่วงพีคนะ แต่ช่วงพีคเดือนเมษายน 2560 ติดทริปเดินทางไปตุรกี และไต้หวัน เดือนเมษายนเป็นเดือนที่มีวันหยุดเยอะ และก็เที่ยวเยอะ จนรู้สึกกระดากทำงานให้หน่วยงานไม่เต็มที่ แต่อย่างไรเสีย ก่อนเดินทางในเดือนมีนาคม เราก็ทำงานให้เต็มที่เพื่อเคลียร์งานทั้งหมดที่มี
ก่อนวันเดินทาง หน่วยงานได้จัดไปรถส่งเพื่อให้บุคลากรได้เข้าไปถวายสักการะพระบรมศพฯ กลับจากถวายสักการะฯ ก็กลับมารอรับน้องสาว ถึงบ้านมืดเลย ทำให้ไม่ได้ตรวจเช็คเอกสารสำคัญ นั่นคือ “บัตรประจำตัวประชาชน” จากการเดินทางบ่อย และก็เป็นคนที่ขี้ลืม เคยลืมกระเป๋าสตังค์ไว้ที่ท่าเรือลมพระยามาแล้ว แม้จะได้ของคืนครบก็ตาม แต่มันก็ทำให้เป็นโรคหวาดระแวง ระยะหลังไม่ว่าจะเดินทางไปใกล้-ไกล ก็ต้องเก็บบัตรเครดิตที่มีวงเงินสูง ๆ ไว้ที่บ้าน และจะนำติดตัวไปเพื่อฉุกเฉินประมาณ 4 ใบ เก็บบัตรสมาชิกต่าง ๆ ไว้ที่บ้าน นำไปเฉพาะบัตรที่ต้องใช้เท่านั้น ครั้งนี้ด้วยความสะเพร่าจริง ๆ เอาบัตรที่มีรูปออกจากกระเป๋าหมดเลย เรื่องมันก็เลยเกิด ทั้ง ๆ ที่มันไม่ควรเกิด
วันที่ 27 พฤษภาคม 2560 ด้วยเกรงว่าฝนจะตก เราตื่นกันตีสาม เพื่อให้คนที่บ้านขับรถไปส่งแบบสบาย ๆ เราออกจากบ้านก่อนตีสี่นิด ๆ ขับรถออกทางพระราม 2 เพื่อไปยังสนามบินสุวรรณภูมิ ไปถึงเคาน์เตอร์เปิดให้โหลดกระเป๋า เราก็เข้าไปเพื่อโหลดของขึ้นเครื่อง พอพนักงานฯ ขอบัตรประจำประชาชน โอ้!!!! แม่เจ้า มันอยู่ไหนเนี่ย โอ้...มันแหนบอยู่กับป้ายแขวนคอ ทำไงดี ๆ มือไม้สั่นไปหมด สติเริ่มแตก จะได้ไปไหมเนี่ย ทำไงดี ๆ ๆ ๆ ก็โทรไปหาคนที่มาส่งให้กลับมารับหน่อย ก็เจอชุดใหญ่ และวางหูใส่อีก ชีวิตมันแทบจบอยู่ตรงนั้น แต่...แต่ ชีวิตมันยังคงต้องดำเนินต่อไป เข้าใจนะว่าโกรธ ไม่ง้อก็ได้หวะ!!!!
น้องสาวก็บอกว่ารีบไปเลย ไงจะรอจนกว่าจะกลับมา แล้วไปด้วยกัน เราจองเที่ยวแรกสุด เครื่องจะออกเวลา 08.05 น. ตอนนั้นมันเกือบจะหกโมงเช้า จะทันไหมเนี่ย ไป-กลับ ขามาก็ใช้เวลาชั่วโมงกว่าแล้ว พนักงานที่เคาน์เตอร์ก็บอกว่าถ้ากลับตอนนี้พี่กลับมาทันพี่ ยังไง ๆ พี่ก็ต้องกลับไปเอาบัตรฯ มาแสดง ไม่เช่นนั้นจะขึ้นเครื่องไม่ได้
เราก็รีบออกจากสนามบินฯ ก็เจอแท็กซี่มีคนลงพอดี เราก็เสียบขึ้นแทน แจ้งตำแหน่งที่จะไป แล้วบอกว่าขับเร็ว ๆ ให้พี่แล้วกัน ให้พี่กลับมาทันที่นี่ในเวลา 08.00 น. ก็เริ่มตั้งสติ ถ้ามัวแต่รอกันไปรอกันมา อาจตกเครื่องทั้งสองคนจึงโทรกลับมาบอกน้องสาวว่าไม่ต้องรอ โหลดของขึ้นเครื่อง และไปก่อนเลย และขอคุยกับพนักงานฯ เรื่องตั๋ว ถ้าจะซื้อตั๋วใหม่ราคาเท่าไหร่ ตอนนั้นคิดว่าคงไม่เกิน 2,000 บาท ไงเสียเที่ยวกลับเราก็มีตั๋วอยู่แล้ว พนักงานที่เคาน์เตอร์ก็โทรถามที่ที่ขายตั๋วให้ และให้น้องสาวขึ้นไปติดต่อ แล้วน้องก็โทรกลับมาบอก ต้องจ่ายเพิ่ม 800 บาท ซึ่งเป็นค่าส่วนต่างของตั๋ว ก็ยังดี ตั๋วที่เราได้มาโปรโมชั่น ตกเที่ยวละ 875 บาท จ่ายเพิ่มอีก 800 บาท รับได้ แต่ถ้าเป็นสายการบินอื่น ๆ ตั๋วโปรฯ แบบนี้ คงต้องทิ้ง และจ่ายค่าตั๋วใหม่อีกรอบ พนักงานแนะนำให้เปลี่ยนตั๋วเป็น 08.50 น. อันนี้เป็นประสบการณ์ใหม่ ที่โดนกับตัวเอง เราไม่โทษพนักงานฯ ที่แนะนำแบบนั้น เราถือว่าเป็นการตัดสินใจของเราเอง ที่ตัดสินใจแบบขาดสติ ไม่ค่อย ๆ คิด เพราะในการเดินทางไป-กลับ เราลืมคิดว่ายิ่งสายรถยิ่งเยอะ เปอร์เซ็นต์ที่คุณจะกลับมาไม่ทันมีมากกว่า คุณต้องกำหนดเวลาเผื่อไว้ อย่าให้เวลาที่เราเลือกมาบีบคุณเอง ซึ่งเราทำผิดตรงที่เราเลือกให้เวลาซึ่งเป็นปัจจัยภายนอกที่เราควบคุมมันไม่ได้ ให้มันมาบีบเรา น้องสาวก็ไปดำเนินการ และแจ้งกลับมาว่าเมื่อมาถึงสนามบินให้เข้าไปได้เลย หลังจากนั้นเราก็โทรแจ้งคนขับรถที่จะมารับที่สนามบินภูเก็ตเพื่อไปที่พักว่า พี่ตกเครื่องเปลี่ยนเวลา จากเดิม 09.30 น. เป็น 10.30 น.
แล้วคนขับรถประจำตัวก็โทรกลับมา เหมือนว่าจะคิดได้แล้ว จะให้เรารออยู่สนามบิน จะกลับไปเอาบัตรฯ กลับมาให้ ไม่ต้องนั่งรถกลับไปกลับมาให้เสียเงิน เราเลยไปบอกว่าเราขึ้นแท็กซี่มาแล้ว ไม่เป็นไร เดี๋ยวกลับไปเอาเองได้ ไม่ต้องซีเรียส เขาเลยบอกว่าไม่ต้องเข้าไปถึงบ้าน ไปลงรอที่มหาชัยเมืองใหม่ ตอนแรกไม่โอเค พอนั่งทบทวนคิดไปคิดมา มิเตอร์แท๊กซี่ก็ขึ้นเอา ๆ เลยโทรกลับไปบอกว่าเราจะลงรถรอที่ป้ายรถเมล์ฝั่งตรงข้ามมหาชัยเมืองใหม่ สรุปโดนค่าแท็กซี่ไป 530 บาท ถ้าถึงบ้านคงเกือบ 800 บาท เสียค่าสติแตก เสียในสิ่งที่ไม่ควรเสีย เราก็คอยโทรเช็คน้องสาวให้ไปนั่งใน Lounge พอ 07.30 น. ก็เดินไป Gate ตามที่ระบุเพื่อเตรียมตัวขึ้นเครื่อง เพราะทริปนี้เป็นทริปที่สองที่เธอเริ่มหัดบิน เที่ยวนี้เธอต้องบินเดี่ยว พร้อมสัมภาระไปนั่งรอที่สนามบินภูเก็ต
เราก็นั่งรถลงที่มหาชัยเมืองใมห่ และข้ามฝั่งไปนั่งรอที่ป้ายรถเมล์ใจตุ๊ม ๆ ต๋อม ๆ จะทันไหมหว่า ๆ ยิ่งจะใกล้แปดโมงเช้า ยิ่งนั่งไม่ติด กว่าคุณชายจะมารับขึ้นรถ อีก 10 นาทีแปดโมงเช้า พอขึ้นรถได้เราก็โทรเข้า Call Center ของบางกอกแอร์ว่าจะเปลี่ยนตัวอีกรอบจะได้ไหม ด้วยเวลาที่เหลือ อีก 40 นาที พี่คิดว่าพี่คงไม่ทันขึ้นเครื่องแน่ ทางนั้นก็ตอบว่าการเปลี่ยนตั๋วต้องเปลี่ยนก่อนการเดินทางอย่างน้อย 2 ชั่วโมง ไม่สามารถทำให้ได้ และเที่ยวต่อไปจะมีเที่ยวบินรอบ 10.00 น. เลย Line ไปบอกน้องสาวว่าอาจจะไม่ทันนะ นั่งรอไปก่อน เพราะดูจาก Google Map เวลาที่ใช้ในการเดินทางต้องใช้ถึง 50 นาที รถก็เริ่มแยะ ก็บอกคนขับว่าทันก็ทันไม่ทันก็ไม่เป็นไร แต่ในใจก็แอบลุ้นนิด ๆ อยากให้เครื่องมันดีเลย์ ถึงสนามบิน เวลา 08.40 น. มีเวลา 10 นาที เป็นนาทีแห่งชีวิตจริง ๆ เราก็ลงประตู 1 แล้วก็วิ่ง ๆ ๆ ๆ ๆ เป็นครั้งแรกในชีวิต และจะเป็นครั้งสุดท้าย ต่อไปนี้จะไม่เอาบัตรประชาชนออกจากกระเป๋าเด็ดขาด เราวิ่งผ่านลู่เดิน วิ่งลงบันไดจนมาถึง Gate A8 เวลา 08.50 น. ก็มองหาป้ายที่มันขึ้นว่า Phuket ไม่มี เกิดอะไรขึ้น ก็ถามน้องที่อยู่ที่เคาน์เตอร์ น้องเขาบอกว่าเครื่องออกไปแล้วพี่ อัยยะ!!! อีกแล้ว เขาก็ให้ติดต่อเจ้าหน้าที่เคาน์เตอร์ใกล้ ๆ กัน เขาก็โทรเช็คให้ แล้วเลยขอตัวไปเข้าห้องน้ำ รู้สึกจะเป็นลม ใจจะขาดซะตรงนั้น ใจสั่นมือสั่น วันนี้มันวันอะไรหวะ ซวยซ้ำซวยซ้อน
ออกจากห้องน้ำก็เดินไปถามที่เคาน์เตอร์ น้องเขาก็แจ้งให้ทราบว่าจะเปลี่ยนเป็นเที่ยวบินรอบต่อไปให้ ซึ่งจะออกเวลา 10.00 น. เที่ยวนี้ฟรีไม่ต้องเสียค่าส่วนต่าง แต่ถ้าพลาดอีกจะต้องจ่ายนะคะ น้องเขาออกตั๋วให้ เปลี่ยน Gate เป็น B1 ต้องขึ้นมาข้างบน เราเลยเดินย้อนกลับไปเข้า Lounge ตอนนั้นเวลา 09.00 น. ซึ่งอยู่แถว ๆ Gate A4 เข้าไปหาอะไรรองท้อง ยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย ก็โทรหาพนักงานขับรถที่ภูเก็ตแจ้งเปลี่ยนเวลารับมาเป็น 11.30 น. และ Line บอกคนที่มาส่งว่ามาไม่ทันเครื่อง และเปลี่ยนเที่ยวบินใหม่ เป็น 10.00 น. เที่ยวนี้ฟรี ไม่ต้องเสียตัง ไม่ต้องห่วงเที่ยวนี้ไม่พลาดแน่นอน Line บอกน้องสาว และ Line บอกเพื่อนที่ภูเก็ตขอเลื่อนเวลานัดจาก 12.30 น. เป็น 13.30 น.
พอ 09.20 น. ก็เดินออกไปยัง Gate B1 ประมาณ 09.40 น. เขาก็เรียกขึ้นเครื่อง หายใจได้เต็มปอดหน่อย ถึงภูเก็ต เวลา 11.00 น. เครื่องกำลังจะลง ปรากฏว่าฝนตกหนักมาก เครื่องลงไม่ได้อีก ต้องบินต่อไปแล้วบินกลับมาใหม่ ลงถึงสนามบินภูเก็ตเวลา 11.30 น. เดินออกจากก็เจอน้องสาวกับกระเป๋า 2 ใบ และกล่องกระดาษ 1 กล่อง (ขนส้มโอมาให้เพื่อนเก่า 2 ใบ: ทองดีกับขาวน้ำผึ้ง)
และก็โทรหาพนักงานขับรถให้มารับ คนขับรถมารับประมาณ 11.50 น. ก็ออกจากสนามบินไปยังที่พัก Sino Imperial อยู่บนรถก็โทรหาเพื่อนว่าคงต้องขอเลื่อนเวลาเป็นบ่ายสองเจอกันที่โรงแรมเลยแล้วกัน
ทริปนี้เราซื้อแพ็คเก็จเที่ยวที่ภูเก็ต 3 วัน 2 คืน คนละ 3,450 บาท รวมอาหารเช้า 2 มื้อ กลางวัน 2 มื้อ รถรับ-ส่งสนามบิน ที่พัก 2 คืน ทัวร์ 2 วัน ไปเกาะพีพี (ดำน้ำ) โดยเรือใหญ่ และอ่าวพังงา (เกาะปันหยี/ เขาพิงกัน/ เขาตะปู) โดยเรือหางยาวลำใหญ่ >>>
http://www.phukettourtoday.com/promotion/pp-phangnga-bay-2560 <<<
ทริปนี้ต้องขอขอบคุณเพื่อนเก่าสมัยมอปลายพร้อมภรรยาที่น่ารักรับเป็นสารถี พาเที่ยว และพาไปทานอาหารอร่อย ๆ มีโอกาสจะกลับไปอีกคะ
[CR] Phuket Trip: เมื่อฉันตกเครื่อง @ สนามบินสุวรรณภูมิ
ทริปนี้จองตั๋วช่วงที่บางกอกแอร์เวย์จัดโปรโมชั่น ได้ตั๋วไป-กลับ กรุงเทพฯ – ภูเก็ต ในราคา 1,750 บาท ซึ่งถือว่าถูกที่สุดที่บางกอกแอร์ฯ ออกมา เราชอบสายการบินนี้มี Lounge ให้ มีอาหารบริการบนเครื่อง และให้น้ำหนักกระเป๋าอีก ไม่ต้องมาเสียหยุมเสียหยิม จองตั๋วทิ้งไว้ตั้งแต่ 22 มกราคม 2560 (หลังจากกลับจากมาเก๊า) เพื่อให้น้องสาวได้เตรียมตัวเก็บตัง จริง ๆ ก็อยากไปช่วงพีคนะ แต่ช่วงพีคเดือนเมษายน 2560 ติดทริปเดินทางไปตุรกี และไต้หวัน เดือนเมษายนเป็นเดือนที่มีวันหยุดเยอะ และก็เที่ยวเยอะ จนรู้สึกกระดากทำงานให้หน่วยงานไม่เต็มที่ แต่อย่างไรเสีย ก่อนเดินทางในเดือนมีนาคม เราก็ทำงานให้เต็มที่เพื่อเคลียร์งานทั้งหมดที่มี
ก่อนวันเดินทาง หน่วยงานได้จัดไปรถส่งเพื่อให้บุคลากรได้เข้าไปถวายสักการะพระบรมศพฯ กลับจากถวายสักการะฯ ก็กลับมารอรับน้องสาว ถึงบ้านมืดเลย ทำให้ไม่ได้ตรวจเช็คเอกสารสำคัญ นั่นคือ “บัตรประจำตัวประชาชน” จากการเดินทางบ่อย และก็เป็นคนที่ขี้ลืม เคยลืมกระเป๋าสตังค์ไว้ที่ท่าเรือลมพระยามาแล้ว แม้จะได้ของคืนครบก็ตาม แต่มันก็ทำให้เป็นโรคหวาดระแวง ระยะหลังไม่ว่าจะเดินทางไปใกล้-ไกล ก็ต้องเก็บบัตรเครดิตที่มีวงเงินสูง ๆ ไว้ที่บ้าน และจะนำติดตัวไปเพื่อฉุกเฉินประมาณ 4 ใบ เก็บบัตรสมาชิกต่าง ๆ ไว้ที่บ้าน นำไปเฉพาะบัตรที่ต้องใช้เท่านั้น ครั้งนี้ด้วยความสะเพร่าจริง ๆ เอาบัตรที่มีรูปออกจากกระเป๋าหมดเลย เรื่องมันก็เลยเกิด ทั้ง ๆ ที่มันไม่ควรเกิด
วันที่ 27 พฤษภาคม 2560 ด้วยเกรงว่าฝนจะตก เราตื่นกันตีสาม เพื่อให้คนที่บ้านขับรถไปส่งแบบสบาย ๆ เราออกจากบ้านก่อนตีสี่นิด ๆ ขับรถออกทางพระราม 2 เพื่อไปยังสนามบินสุวรรณภูมิ ไปถึงเคาน์เตอร์เปิดให้โหลดกระเป๋า เราก็เข้าไปเพื่อโหลดของขึ้นเครื่อง พอพนักงานฯ ขอบัตรประจำประชาชน โอ้!!!! แม่เจ้า มันอยู่ไหนเนี่ย โอ้...มันแหนบอยู่กับป้ายแขวนคอ ทำไงดี ๆ มือไม้สั่นไปหมด สติเริ่มแตก จะได้ไปไหมเนี่ย ทำไงดี ๆ ๆ ๆ ก็โทรไปหาคนที่มาส่งให้กลับมารับหน่อย ก็เจอชุดใหญ่ และวางหูใส่อีก ชีวิตมันแทบจบอยู่ตรงนั้น แต่...แต่ ชีวิตมันยังคงต้องดำเนินต่อไป เข้าใจนะว่าโกรธ ไม่ง้อก็ได้หวะ!!!!
น้องสาวก็บอกว่ารีบไปเลย ไงจะรอจนกว่าจะกลับมา แล้วไปด้วยกัน เราจองเที่ยวแรกสุด เครื่องจะออกเวลา 08.05 น. ตอนนั้นมันเกือบจะหกโมงเช้า จะทันไหมเนี่ย ไป-กลับ ขามาก็ใช้เวลาชั่วโมงกว่าแล้ว พนักงานที่เคาน์เตอร์ก็บอกว่าถ้ากลับตอนนี้พี่กลับมาทันพี่ ยังไง ๆ พี่ก็ต้องกลับไปเอาบัตรฯ มาแสดง ไม่เช่นนั้นจะขึ้นเครื่องไม่ได้
เราก็รีบออกจากสนามบินฯ ก็เจอแท็กซี่มีคนลงพอดี เราก็เสียบขึ้นแทน แจ้งตำแหน่งที่จะไป แล้วบอกว่าขับเร็ว ๆ ให้พี่แล้วกัน ให้พี่กลับมาทันที่นี่ในเวลา 08.00 น. ก็เริ่มตั้งสติ ถ้ามัวแต่รอกันไปรอกันมา อาจตกเครื่องทั้งสองคนจึงโทรกลับมาบอกน้องสาวว่าไม่ต้องรอ โหลดของขึ้นเครื่อง และไปก่อนเลย และขอคุยกับพนักงานฯ เรื่องตั๋ว ถ้าจะซื้อตั๋วใหม่ราคาเท่าไหร่ ตอนนั้นคิดว่าคงไม่เกิน 2,000 บาท ไงเสียเที่ยวกลับเราก็มีตั๋วอยู่แล้ว พนักงานที่เคาน์เตอร์ก็โทรถามที่ที่ขายตั๋วให้ และให้น้องสาวขึ้นไปติดต่อ แล้วน้องก็โทรกลับมาบอก ต้องจ่ายเพิ่ม 800 บาท ซึ่งเป็นค่าส่วนต่างของตั๋ว ก็ยังดี ตั๋วที่เราได้มาโปรโมชั่น ตกเที่ยวละ 875 บาท จ่ายเพิ่มอีก 800 บาท รับได้ แต่ถ้าเป็นสายการบินอื่น ๆ ตั๋วโปรฯ แบบนี้ คงต้องทิ้ง และจ่ายค่าตั๋วใหม่อีกรอบ พนักงานแนะนำให้เปลี่ยนตั๋วเป็น 08.50 น. อันนี้เป็นประสบการณ์ใหม่ ที่โดนกับตัวเอง เราไม่โทษพนักงานฯ ที่แนะนำแบบนั้น เราถือว่าเป็นการตัดสินใจของเราเอง ที่ตัดสินใจแบบขาดสติ ไม่ค่อย ๆ คิด เพราะในการเดินทางไป-กลับ เราลืมคิดว่ายิ่งสายรถยิ่งเยอะ เปอร์เซ็นต์ที่คุณจะกลับมาไม่ทันมีมากกว่า คุณต้องกำหนดเวลาเผื่อไว้ อย่าให้เวลาที่เราเลือกมาบีบคุณเอง ซึ่งเราทำผิดตรงที่เราเลือกให้เวลาซึ่งเป็นปัจจัยภายนอกที่เราควบคุมมันไม่ได้ ให้มันมาบีบเรา น้องสาวก็ไปดำเนินการ และแจ้งกลับมาว่าเมื่อมาถึงสนามบินให้เข้าไปได้เลย หลังจากนั้นเราก็โทรแจ้งคนขับรถที่จะมารับที่สนามบินภูเก็ตเพื่อไปที่พักว่า พี่ตกเครื่องเปลี่ยนเวลา จากเดิม 09.30 น. เป็น 10.30 น.
แล้วคนขับรถประจำตัวก็โทรกลับมา เหมือนว่าจะคิดได้แล้ว จะให้เรารออยู่สนามบิน จะกลับไปเอาบัตรฯ กลับมาให้ ไม่ต้องนั่งรถกลับไปกลับมาให้เสียเงิน เราเลยไปบอกว่าเราขึ้นแท็กซี่มาแล้ว ไม่เป็นไร เดี๋ยวกลับไปเอาเองได้ ไม่ต้องซีเรียส เขาเลยบอกว่าไม่ต้องเข้าไปถึงบ้าน ไปลงรอที่มหาชัยเมืองใหม่ ตอนแรกไม่โอเค พอนั่งทบทวนคิดไปคิดมา มิเตอร์แท๊กซี่ก็ขึ้นเอา ๆ เลยโทรกลับไปบอกว่าเราจะลงรถรอที่ป้ายรถเมล์ฝั่งตรงข้ามมหาชัยเมืองใหม่ สรุปโดนค่าแท็กซี่ไป 530 บาท ถ้าถึงบ้านคงเกือบ 800 บาท เสียค่าสติแตก เสียในสิ่งที่ไม่ควรเสีย เราก็คอยโทรเช็คน้องสาวให้ไปนั่งใน Lounge พอ 07.30 น. ก็เดินไป Gate ตามที่ระบุเพื่อเตรียมตัวขึ้นเครื่อง เพราะทริปนี้เป็นทริปที่สองที่เธอเริ่มหัดบิน เที่ยวนี้เธอต้องบินเดี่ยว พร้อมสัมภาระไปนั่งรอที่สนามบินภูเก็ต
เราก็นั่งรถลงที่มหาชัยเมืองใมห่ และข้ามฝั่งไปนั่งรอที่ป้ายรถเมล์ใจตุ๊ม ๆ ต๋อม ๆ จะทันไหมหว่า ๆ ยิ่งจะใกล้แปดโมงเช้า ยิ่งนั่งไม่ติด กว่าคุณชายจะมารับขึ้นรถ อีก 10 นาทีแปดโมงเช้า พอขึ้นรถได้เราก็โทรเข้า Call Center ของบางกอกแอร์ว่าจะเปลี่ยนตัวอีกรอบจะได้ไหม ด้วยเวลาที่เหลือ อีก 40 นาที พี่คิดว่าพี่คงไม่ทันขึ้นเครื่องแน่ ทางนั้นก็ตอบว่าการเปลี่ยนตั๋วต้องเปลี่ยนก่อนการเดินทางอย่างน้อย 2 ชั่วโมง ไม่สามารถทำให้ได้ และเที่ยวต่อไปจะมีเที่ยวบินรอบ 10.00 น. เลย Line ไปบอกน้องสาวว่าอาจจะไม่ทันนะ นั่งรอไปก่อน เพราะดูจาก Google Map เวลาที่ใช้ในการเดินทางต้องใช้ถึง 50 นาที รถก็เริ่มแยะ ก็บอกคนขับว่าทันก็ทันไม่ทันก็ไม่เป็นไร แต่ในใจก็แอบลุ้นนิด ๆ อยากให้เครื่องมันดีเลย์ ถึงสนามบิน เวลา 08.40 น. มีเวลา 10 นาที เป็นนาทีแห่งชีวิตจริง ๆ เราก็ลงประตู 1 แล้วก็วิ่ง ๆ ๆ ๆ ๆ เป็นครั้งแรกในชีวิต และจะเป็นครั้งสุดท้าย ต่อไปนี้จะไม่เอาบัตรประชาชนออกจากกระเป๋าเด็ดขาด เราวิ่งผ่านลู่เดิน วิ่งลงบันไดจนมาถึง Gate A8 เวลา 08.50 น. ก็มองหาป้ายที่มันขึ้นว่า Phuket ไม่มี เกิดอะไรขึ้น ก็ถามน้องที่อยู่ที่เคาน์เตอร์ น้องเขาบอกว่าเครื่องออกไปแล้วพี่ อัยยะ!!! อีกแล้ว เขาก็ให้ติดต่อเจ้าหน้าที่เคาน์เตอร์ใกล้ ๆ กัน เขาก็โทรเช็คให้ แล้วเลยขอตัวไปเข้าห้องน้ำ รู้สึกจะเป็นลม ใจจะขาดซะตรงนั้น ใจสั่นมือสั่น วันนี้มันวันอะไรหวะ ซวยซ้ำซวยซ้อน
ออกจากห้องน้ำก็เดินไปถามที่เคาน์เตอร์ น้องเขาก็แจ้งให้ทราบว่าจะเปลี่ยนเป็นเที่ยวบินรอบต่อไปให้ ซึ่งจะออกเวลา 10.00 น. เที่ยวนี้ฟรีไม่ต้องเสียค่าส่วนต่าง แต่ถ้าพลาดอีกจะต้องจ่ายนะคะ น้องเขาออกตั๋วให้ เปลี่ยน Gate เป็น B1 ต้องขึ้นมาข้างบน เราเลยเดินย้อนกลับไปเข้า Lounge ตอนนั้นเวลา 09.00 น. ซึ่งอยู่แถว ๆ Gate A4 เข้าไปหาอะไรรองท้อง ยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย ก็โทรหาพนักงานขับรถที่ภูเก็ตแจ้งเปลี่ยนเวลารับมาเป็น 11.30 น. และ Line บอกคนที่มาส่งว่ามาไม่ทันเครื่อง และเปลี่ยนเที่ยวบินใหม่ เป็น 10.00 น. เที่ยวนี้ฟรี ไม่ต้องเสียตัง ไม่ต้องห่วงเที่ยวนี้ไม่พลาดแน่นอน Line บอกน้องสาว และ Line บอกเพื่อนที่ภูเก็ตขอเลื่อนเวลานัดจาก 12.30 น. เป็น 13.30 น.
พอ 09.20 น. ก็เดินออกไปยัง Gate B1 ประมาณ 09.40 น. เขาก็เรียกขึ้นเครื่อง หายใจได้เต็มปอดหน่อย ถึงภูเก็ต เวลา 11.00 น. เครื่องกำลังจะลง ปรากฏว่าฝนตกหนักมาก เครื่องลงไม่ได้อีก ต้องบินต่อไปแล้วบินกลับมาใหม่ ลงถึงสนามบินภูเก็ตเวลา 11.30 น. เดินออกจากก็เจอน้องสาวกับกระเป๋า 2 ใบ และกล่องกระดาษ 1 กล่อง (ขนส้มโอมาให้เพื่อนเก่า 2 ใบ: ทองดีกับขาวน้ำผึ้ง)
และก็โทรหาพนักงานขับรถให้มารับ คนขับรถมารับประมาณ 11.50 น. ก็ออกจากสนามบินไปยังที่พัก Sino Imperial อยู่บนรถก็โทรหาเพื่อนว่าคงต้องขอเลื่อนเวลาเป็นบ่ายสองเจอกันที่โรงแรมเลยแล้วกัน
ทริปนี้เราซื้อแพ็คเก็จเที่ยวที่ภูเก็ต 3 วัน 2 คืน คนละ 3,450 บาท รวมอาหารเช้า 2 มื้อ กลางวัน 2 มื้อ รถรับ-ส่งสนามบิน ที่พัก 2 คืน ทัวร์ 2 วัน ไปเกาะพีพี (ดำน้ำ) โดยเรือใหญ่ และอ่าวพังงา (เกาะปันหยี/ เขาพิงกัน/ เขาตะปู) โดยเรือหางยาวลำใหญ่ >>> http://www.phukettourtoday.com/promotion/pp-phangnga-bay-2560 <<<
ทริปนี้ต้องขอขอบคุณเพื่อนเก่าสมัยมอปลายพร้อมภรรยาที่น่ารักรับเป็นสารถี พาเที่ยว และพาไปทานอาหารอร่อย ๆ มีโอกาสจะกลับไปอีกคะ