สวัสดีค่ะ ฉันเป็นข้าราชการครู ที่โรงเรียนจะมีตัวแทนของบริษัทนี้แวะเวียนมาชวนทำประกันเสมอๆ
ซึ่งฉันก็ปฏิเสธทุกครั้งเพราะเคยได้ยินกิตติศัพท์ความมากเรื่องเวลาที่เราหลวมตัวเป็นลูกค้าไปแล้ว
แต่ครั้งนี้ด้วยความที่ภาระการผ่อนรถยนต์หมดลง ประกอบกับตัวแทนเสนอประกันชีวิตแบบออมเงินระยะสั้น 5 ปี
จึงตกลงที่จะทำประกัน โดยตัวแทนบอกว่าจะต้องจ่ายเบี้ยปีละ 20,000 โดยตัดผ่านบัตรเครดิตแบ่งจ่าย 10 เดือน ดอกเบี้ย 120 บาทต่อเดือน
ฉันก็ถามว่าถ้าฉันจ่ายทั้ง 20,000 คือไม่ต้องเสียดอกเบี้ยใช่หรือไม่ ตัวแทนบอกว่าใช่ และจัดการให้ฉันเซ็นต์เอกสาร
ในใจฉันจึงคิดว่าเมื่อบิลบัตรเครดิตมาในรอบนี้จะจ่ายทั้งหมดไป เพราะมีเงินเต็มจำนวน ไม่ต้องเสียดอกเบี้ย
แต่เมื่อบิลมากลับพบว่าต้องแบ่งชำระเดือนละ 2,000 พร้อมดอกเบี้ย 120 บาท 10 เดือน
ฉันจึงโทรไปหาตัวแทนเพื่อขอให้แก้ไข ตัวแทนบอกว่าค่อนข้างยุ่งยากเพราะเรียกเก็บเงินจากบัตรเครดิตไปแล้ว
แต่จะยอมเสียดอกเบี้ยแทนให้ตลอด 10 เดือน เพื่อดูแลลูกค้าอย่างฉัน
ตอนนั้นฉันคิดในใจว่าการแบ่งชำระโดยเสียดอกเบี้ยจะทำให้กรมทันผ่านง่ายหรือตัวแทนจะได้ประโยชน์มากกว่าหรือเปล่า
จึงยัดเยียดการแบ่งชำระมาให้โดยที่ฉันไม่ทราบข้อมูลทั้งหมดมาก่อน
ฉันโทรไปที่กรุงไทยแอคซ่า เจ้าหน้าที่แจ้งว่าบริษัทเรียกเก็บเงินจากบัตรเครดิตไปแล้วต้องติดต่อบัตรเครดิตเพราะคนละส่วนกัน
ถึงจะเป็นเครือธนาคารกรุงไทยเช่นกันก็ตาม
ฉันจึงโทรไปที่บัตรเครดิต KTC เจ้าหน้าที่แจ้งว่าฉันต้องติดต่อกรุงไทยแอคซ่าเพราะเรียกเก็บเงินมาแบบนี้
ฉันจึงบอกว่าฉันโทรไปแล้วและที่นั่นให้ติดต่อมาที่นี่ ส่วนในใจก็คิดว่าเริ่มโยนกันไปมาแล้วไง
เจ้าหน้าที่ KTC จึงแจ้งว่าจะยกเลิกการแบ่งชำระ 10 เดือน และเปลี่ยนเป็นมาชำระทั้ง 20,000 ได้
ถ้ากรุงไทยแอคซ่าทำเรื่องคืนยอดให้ภายในวันที่ 9 มิ.ย. นี้ซึ่งเป็นวันที่ต้องจ่ายงวดแรก และทำเรื่องชำระเต็มเข้ามาใหม่
ฉันจึงโทรกลับไปที่กรุงไทยแอคซ่า เจ้าหน้าที่ให้ฉันถือสายรอนานมาก แล้วจึงกลับมาแจ้งว่า
ต้องส่งสำเนาบัตรประชาชนพร้อมระบุว่าขอยกเลิกการทำประกันโดยการผ่อนชำระ 10 เดือน พร้อมค่าธรรมเนียม 250 บาท
ทางฝ่ายการเงินจึงจะพิจารณาและทำเรื่องชำระเต็มกับบัตร KTC
ซึ่งต้องใช้เวลาประมาณ 20 วัน และต้องส่งเอกสารทั้งหมดทางไปรษณีย์เท่านั้น
ส่วนเงินงวดแรกก็ต้องจ่ายไปก่อนพร้อมดอกเบี้ย และจะได้เงินคืน 2,000 ในรอบบิลหน้า
ฉันจึงแจ้งว่าถ้าต้องการยกเลิกกรมทันได้หรือไม่ เจ้าหน้าที่บอกว่าได้แต่จะถูกหักค่าธรรมเนียม 500 บาท และจะโอนเงินคืน 19,500 ให้ทางบัญชีธนาคาร
ในส่วนบัตรเครดิต ฉันต้องรับภาระผ่อนจ่ายพร้อมดอกเบี้ยต่อไป 10 เดือน รวมเป็นเงิน 21,200 บาท
เพราะกรุงไทยแอคซ่าไม่มีนโยบายคืนวงเงินในบัตร KTC
และจะไม่ติดต่อบัตรเครดิตเพื่อยกเลิกการผ่อนชำระให้ไม่ว่ากรณีใดๆ เพราะคืนเงินในบัญชีธนาคารซึ่งเป็นเครือของธนาคารกรุงไทยทั้งหมดไปแล้ว
ทำให้ฉันสรุปเองได้ว่าการทำประกันนั้นง่ายมากแค่หลวมตัวนิดเดียวก็เป็นลูกค้าได้แล้ว แต่การจะเปลี่ยนแปลงใดๆ จะยุ่งยากและมีเงื่อนไขมากมายทันที
และคุณจะถูกลอยแพเสมอๆ ถ้ายังคิดดึงการตัดบัตรเครดิตเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
และฝากถึงลูกค้ากรุงไทยแอคซ่ารายต่อไปว่าสอบถามข้อมูลให้ดีก่อนคิดทำประกันทุกชนิด
ถ้าใครมีประสบการณ์ทำนองนี้จะมาแบ่งปันให้ฉันได้ทราบจะขอบพระคุณมาก
ฉันจะได้ใช้ปลอบใจตัวเองว่าฉันไม่ใช่คนแรกที่ประสบชะตากรรมแบบนี้
หรือใครมีคำแนะนำดีๆ จะแบ่งปัน ก็ขอบคุณเช่นกันค่ะ
แบ่งปันประสบการณ์ทำประกันชีวิตแบบออมเงินกับกรุงไทยแอคซ่า
ซึ่งฉันก็ปฏิเสธทุกครั้งเพราะเคยได้ยินกิตติศัพท์ความมากเรื่องเวลาที่เราหลวมตัวเป็นลูกค้าไปแล้ว
แต่ครั้งนี้ด้วยความที่ภาระการผ่อนรถยนต์หมดลง ประกอบกับตัวแทนเสนอประกันชีวิตแบบออมเงินระยะสั้น 5 ปี
จึงตกลงที่จะทำประกัน โดยตัวแทนบอกว่าจะต้องจ่ายเบี้ยปีละ 20,000 โดยตัดผ่านบัตรเครดิตแบ่งจ่าย 10 เดือน ดอกเบี้ย 120 บาทต่อเดือน
ฉันก็ถามว่าถ้าฉันจ่ายทั้ง 20,000 คือไม่ต้องเสียดอกเบี้ยใช่หรือไม่ ตัวแทนบอกว่าใช่ และจัดการให้ฉันเซ็นต์เอกสาร
ในใจฉันจึงคิดว่าเมื่อบิลบัตรเครดิตมาในรอบนี้จะจ่ายทั้งหมดไป เพราะมีเงินเต็มจำนวน ไม่ต้องเสียดอกเบี้ย
แต่เมื่อบิลมากลับพบว่าต้องแบ่งชำระเดือนละ 2,000 พร้อมดอกเบี้ย 120 บาท 10 เดือน
ฉันจึงโทรไปหาตัวแทนเพื่อขอให้แก้ไข ตัวแทนบอกว่าค่อนข้างยุ่งยากเพราะเรียกเก็บเงินจากบัตรเครดิตไปแล้ว
แต่จะยอมเสียดอกเบี้ยแทนให้ตลอด 10 เดือน เพื่อดูแลลูกค้าอย่างฉัน
ตอนนั้นฉันคิดในใจว่าการแบ่งชำระโดยเสียดอกเบี้ยจะทำให้กรมทันผ่านง่ายหรือตัวแทนจะได้ประโยชน์มากกว่าหรือเปล่า
จึงยัดเยียดการแบ่งชำระมาให้โดยที่ฉันไม่ทราบข้อมูลทั้งหมดมาก่อน
ฉันโทรไปที่กรุงไทยแอคซ่า เจ้าหน้าที่แจ้งว่าบริษัทเรียกเก็บเงินจากบัตรเครดิตไปแล้วต้องติดต่อบัตรเครดิตเพราะคนละส่วนกัน
ถึงจะเป็นเครือธนาคารกรุงไทยเช่นกันก็ตาม
ฉันจึงโทรไปที่บัตรเครดิต KTC เจ้าหน้าที่แจ้งว่าฉันต้องติดต่อกรุงไทยแอคซ่าเพราะเรียกเก็บเงินมาแบบนี้
ฉันจึงบอกว่าฉันโทรไปแล้วและที่นั่นให้ติดต่อมาที่นี่ ส่วนในใจก็คิดว่าเริ่มโยนกันไปมาแล้วไง
เจ้าหน้าที่ KTC จึงแจ้งว่าจะยกเลิกการแบ่งชำระ 10 เดือน และเปลี่ยนเป็นมาชำระทั้ง 20,000 ได้
ถ้ากรุงไทยแอคซ่าทำเรื่องคืนยอดให้ภายในวันที่ 9 มิ.ย. นี้ซึ่งเป็นวันที่ต้องจ่ายงวดแรก และทำเรื่องชำระเต็มเข้ามาใหม่
ฉันจึงโทรกลับไปที่กรุงไทยแอคซ่า เจ้าหน้าที่ให้ฉันถือสายรอนานมาก แล้วจึงกลับมาแจ้งว่า
ต้องส่งสำเนาบัตรประชาชนพร้อมระบุว่าขอยกเลิกการทำประกันโดยการผ่อนชำระ 10 เดือน พร้อมค่าธรรมเนียม 250 บาท
ทางฝ่ายการเงินจึงจะพิจารณาและทำเรื่องชำระเต็มกับบัตร KTC
ซึ่งต้องใช้เวลาประมาณ 20 วัน และต้องส่งเอกสารทั้งหมดทางไปรษณีย์เท่านั้น
ส่วนเงินงวดแรกก็ต้องจ่ายไปก่อนพร้อมดอกเบี้ย และจะได้เงินคืน 2,000 ในรอบบิลหน้า
ฉันจึงแจ้งว่าถ้าต้องการยกเลิกกรมทันได้หรือไม่ เจ้าหน้าที่บอกว่าได้แต่จะถูกหักค่าธรรมเนียม 500 บาท และจะโอนเงินคืน 19,500 ให้ทางบัญชีธนาคาร
ในส่วนบัตรเครดิต ฉันต้องรับภาระผ่อนจ่ายพร้อมดอกเบี้ยต่อไป 10 เดือน รวมเป็นเงิน 21,200 บาท
เพราะกรุงไทยแอคซ่าไม่มีนโยบายคืนวงเงินในบัตร KTC
และจะไม่ติดต่อบัตรเครดิตเพื่อยกเลิกการผ่อนชำระให้ไม่ว่ากรณีใดๆ เพราะคืนเงินในบัญชีธนาคารซึ่งเป็นเครือของธนาคารกรุงไทยทั้งหมดไปแล้ว
ทำให้ฉันสรุปเองได้ว่าการทำประกันนั้นง่ายมากแค่หลวมตัวนิดเดียวก็เป็นลูกค้าได้แล้ว แต่การจะเปลี่ยนแปลงใดๆ จะยุ่งยากและมีเงื่อนไขมากมายทันที
และคุณจะถูกลอยแพเสมอๆ ถ้ายังคิดดึงการตัดบัตรเครดิตเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
และฝากถึงลูกค้ากรุงไทยแอคซ่ารายต่อไปว่าสอบถามข้อมูลให้ดีก่อนคิดทำประกันทุกชนิด
ถ้าใครมีประสบการณ์ทำนองนี้จะมาแบ่งปันให้ฉันได้ทราบจะขอบพระคุณมาก
ฉันจะได้ใช้ปลอบใจตัวเองว่าฉันไม่ใช่คนแรกที่ประสบชะตากรรมแบบนี้
หรือใครมีคำแนะนำดีๆ จะแบ่งปัน ก็ขอบคุณเช่นกันค่ะ