สวัสดีค่ะ
หลังจากห่างหายจากพันทิปไปนาน วันนี้ขอมาตั้งกระทู้เกี่ยวกับการ Road Trip ที่ Australia
กระทู้นี้จะรีวิวทุกอย่าง เริ่มตั้งแต่การทำวีซ่า รีวิวสายการบิน การเช่ารถ สถานที่ท่องเที่ยว ที่พัก พูดง่ายๆก็คือตั้งแต่เริ่มจนจบเลยค่ะ
โดยการเดินทางในทริปนี้ ใช้เวลาทั้งหมด 9 วันด้วยกัน เดินทางวันที่ 2 - 10 เมษายน 2560 ใช้งบประมาณไปทั้งหมด รวมค่าตั๋วเครื่องบินด้วย ยกเว้นค่าช้อปปิ้ง ซื้อของฝาก ก็ตกคนละ 31,000 บาท ซึ่งทั้งหมดนี้รวมค่าที่พัก แค่ 4 คืน เพราะ เรานอนบนรถ 2 คืน และนอนที่สนามบิน 1 คืน
โดยโปรแกรมที่เราไปเที่ยวมีดังนี้นะคะ
วันที่ 1 เดินทางด้วยสายการบินเวียดนามแอร์ไลน์ ตั้งแต่เวลาบ่ายสอง พักเครื่องที่โฮจิมินเป็นเวลา 5 ชั่วโมง แล้วก็เดินทางต่อไปออสแตรเลีย
วันที่ 2 ถึงออสเตรเลียเวลา 8 โมงเช้า ไปรับรถที่เช่าไว้ และเดินทางไปยังบลูเมาเท่น
วันที่ 3 เก็บตกบลูเมาเท่น ต่อด้วยเที่ยวซิดนีย์
วันที่ 4 เก็บตกซิดนีย์ ช้อปปิ้งที่ outlet และเดินทางมุ่งสู่เมลเบิร์น แต่ไปถึงแค่ kiama
วันที่ 5 มุ่งสู่ถนน great ocean road แต่พักนอนที่ Albury
วันที่ 6 มุ่งสู่ถนน the great ocean road แต่ก็ไปพักนอนที่ เมือง lorne เมืองเริ่มต้นของถนนสาย The great ocean road
วันที่ 7 ขับรถชมถนน The great ocean road ชม The twelve apostles และ London bridge
วันที่ 8 มุ่งหน้าไปเมลเบิร์น และเที่ยวชมเมลเบิร์น
วันที่ 9 เดินทางกลับกรุงเทพ
เริ่มต้นทริปนี้คือ เพื่อนสาว 4 คนอยากไปเที่ยวด้วยกันที่ไหนสักที่หนึ่งก่อนสงกรานต์ อยู่ๆ ก็ไปพบเจอตั๋วไปกลับ กรุงเทพ - ออสเตรเลียในราคาที่รับได้
เลยตัดสินใจเดินทางกันตั้งแต่วันนั้น แต่ด้วยความที่ทุกคนงานยุ่งมากเลย ไม่ได้มีเวลาศึกษาข้อมูลการทำวีซ่า จนเวลาล่วงเลยมา ทำให้มีเวลาขอวีซ่าไม่ถึง 1 เดือน ตอนนั้นตื่นเต้นมากว่าจะได้ว๊ซ่าทันรึเปล่า โดยเราตัดสินใจทำวีซ่า ออนไลน์ โดยไม่ทราบด้วยว่ากฎใหม่ต้องไปเก็บ Bio ลายนิ้วมือ และถ่ายรูปที่ vfs
โดยการสมัครวีซ่าออนไลน์ทั้งหมด เราดูจากในกระทู้นี้นะคะ
https://pantip.com/topic/33377717 ละเอียดมาก ซึ่งเราทำตามทีละ สเตปเลย
โดยเอกสารที่เราเตรียมมีดังนี้
1. สำเนาบัตรประชาชน
2. หน้าแรกพาสปอร์ต
3. หน้าพาสสปอร์ตที่เราเดินทางไปไหนมาบ้าง (ทุกเล่มที่มี)
4. รูปถ่ายวีซ่า
5. ใบรับรองการทำงาน
7. สเตทเม้นย้อนหลัง 6 เดือน
8. สำเนาทะเบียนบ้าน
9. ตั๋วเครื่องบินที่เราจองไปกลับ (จริงๆไม่แนะนำให้จองก่อน เพราะหากวีซ่าไม่ผ่าน เกรงว่าจะเสียเงินฟรี)
โดยที่เราอัพโหลดเอกสารทั้งหมดออนไลน์ และคิดว่าเค้าจะตรวจเอกสารก่อนเมื่อวีซ่าผ่าน จึงจะไปถ่ายรูปและเก็บลายนิ้วมือ ซึ่งเราคิดผิดค่า ที่ถูกต้องก็คือ เราต้องยื่นวีซ่าออนไลน์ แล้วไปถ่ายรูป เก็บลายนิ้มมือให้เรียบร้อย จึงจะกดส่งให้ทางสถานฑูต ตรวจ โดยที่เมื่อเรากรอกเอกสารครบถ้วนแล้ว จะมี e-mail ส่งมาบอกให้เราไปทำการถ่ายรูปและเก็บลายนิ้วมือที่ vfs ให้เรารีบเดินทางไป และเมื่อเราไปถ่ายรูปเรียบร้อยแล้วก็ล็อกอินและส่งข้อมูลทั้งหมดให้เค้าตรวจได้เลย
โดยการเก็บ Bio เราต้องไปทำที่ vfs นะคะ มีค่า ธรรมเนียมด้วย แต่เราไม่แน่ใจว่า 839 บาท ตอนนั้นจ่ายแบบงงๆ
เมื่อเดินทางไปถึง vfs ก็ต่อแถวขึ้นลิฟท์เลยค่ะ จำได้ว่าแถวยาวมาก ถ้าให้ดีไปเช้าๆ นะคะ หลังจากขึ้นลิฟท์ก็จะไปชั้นที่รับยื่นวีซ่าออสเตรเลีย ปริ้นเอกสารที่เค้าให้ปริ้นไปด้วยนะคะ ไปถึงก็ไปรับบัตรคิว บอกเค้าว่ามาเก็บ bio อย่างเดียว เค้าก็จะให้บัตรคิวมา หลังจากนั้นก็เข้าไปรอจนกว่าเค้าจะเรียกชื่อ เพื่อชำระเงิน หลังจากนั้นก็มานั่งรอที่หน้าห้องถ่ายรูป รอเรียกเข้า เข้าไปถ่ายรูป เก็บลายนิ้วมือ ที่สำคัญ ต้องถอดคอนเทคเลนส์ด้วยนะคะ จริงๆแล้วใช้เวลาไม่นานเลย แต่เราไปช้า คนเลยเยอะมาก ใช้เวลาไปทั้งหมดเกือบ 2 ชั่วโมง หลังจากที่เก็บ Bio ก็อย่าลืมเข้าไปกดยืนยัน ส่งข้อมูลด้วยนะคะ
แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นเมื่อเพื่อนๆ ได้วีซ่ากันครบทุกคนแล้ว ยกเว้นอิชั้นคนเดียวจึงเกิดอาการเครียดว่าตนเองจะโดนปฏิเสธ และก็มีโทรศัพท์เข้ามา เรารีบรับเลยเพราะคิดว่าต้องเป็นสถานฑูตโทรมาแน่ๆ และก็ตามนั้น โทรมาสอบถามข้อมูลทั่วไปเช่น ไปกับใคร เพื่อนมีกี่คน ทำงานอะไร เป็นเพื่อนกันตั้งแต่เมื่อไหร่ และประเด็นหลักสำคัญคือ เงินเราไม่มีที่มา เพราะเนื่องจากก่อนที่เราจะขอวีซ่าหนึ่งเดือน เราได้เปลี่ยนบัญชีเงินเดือนของเรา เราเลยใช้บัญชีเก่าที่มีการเดินบัญชีย้อนหลัง 6 เดือน และได้โอนเงินจากที่สะสมไว้จากฝากประจำ และแม่ให้มาเป็นเงินท่องเที่ยว ไปในบัญชีที่เราจะยื่น เป็นจำนวนนึง เค้าเลยสงสัยว่าเงินนั้นมาได้อย่างไร ขอให้เราส่งเอกสารโดยการอัพโหลดออนไลน์ไปแบบเดิม เราจึงรวบรวมหลักทั้งหมด และอัพโหลดส่งไป หลังจากนั้น 1 วัน เราก็ได้รับ mail ว่าวีซ่าเราผ่านแล้ว กระโดดตัวลอยย
ซึ่งขั้นตอนการทำงานของการข้อวีซ่าออนไลน์นี้ใช้เวลาไม่นาน โดยกดส่งข้อมูลทั้งหมดไปตอนวันพฤหัสบดี วันอังคารของสัปดาห์ต่อไปก็ได้รับผลวีซ่าเลย ยึดของเพื่อนเรานะ เพราะของเรามีปัญหา แต่ก็ได้ช้ากว่าเพื่อนๆ แค่ 2 วันเอง
เราคิดว่าขอออนไลน์ได้เร็วกว่านะคะ
Road Trip in Australia: ทริปหูอื้อ ที่แดนจิงโจ้
หลังจากห่างหายจากพันทิปไปนาน วันนี้ขอมาตั้งกระทู้เกี่ยวกับการ Road Trip ที่ Australia
กระทู้นี้จะรีวิวทุกอย่าง เริ่มตั้งแต่การทำวีซ่า รีวิวสายการบิน การเช่ารถ สถานที่ท่องเที่ยว ที่พัก พูดง่ายๆก็คือตั้งแต่เริ่มจนจบเลยค่ะ
โดยการเดินทางในทริปนี้ ใช้เวลาทั้งหมด 9 วันด้วยกัน เดินทางวันที่ 2 - 10 เมษายน 2560 ใช้งบประมาณไปทั้งหมด รวมค่าตั๋วเครื่องบินด้วย ยกเว้นค่าช้อปปิ้ง ซื้อของฝาก ก็ตกคนละ 31,000 บาท ซึ่งทั้งหมดนี้รวมค่าที่พัก แค่ 4 คืน เพราะ เรานอนบนรถ 2 คืน และนอนที่สนามบิน 1 คืน
โดยโปรแกรมที่เราไปเที่ยวมีดังนี้นะคะ
วันที่ 1 เดินทางด้วยสายการบินเวียดนามแอร์ไลน์ ตั้งแต่เวลาบ่ายสอง พักเครื่องที่โฮจิมินเป็นเวลา 5 ชั่วโมง แล้วก็เดินทางต่อไปออสแตรเลีย
วันที่ 2 ถึงออสเตรเลียเวลา 8 โมงเช้า ไปรับรถที่เช่าไว้ และเดินทางไปยังบลูเมาเท่น
วันที่ 3 เก็บตกบลูเมาเท่น ต่อด้วยเที่ยวซิดนีย์
วันที่ 4 เก็บตกซิดนีย์ ช้อปปิ้งที่ outlet และเดินทางมุ่งสู่เมลเบิร์น แต่ไปถึงแค่ kiama
วันที่ 5 มุ่งสู่ถนน great ocean road แต่พักนอนที่ Albury
วันที่ 6 มุ่งสู่ถนน the great ocean road แต่ก็ไปพักนอนที่ เมือง lorne เมืองเริ่มต้นของถนนสาย The great ocean road
วันที่ 7 ขับรถชมถนน The great ocean road ชม The twelve apostles และ London bridge
วันที่ 8 มุ่งหน้าไปเมลเบิร์น และเที่ยวชมเมลเบิร์น
วันที่ 9 เดินทางกลับกรุงเทพ
เริ่มต้นทริปนี้คือ เพื่อนสาว 4 คนอยากไปเที่ยวด้วยกันที่ไหนสักที่หนึ่งก่อนสงกรานต์ อยู่ๆ ก็ไปพบเจอตั๋วไปกลับ กรุงเทพ - ออสเตรเลียในราคาที่รับได้
เลยตัดสินใจเดินทางกันตั้งแต่วันนั้น แต่ด้วยความที่ทุกคนงานยุ่งมากเลย ไม่ได้มีเวลาศึกษาข้อมูลการทำวีซ่า จนเวลาล่วงเลยมา ทำให้มีเวลาขอวีซ่าไม่ถึง 1 เดือน ตอนนั้นตื่นเต้นมากว่าจะได้ว๊ซ่าทันรึเปล่า โดยเราตัดสินใจทำวีซ่า ออนไลน์ โดยไม่ทราบด้วยว่ากฎใหม่ต้องไปเก็บ Bio ลายนิ้วมือ และถ่ายรูปที่ vfs
โดยการสมัครวีซ่าออนไลน์ทั้งหมด เราดูจากในกระทู้นี้นะคะ
https://pantip.com/topic/33377717 ละเอียดมาก ซึ่งเราทำตามทีละ สเตปเลย
โดยเอกสารที่เราเตรียมมีดังนี้
1. สำเนาบัตรประชาชน
2. หน้าแรกพาสปอร์ต
3. หน้าพาสสปอร์ตที่เราเดินทางไปไหนมาบ้าง (ทุกเล่มที่มี)
4. รูปถ่ายวีซ่า
5. ใบรับรองการทำงาน
7. สเตทเม้นย้อนหลัง 6 เดือน
8. สำเนาทะเบียนบ้าน
9. ตั๋วเครื่องบินที่เราจองไปกลับ (จริงๆไม่แนะนำให้จองก่อน เพราะหากวีซ่าไม่ผ่าน เกรงว่าจะเสียเงินฟรี)
โดยที่เราอัพโหลดเอกสารทั้งหมดออนไลน์ และคิดว่าเค้าจะตรวจเอกสารก่อนเมื่อวีซ่าผ่าน จึงจะไปถ่ายรูปและเก็บลายนิ้วมือ ซึ่งเราคิดผิดค่า ที่ถูกต้องก็คือ เราต้องยื่นวีซ่าออนไลน์ แล้วไปถ่ายรูป เก็บลายนิ้มมือให้เรียบร้อย จึงจะกดส่งให้ทางสถานฑูต ตรวจ โดยที่เมื่อเรากรอกเอกสารครบถ้วนแล้ว จะมี e-mail ส่งมาบอกให้เราไปทำการถ่ายรูปและเก็บลายนิ้วมือที่ vfs ให้เรารีบเดินทางไป และเมื่อเราไปถ่ายรูปเรียบร้อยแล้วก็ล็อกอินและส่งข้อมูลทั้งหมดให้เค้าตรวจได้เลย
โดยการเก็บ Bio เราต้องไปทำที่ vfs นะคะ มีค่า ธรรมเนียมด้วย แต่เราไม่แน่ใจว่า 839 บาท ตอนนั้นจ่ายแบบงงๆ
เมื่อเดินทางไปถึง vfs ก็ต่อแถวขึ้นลิฟท์เลยค่ะ จำได้ว่าแถวยาวมาก ถ้าให้ดีไปเช้าๆ นะคะ หลังจากขึ้นลิฟท์ก็จะไปชั้นที่รับยื่นวีซ่าออสเตรเลีย ปริ้นเอกสารที่เค้าให้ปริ้นไปด้วยนะคะ ไปถึงก็ไปรับบัตรคิว บอกเค้าว่ามาเก็บ bio อย่างเดียว เค้าก็จะให้บัตรคิวมา หลังจากนั้นก็เข้าไปรอจนกว่าเค้าจะเรียกชื่อ เพื่อชำระเงิน หลังจากนั้นก็มานั่งรอที่หน้าห้องถ่ายรูป รอเรียกเข้า เข้าไปถ่ายรูป เก็บลายนิ้วมือ ที่สำคัญ ต้องถอดคอนเทคเลนส์ด้วยนะคะ จริงๆแล้วใช้เวลาไม่นานเลย แต่เราไปช้า คนเลยเยอะมาก ใช้เวลาไปทั้งหมดเกือบ 2 ชั่วโมง หลังจากที่เก็บ Bio ก็อย่าลืมเข้าไปกดยืนยัน ส่งข้อมูลด้วยนะคะ
แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นเมื่อเพื่อนๆ ได้วีซ่ากันครบทุกคนแล้ว ยกเว้นอิชั้นคนเดียวจึงเกิดอาการเครียดว่าตนเองจะโดนปฏิเสธ และก็มีโทรศัพท์เข้ามา เรารีบรับเลยเพราะคิดว่าต้องเป็นสถานฑูตโทรมาแน่ๆ และก็ตามนั้น โทรมาสอบถามข้อมูลทั่วไปเช่น ไปกับใคร เพื่อนมีกี่คน ทำงานอะไร เป็นเพื่อนกันตั้งแต่เมื่อไหร่ และประเด็นหลักสำคัญคือ เงินเราไม่มีที่มา เพราะเนื่องจากก่อนที่เราจะขอวีซ่าหนึ่งเดือน เราได้เปลี่ยนบัญชีเงินเดือนของเรา เราเลยใช้บัญชีเก่าที่มีการเดินบัญชีย้อนหลัง 6 เดือน และได้โอนเงินจากที่สะสมไว้จากฝากประจำ และแม่ให้มาเป็นเงินท่องเที่ยว ไปในบัญชีที่เราจะยื่น เป็นจำนวนนึง เค้าเลยสงสัยว่าเงินนั้นมาได้อย่างไร ขอให้เราส่งเอกสารโดยการอัพโหลดออนไลน์ไปแบบเดิม เราจึงรวบรวมหลักทั้งหมด และอัพโหลดส่งไป หลังจากนั้น 1 วัน เราก็ได้รับ mail ว่าวีซ่าเราผ่านแล้ว กระโดดตัวลอยย
ซึ่งขั้นตอนการทำงานของการข้อวีซ่าออนไลน์นี้ใช้เวลาไม่นาน โดยกดส่งข้อมูลทั้งหมดไปตอนวันพฤหัสบดี วันอังคารของสัปดาห์ต่อไปก็ได้รับผลวีซ่าเลย ยึดของเพื่อนเรานะ เพราะของเรามีปัญหา แต่ก็ได้ช้ากว่าเพื่อนๆ แค่ 2 วันเอง
เราคิดว่าขอออนไลน์ได้เร็วกว่านะคะ