เรากับพี่ชายโตมาด้วยการเลี้ยงดูของตากับยาย (แม่เราเสียชีวิตตั้งแต่เรายังเด็ก พ่อเราแยกออกไปมีครอบครัวใหม่ มีแวะเวียนและติดต่อกันบ้าง แต่ส่วนใหญ่คือหน้าที่ของตากับยาย)
ตาเรามีอาชีพทำงานที่บริษัทแห่งหนึ่งที่ต้องสร้างฐานลูกค้า และจะได้เงินเดือนเพิ่มขึ้นเมื่อลูกค้าเพิ่มขึ้น ยิ่งหาลูกค้าได้เยอะหรือลูกน้องในสายหาได้เยอะเท่าไหร่ก็จะได้ส่วนแบ่งเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ตอนนี้ตาเราทำงานนี้มา 20 กว่าปี เงินเดือนก็มากพอสมควร ส่วนยายเราเป็นแม่บ้าน
ปัญหาคือ ตอนนี้ตาเราแก่มากแล้ว และหากทิ้งงานนั้นเพื่ออยู่บ้านเฉยๆมันคือความสูญเปล่า
แต่มีวิธีแก้ปัญหานี้คือ หาคนมารับช่วงต่อจากตาเรา
ความหวังนั้นตกมาอยู่ที่เราและพี่ชาย
ตาเราพยายามเกลี้ยกล่อมให้พี่ชายไปสอบใบประกอบวิชาชีพ พี่เราสอบ 10+ ครั้งก็ได้มา
แต่เพราะพี่เราไม่ได้สนใจอะไรในงานพวกนี้ ที่ไปสอบเพราะความต้องการของตากับยายล้วนๆ และช่วงนั้นคือเราเรียน ปริญญาตรีที่ต่างจังหวัด เลยไม่คูกคาดคั้นอะไรมาก
จนตอนนี้ที่เราเรียนจบแล้ว ตาเราเล็งเห็นแล้วว่าพี่ชายเราคงไม่ใช่ทางจริงๆ
เข็มเป้าหมายใหม่เลยเบี่ยงเบนมาทางเรา
แต่เราไม่อยากทำงานนั้น และเราไม่อยากอยู่บ้าน เราอึดอัด
ตากับยายเราเป็นคนหัวโบราญ ทุกอย่างต้องอยู่ในกรอบและเป็นไปอย่างที่ตั้งใจ
เวลาเรากลับบ้านเราจะต้องเปลี่ยนเป็นอีกคน เป็นแบบที่พวกเขาต้องการ
สมัยเรียนเราเคยพาเพื่อนไปเที่ยวบ้าน พอกลับมามหาลัย เพื่อนไปโม้สนุกเลยว่าอี**อยู่บ้าน

โครตเรียบร้อย
กางเกงขายาว พูดคะ ขา กลับบ้านเร็ว จะไปไหนก็ขอก่อน บลาๆๆๆ
เวลาเราโทรคุยกับยาย ยายเราจะชอบพูดถึงตา ว่าตาเหนื่อย ความจำก็ไม่ค่อยดี หลงๆลืมๆ เราก็เครียดนะ
เราอยากคามเพื่อนๆว่า เราคือหลานที่เห็นแก่ตัวไหมที่ไม่ยอมกลับไปใช้ชีวิตแบบที่เขาคาดหวัง
(เราเรียนจบมา 1 ปีแล้ว และมาหางานทำที่กรุงเทพ ตั้งแต่เรียนจบมาเราก็ไม่เคยขอเงินทางบ้านอีกเลย มีโอนไปให้บ้างเวลาที่เราพอมีเหลือ แต่ชีวิตเด็กจบใหม่ และเงินเดือนขั้นต่ำประเทศไทยทำให้เราส่งให้พวกเขาไม่ได้มาก นี้ก็อาจเป็นอีก 1 ความห่วงใยของยายที่อยากให้กลับไปใช้ชีวิตสบายๆที่บ้าน
แต่เราก็ยังรู้สึกว่าเราชอบชีวิตแบบนี้)
เราเป็นคนเห็นแก่ตัวไหมที่ไม่อยากกลับไปทำงานที่บ้าน
ตาเรามีอาชีพทำงานที่บริษัทแห่งหนึ่งที่ต้องสร้างฐานลูกค้า และจะได้เงินเดือนเพิ่มขึ้นเมื่อลูกค้าเพิ่มขึ้น ยิ่งหาลูกค้าได้เยอะหรือลูกน้องในสายหาได้เยอะเท่าไหร่ก็จะได้ส่วนแบ่งเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ตอนนี้ตาเราทำงานนี้มา 20 กว่าปี เงินเดือนก็มากพอสมควร ส่วนยายเราเป็นแม่บ้าน
ปัญหาคือ ตอนนี้ตาเราแก่มากแล้ว และหากทิ้งงานนั้นเพื่ออยู่บ้านเฉยๆมันคือความสูญเปล่า
แต่มีวิธีแก้ปัญหานี้คือ หาคนมารับช่วงต่อจากตาเรา
ความหวังนั้นตกมาอยู่ที่เราและพี่ชาย
ตาเราพยายามเกลี้ยกล่อมให้พี่ชายไปสอบใบประกอบวิชาชีพ พี่เราสอบ 10+ ครั้งก็ได้มา
แต่เพราะพี่เราไม่ได้สนใจอะไรในงานพวกนี้ ที่ไปสอบเพราะความต้องการของตากับยายล้วนๆ และช่วงนั้นคือเราเรียน ปริญญาตรีที่ต่างจังหวัด เลยไม่คูกคาดคั้นอะไรมาก
จนตอนนี้ที่เราเรียนจบแล้ว ตาเราเล็งเห็นแล้วว่าพี่ชายเราคงไม่ใช่ทางจริงๆ
เข็มเป้าหมายใหม่เลยเบี่ยงเบนมาทางเรา
แต่เราไม่อยากทำงานนั้น และเราไม่อยากอยู่บ้าน เราอึดอัด
ตากับยายเราเป็นคนหัวโบราญ ทุกอย่างต้องอยู่ในกรอบและเป็นไปอย่างที่ตั้งใจ
เวลาเรากลับบ้านเราจะต้องเปลี่ยนเป็นอีกคน เป็นแบบที่พวกเขาต้องการ
สมัยเรียนเราเคยพาเพื่อนไปเที่ยวบ้าน พอกลับมามหาลัย เพื่อนไปโม้สนุกเลยว่าอี**อยู่บ้าน
กางเกงขายาว พูดคะ ขา กลับบ้านเร็ว จะไปไหนก็ขอก่อน บลาๆๆๆ
เวลาเราโทรคุยกับยาย ยายเราจะชอบพูดถึงตา ว่าตาเหนื่อย ความจำก็ไม่ค่อยดี หลงๆลืมๆ เราก็เครียดนะ
เราอยากคามเพื่อนๆว่า เราคือหลานที่เห็นแก่ตัวไหมที่ไม่ยอมกลับไปใช้ชีวิตแบบที่เขาคาดหวัง
(เราเรียนจบมา 1 ปีแล้ว และมาหางานทำที่กรุงเทพ ตั้งแต่เรียนจบมาเราก็ไม่เคยขอเงินทางบ้านอีกเลย มีโอนไปให้บ้างเวลาที่เราพอมีเหลือ แต่ชีวิตเด็กจบใหม่ และเงินเดือนขั้นต่ำประเทศไทยทำให้เราส่งให้พวกเขาไม่ได้มาก นี้ก็อาจเป็นอีก 1 ความห่วงใยของยายที่อยากให้กลับไปใช้ชีวิตสบายๆที่บ้าน
แต่เราก็ยังรู้สึกว่าเราชอบชีวิตแบบนี้)