มิงกาลาบา เสียงคำทักทายดังขึ้นมาจากรายการหนังพาไป ชวนให้คำนึงถึงดินแดนที่เคยฝันว่าอยากจะไปเยือนสักครั้งในชีวิต...เป็นอีกครั้งที่ จขกท. ขอนำเรื่องราวการเดินทางผจญภัยในต่างแดนมาเล่าสู่กันฟัง Backpacker ครั้งนี้จะพาเหิรฟ้าสู่เมียนมาร์ 1 ในดินแดนที่มีความเฟื่องฟูของพระพุทธศาสนาในสุวรรณภูมิ
***อ่านย้อนหลังทริปเวียดนามได้ที่
https://pantip.com/topic/36047176

.....ก่อนตัดสินใจ Backpacker มาที่เมียนมาร์ใจก็วิวๆ ว่ามันจะปลอดภัยไหมจะน่ากลัวไหมถ้าแบกเป้ไปคนเดียว เพราะจากประสบการณ์ Backpacker ในต่างประเทศนี่คงเป็นประเทศแรกที่รู้สึกไม่มั่นใจในการเดินทาง เพราะเมียนมาร์ก็พึ่งจะเปิดประเทศไม่กี่ปีเอง ทว่าทักชวนเพื่อนไปด้วยก็ไม่มีใครว่างจะไปด้วยเลยจนกระทั่ง 2 อาทิย์สุดท้ายก่อนโปรตั๋วจะหมด เลยลองทักไปชวนเพื่อนจาก สปป.ลาว ปรากฏว่าเขาตอบตกลงที่จะร่วมเดินทาง เย้ๆ ในที่สุดผมก็ได้เพื่อนเอาชีวิตไปหลงทางด้วยกัน เราตั้งงบไว้ต้องเที่ยวให้ได้ 7วัน 5 เมืองด้วยงบไม่เกิน 10,000 บาท และต้องเหลือกลับบ้าน การเดินทางจะสนุก ตื่นเต้น จะแดดหรือจะฝน กับการเดินทางในช่วงระหว่างวันที่ 11-17 พฤษภาคม 2560 ถ้าพร้อมแล้วก็ไปกันเล้ยยย (อาจจะยาวหน่อยๆ นะครับแต่ไม่ขอเน้นประวัติแหล่งท่องเที่ยว)
------------------------------------------
วางแผนก่อนเดินทาง
Day1...เมืองย่างกุ้ง (Yangon)-เจดีย์ซูเล (Sule Pagoda)-สวนมหาบันดูลาร์ (Maha Bandula Park)-เจดีย์ตาทาวน์และเทพทันใจ(Botataung Pagoda)-ทะเลสาบกันดอร์จี (Kandawgyi Lake)- เจดีย์ชเวดากอง (Shwedagon Pagoda)-ไชน่าทาวน์ (China town)
Day2...ทะเลสาบกันดอร์จี (Kandawgyi Lake)-วัดงาทัตถ์จี (Ngahtagyi Buddha Temple)-พระตาหวาน (Chaukhtatgyi Buddha Temple)-สถานีขนส่งอองมิงกาลา (Aungmingalar high way bus stop)
Day3...เมืองพุกามเขตญ็องอู (Nyaungoo)-ชมพระอาทิตย์ขึ้นที่เจดีย์ชเวซันดอร์ (Shwesandaw Pagoda)-เจดีย์ชเวชิกอง (Shwe See Khone Pagoda)-ปั่นจักรยานชมป่าเจดีย์ (old Bagan)
Day4...เมืองมัณฑเลย์ (Mandalay) – เมืองสกาย (Sagaing)-สะพานเหล็กอังวะ (Innwa Bridge)
Day5...มิงกุน (Mingun) –เมืองอมรปุระ (Amara Pura) –สะพานอูเบ็ง (U Pain bridge)-ตลาดกลางคืน (Night Market)-ไชน่าทาวน์ (China town)
Day6...วัดพระมหามัยมุนี (Mahamuni Buddha Image)-พระราชวังมัณฑเลย์ (Golgen Palace)-วัดชเวนันดอร์ (Shwenandaw Kyaung) – วัดอตุมาชิ (Atumashi Kyaung)- Kutho Daw Pagada-Sanda Muni Pagada-จุดชมวิวเมืองมัณฑเลย์ (Mandalay Hill)-Kyauk Taw Gyi Bhuddha Image
Day7...Shwe Kyat Yat Pagada-Shwe Kyat Kya Pagada-Tada U- Mandalay International Airport (MDL)

.....จากกรุงเทพไปย่างกุ้ง ผมจองตั๋วจากเว็ปไซต์สายการบินนกแอร์ ได้ราคาตั๋ว 1,745 บาท/คน (ราคารวมค่าธรรมเนียมจ่ายผ่านบัตรเดบิต) จองตั๋วสองอาทิตย์ก่อนบินเลยได้ราคาแพงไปหน่อย (จากที่ดูไว้ก่อนหน้าถูกกว่านี้) เที่ยวบินที่ DD4234 ออกจากสนามบินนานาชาติดอนเมืองเวลา 10.25 น. ถึงสนามบินนานาชาติย่างกุ้งเวลา 11.10 น. ตามเวลาท้องถิ่น (เวลาที่เมียนมาร์ช้ากว่าไทย 30 นาที) เที่ยวเมียนมาร์ในทุกวันนี้ไม่ต้องทำวีซ่าแล้วนะครับสบายใจได้เลย ถึงสนามบินสิ่งแรกที่ต้องทำคือไปหาซื้อ SIM 2 Fly Asia ที่สามารถเปิดโรมมิ่งใช้ในต่างประเทศได้เลย เน็ต 4GB (ที่เมียนมาร์เล่นความเร็วได้แค่ 3 G) สถานที่ขายซิมอยู่ชั้นล่างสุดของสนามบินทางเชื่อมไประหว่างอาคารผู้โดยสาร 1 ไป อาคารผู้โดยสาร 2 ราคา 400 บาท ใช้ในต่างประเทศได้นานต่อเนื่อง 8 วัน แต่อายุซิม 3 เดือน ถ้าไปต่างประเทศอีกโดยมีเน็ตเหลือกลับมาก็เอาไปใช้ประเทศอื่นได้ต่อหรือเติมเงินเพื่อเพิ่มจำนวนเน็ตและต่ออายุการใช้งานได้

รายละเอียดการใช้งานของซิม เป็นครั้งแรกที่ผมเลือกใช้ซิมแทน Pocket Wifi เพราะมันถูกกว่าและไม่ต้องเป็นห่วงเรื่อง Pocket จะหาย

หลังจากได้ซิมมาก็ไปแลกเงิน ที่สนามบินดอนเมืองไม่มีเงินสกุล Kyat ของเมียนมาร์ให้แลกนะครับ ต้องแลกเป็นเงินสกุล USD แล้วค่อยไปแลกเป็นเงิน Kyat ที่สนามบินนานาชาติย่างกุ้ง ผมแลกเงินเป็นสกุล USD 0kd 7,000 บาท ได้ 200 USD ซึ่ง Rate ที่ผมแลกได้ 35.09 บาท ต่อ 1 USD แลกที่บูธธนาคารไหนก็ได้ครับที่สนามบิน Rate เท่ากันหมด กะว่าแลกไปเผื่อฉุกเฉิน

จากนั้นก็ไปเช็คอิน (check-in counter เปิด 3 ชั่วโมงก่อนเครื่องออก และปิด 60 นาทีก่อนเครื่องออก ไปช้าตกเครื่องนะครัช) เช็คอินเสร็จก็เข้าไปนั่งสบายใจชาร์ตแบตโทรศัพอัพเฟชรออยู่ใน Gate เลยครับ สนามบินเขามีที่ให้ชาร์ตแบตโทรศัพท์กับ Power bank ฟรี สำหรับ Power bank ที่จะนำขึ้นเครื่องไปด้วยห้ามเกิน 32,000 mAh
ก่อนเข้า Gate แวะถ่ายหน้ากากจิงโจ้สักแปป

ต่อ Shuttle Bus ไปขึ้นเครื่อง Goodbay Thailand

นั่งนกแอร์ เครื่องลำใหญ่ โหลดกระเป๋าฟรี 20 กิโลกรัม(เส้นทางต่างประเทศ แต่ถ้าจองในในโปรตั๋วราคาถูกถ้าโหลดกระเป๋าต้องจ่ายเพิ่ม) ฟรีขนมและน้ำดื่มบนเครื่อง เครื่องออกตรงเวลา นั่งสบาย แอร์สวย (ไหนๆก็เคยไปฝึกงานกับเขาก็ขอโฆษณาให้เขาหน่อย คิคิ)

การเดินทางเข้าประเทศเมียนมาร์ต้องกรอก Immigration form ของเมียนมาร์ และกรอก Passenger Declaration form (น่าจะเป็นใบศุลกากรของเมียนมาร์) เดี๋ยวแอร์โฮสเตสเขาจะแจกให้เขียนบนเครื่อง (อย่าลืมพกปากกามาด้วยนะครัช)

Immigration form

Passenger Declaration form

ทันใดที่เครื่องบินทำการ Landing ลงสู่ท่าอากาศยานนานาชาติย่างกุ้งมาพร้อมกับความซวยที่มาเยือน ฝาปิดเลนส์กล้องหายครับ เฮ้อออ แต่ขณะเดียวกันความตื่นเต้นก็เข้าครอบงำเพราะไม่รู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นต่อจากนี้เนื่องจากก่อน Backpacker มาที่นี้ผมศึกษาข้อมูลการเดินทางต่างๆเพียง 1 วันก่อน

เมื่อผ่านพิธีการเข้าเมืองเรียบร้อยสัญญาณโทรศัพท์ก็ขึ้นเต็มเลย เปิดโรมมิ่ง เปิดเน็ตเช็คอัฟเฟชทันทีท่ามกลางความมึนงงว่าจะไปยังไงต่อ 55+ จากนั้นเดินมาแลกเงินที่บูธแลกเงินในสนามบิน มีธนาคารกับร้านปลอดภาษีให้แลก

เงินจ๊าด แบงค์ใหญ่สุดคือ 10,000 จ๊าด

Rate แลกเปลี่ยนเงินจ๊าด

เงิน 120 USD แลกได้ 161,550 Kyat คิดว่าต้องให้เหลือกลับบ้านเพราะโรงแรมที่เมืองพุกามและมัณฑเลย์จองผ่าน agoda.com มาแล้ว จากนั้นก็สอบถามข้อมูลจาก Tourism Information center ที่สนามบิน สิ่งแรกที่ต้องทำคือขอแผนที่ครับ แล้วถามหาวิธีการเดินทางเข้าเมืองย่างกุ้งไปยังบริเวณ Downtown ซึ่งเป็นบริเวณที่เราจะไปตั้งหลัก

วิธีการเดินทางเข้าเมืองก็จะมี Taxi มารอจัดสงครามแย่งชิงลูกค้ากันหน้าประตูทางออกอาคารผู้โดยสารแล้ว (ทริค : ถ้าคนขับ Taxi เดินคุยตามเรา ให้เดินหนี ไม่ต้องสนใจไม่ต้องพูด เดินออกไปเลยไกลๆ) แต่จากข้อมูลที่ผมรู้มาเบิ่งต้นจะมีรถเมย์ที่สามารถวิ่งเข้าเมืองไปบริเวณ Downtown แต่ต้องเดินออกผ่าสงคราม Taxi ออกไปจากสนามบินก่อน และไปรอขึ้นรถเมย์สาย 37 บริเวณ 10 miles Market (ห่างจากสนามบินประมาณ 2 กม.) ตอนแรกเห็นเขารีวิวมาส่วนใหญ่เมื่อถึงสนามบินแล้วจะนั่งแท็กซี่ไปจองตั๋วไปเมืองพุกามที่สถานีขนส่งอองมิงกาลา (Aungmingalar high way bus stop) เนื่องจากอยู่ไม่ไกลจากสนามบิน (ประมาณ 5 กม.) แต่พอผมมาคิดอีกทีจองวันเดินทางเลยน่าจะดีกว่าเพราะผมมาเที่ยวในช่วง Low season แต่ถ้าคิดว่าจะไปพุกามในช่วง High season ต้องจองไว้ล่วงหน้านะครับ

เราตัดสินใจเดินฝ่าฝูง Taxi ออกมาจากอาคารผู้โดยสารพร้อมกับคำว่า “No Taxi, I’m walk” (จากประตูอาหารผู้โดยสารเดินออกมาให้เลี้ยวขวาเดินไปตามถนนเพื่อไป 10 miles Market) เดินผ่านอาคารผู้โดยสารในประเทศท่ามกลางแดดร้อนระอุในยามเที่ยง ระหว่างทางเกิดความเป็นคนยโสธรเข้าสิงร่างคือหิวข้าวหนักมาก เพราะไม่ได้กินมาตั้งแต่ช่วงเย็นวันก่อนมากรุงเทพ พึ่งนึกได้ว่าแม่ห่อข้าวเหนียวกับซี่โครงหมูทอดให้อยู่ในกระเป๋า จะรีรออยู่ไรรีบจัดไปเลยสิขอรับ อิ่มเป๋เลย

เดินออกจากสนามบินมาสิ่งแรกที่เจอคือผู้ชายใส่โสร่งกำลังรถน้ำดอกไม้ตอนเที่ยงแดดจ้า OMG!

หลังจากที่กินข้าวอิ่มก็หิวน้ำขึ้นมาทันที เห็นแก๊งวัยรุ่นโสร่งเดินไปกินน้ำริมทางซึ่งเป็นแอ่งน้ำดื่มหม้อดินแบบบ้านเราสมัยก่อน แล้วจะมีแก้วน้ำวางไว้ ตอนแรกนึกว่าน้ำหน้าบ้านเขา แต่สังเกตคนเดินไปเดินมาเขาก็ไปตักกินกัน คิดในใจหรือว่าจะน้ำฟรี แต่เราก็ไม่กล้ากินอยู่ดีเพราะหลายปากมากในแก้วเดียวกัน 55+

เลี้ยวไปทางถนน OKKALAR

เดินตามถนนไปเรื่อยๆ ก็เจอที่ตักน้ำดื่มในลักษณะเดียวกัน เริ่มมั่นใจว่าต้องเป็นน้ำที่สามารถดื่มได้ฟรีแน่ๆ แต่เราก็ยังไม่กล้าดื่มอยู่ดี ในขณะที่แดดร้อนอบอ้าว GPS ก็บอกว่าเราเดินมาถึง 10 miles Market แล้ว ผมมองหาตลาดนึกว่าจะเป็นแบบมีหลังคาใหญ่ๆ ในอาคาร ที่ไหนได้ก็ตลาดคล้ายๆ แผงลอยบ้านเรานี่เอง

เจอร้านโชห่วย (ลักษณะเป็นแบบนั้น) ได้น้ำมา 1 ขวด (1 ลิตร) ราคา 300 จ๊าด (เอา 39 หาร เป็นเงินไทยประมาณ 8 บาท ถูกโดนใจ)

ฝั่งตรงข้ามคือป้ายรถเมย์ ซึ่งด้านหลังจะเป็นตึกสีฟ้าๆ (ข้ามถนนระวังกันด้วยนะครับ รถเขาขับแบบไม่ชะลอคนข้ามถนนเลย)

การขึ้นรถเมย์ที่เมียนมาร์จะต้องขึ้นด้านหน้าด้านเดียวและลงด้านหลัง ค่ารถเมย์ 200 จ๊าด จ่ายทางขึ้นด้านหน้าเลย หรือว่าหากรถเมย์ที่สภาพเก่าหน่อยจะมีคนมาเก็บเงินเราบนรถทีหลัง

ไม่รู้ว่าคนบนรถเมย์เขาอาบน้ำกันไหม 55+

ปัจจุบันรถเมย์ของเมียนมาร์ที่เป็นคันใหม่จะมีเลขอารบิกแสดงสายรถเมย์ด้วย แต่สำหรับคันที่มีสภาพเก่าก็จะเป็นตัวเลขพม่า ยังไงก็อย่าลืมปริ้นตัวเลขพม่าไปด้วยนะครับ

รถเมย์สาย 37 ที่เรานั่งมา เร็วแรงแซงแบบไม่เบรกยิ่งกว่า Fast8 ซะอีก
[CR] แบกเป้เที่ยวเมียนมาร์ 7 วัน ย่างกุ้ง-พุกาม-มัณฑเลย์-สกาย-อมรปุระ ด้วยงบไม่ถึงหมื่น ตอนที่ 1 โหนรถเมย์ตะลุยย่างกุ้ง
***อ่านย้อนหลังทริปเวียดนามได้ที่ https://pantip.com/topic/36047176
.....ก่อนตัดสินใจ Backpacker มาที่เมียนมาร์ใจก็วิวๆ ว่ามันจะปลอดภัยไหมจะน่ากลัวไหมถ้าแบกเป้ไปคนเดียว เพราะจากประสบการณ์ Backpacker ในต่างประเทศนี่คงเป็นประเทศแรกที่รู้สึกไม่มั่นใจในการเดินทาง เพราะเมียนมาร์ก็พึ่งจะเปิดประเทศไม่กี่ปีเอง ทว่าทักชวนเพื่อนไปด้วยก็ไม่มีใครว่างจะไปด้วยเลยจนกระทั่ง 2 อาทิย์สุดท้ายก่อนโปรตั๋วจะหมด เลยลองทักไปชวนเพื่อนจาก สปป.ลาว ปรากฏว่าเขาตอบตกลงที่จะร่วมเดินทาง เย้ๆ ในที่สุดผมก็ได้เพื่อนเอาชีวิตไปหลงทางด้วยกัน เราตั้งงบไว้ต้องเที่ยวให้ได้ 7วัน 5 เมืองด้วยงบไม่เกิน 10,000 บาท และต้องเหลือกลับบ้าน การเดินทางจะสนุก ตื่นเต้น จะแดดหรือจะฝน กับการเดินทางในช่วงระหว่างวันที่ 11-17 พฤษภาคม 2560 ถ้าพร้อมแล้วก็ไปกันเล้ยยย (อาจจะยาวหน่อยๆ นะครับแต่ไม่ขอเน้นประวัติแหล่งท่องเที่ยว)
------------------------------------------
วางแผนก่อนเดินทาง
Day1...เมืองย่างกุ้ง (Yangon)-เจดีย์ซูเล (Sule Pagoda)-สวนมหาบันดูลาร์ (Maha Bandula Park)-เจดีย์ตาทาวน์และเทพทันใจ(Botataung Pagoda)-ทะเลสาบกันดอร์จี (Kandawgyi Lake)- เจดีย์ชเวดากอง (Shwedagon Pagoda)-ไชน่าทาวน์ (China town)
Day2...ทะเลสาบกันดอร์จี (Kandawgyi Lake)-วัดงาทัตถ์จี (Ngahtagyi Buddha Temple)-พระตาหวาน (Chaukhtatgyi Buddha Temple)-สถานีขนส่งอองมิงกาลา (Aungmingalar high way bus stop)
Day3...เมืองพุกามเขตญ็องอู (Nyaungoo)-ชมพระอาทิตย์ขึ้นที่เจดีย์ชเวซันดอร์ (Shwesandaw Pagoda)-เจดีย์ชเวชิกอง (Shwe See Khone Pagoda)-ปั่นจักรยานชมป่าเจดีย์ (old Bagan)
Day4...เมืองมัณฑเลย์ (Mandalay) – เมืองสกาย (Sagaing)-สะพานเหล็กอังวะ (Innwa Bridge)
Day5...มิงกุน (Mingun) –เมืองอมรปุระ (Amara Pura) –สะพานอูเบ็ง (U Pain bridge)-ตลาดกลางคืน (Night Market)-ไชน่าทาวน์ (China town)
Day6...วัดพระมหามัยมุนี (Mahamuni Buddha Image)-พระราชวังมัณฑเลย์ (Golgen Palace)-วัดชเวนันดอร์ (Shwenandaw Kyaung) – วัดอตุมาชิ (Atumashi Kyaung)- Kutho Daw Pagada-Sanda Muni Pagada-จุดชมวิวเมืองมัณฑเลย์ (Mandalay Hill)-Kyauk Taw Gyi Bhuddha Image
Day7...Shwe Kyat Yat Pagada-Shwe Kyat Kya Pagada-Tada U- Mandalay International Airport (MDL)
.....จากกรุงเทพไปย่างกุ้ง ผมจองตั๋วจากเว็ปไซต์สายการบินนกแอร์ ได้ราคาตั๋ว 1,745 บาท/คน (ราคารวมค่าธรรมเนียมจ่ายผ่านบัตรเดบิต) จองตั๋วสองอาทิตย์ก่อนบินเลยได้ราคาแพงไปหน่อย (จากที่ดูไว้ก่อนหน้าถูกกว่านี้) เที่ยวบินที่ DD4234 ออกจากสนามบินนานาชาติดอนเมืองเวลา 10.25 น. ถึงสนามบินนานาชาติย่างกุ้งเวลา 11.10 น. ตามเวลาท้องถิ่น (เวลาที่เมียนมาร์ช้ากว่าไทย 30 นาที) เที่ยวเมียนมาร์ในทุกวันนี้ไม่ต้องทำวีซ่าแล้วนะครับสบายใจได้เลย ถึงสนามบินสิ่งแรกที่ต้องทำคือไปหาซื้อ SIM 2 Fly Asia ที่สามารถเปิดโรมมิ่งใช้ในต่างประเทศได้เลย เน็ต 4GB (ที่เมียนมาร์เล่นความเร็วได้แค่ 3 G) สถานที่ขายซิมอยู่ชั้นล่างสุดของสนามบินทางเชื่อมไประหว่างอาคารผู้โดยสาร 1 ไป อาคารผู้โดยสาร 2 ราคา 400 บาท ใช้ในต่างประเทศได้นานต่อเนื่อง 8 วัน แต่อายุซิม 3 เดือน ถ้าไปต่างประเทศอีกโดยมีเน็ตเหลือกลับมาก็เอาไปใช้ประเทศอื่นได้ต่อหรือเติมเงินเพื่อเพิ่มจำนวนเน็ตและต่ออายุการใช้งานได้
รายละเอียดการใช้งานของซิม เป็นครั้งแรกที่ผมเลือกใช้ซิมแทน Pocket Wifi เพราะมันถูกกว่าและไม่ต้องเป็นห่วงเรื่อง Pocket จะหาย
หลังจากได้ซิมมาก็ไปแลกเงิน ที่สนามบินดอนเมืองไม่มีเงินสกุล Kyat ของเมียนมาร์ให้แลกนะครับ ต้องแลกเป็นเงินสกุล USD แล้วค่อยไปแลกเป็นเงิน Kyat ที่สนามบินนานาชาติย่างกุ้ง ผมแลกเงินเป็นสกุล USD 0kd 7,000 บาท ได้ 200 USD ซึ่ง Rate ที่ผมแลกได้ 35.09 บาท ต่อ 1 USD แลกที่บูธธนาคารไหนก็ได้ครับที่สนามบิน Rate เท่ากันหมด กะว่าแลกไปเผื่อฉุกเฉิน
จากนั้นก็ไปเช็คอิน (check-in counter เปิด 3 ชั่วโมงก่อนเครื่องออก และปิด 60 นาทีก่อนเครื่องออก ไปช้าตกเครื่องนะครัช) เช็คอินเสร็จก็เข้าไปนั่งสบายใจชาร์ตแบตโทรศัพอัพเฟชรออยู่ใน Gate เลยครับ สนามบินเขามีที่ให้ชาร์ตแบตโทรศัพท์กับ Power bank ฟรี สำหรับ Power bank ที่จะนำขึ้นเครื่องไปด้วยห้ามเกิน 32,000 mAh
ก่อนเข้า Gate แวะถ่ายหน้ากากจิงโจ้สักแปป
ต่อ Shuttle Bus ไปขึ้นเครื่อง Goodbay Thailand
นั่งนกแอร์ เครื่องลำใหญ่ โหลดกระเป๋าฟรี 20 กิโลกรัม(เส้นทางต่างประเทศ แต่ถ้าจองในในโปรตั๋วราคาถูกถ้าโหลดกระเป๋าต้องจ่ายเพิ่ม) ฟรีขนมและน้ำดื่มบนเครื่อง เครื่องออกตรงเวลา นั่งสบาย แอร์สวย (ไหนๆก็เคยไปฝึกงานกับเขาก็ขอโฆษณาให้เขาหน่อย คิคิ)
การเดินทางเข้าประเทศเมียนมาร์ต้องกรอก Immigration form ของเมียนมาร์ และกรอก Passenger Declaration form (น่าจะเป็นใบศุลกากรของเมียนมาร์) เดี๋ยวแอร์โฮสเตสเขาจะแจกให้เขียนบนเครื่อง (อย่าลืมพกปากกามาด้วยนะครัช)
Immigration form
Passenger Declaration form
ทันใดที่เครื่องบินทำการ Landing ลงสู่ท่าอากาศยานนานาชาติย่างกุ้งมาพร้อมกับความซวยที่มาเยือน ฝาปิดเลนส์กล้องหายครับ เฮ้อออ แต่ขณะเดียวกันความตื่นเต้นก็เข้าครอบงำเพราะไม่รู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นต่อจากนี้เนื่องจากก่อน Backpacker มาที่นี้ผมศึกษาข้อมูลการเดินทางต่างๆเพียง 1 วันก่อน
เมื่อผ่านพิธีการเข้าเมืองเรียบร้อยสัญญาณโทรศัพท์ก็ขึ้นเต็มเลย เปิดโรมมิ่ง เปิดเน็ตเช็คอัฟเฟชทันทีท่ามกลางความมึนงงว่าจะไปยังไงต่อ 55+ จากนั้นเดินมาแลกเงินที่บูธแลกเงินในสนามบิน มีธนาคารกับร้านปลอดภาษีให้แลก
เงินจ๊าด แบงค์ใหญ่สุดคือ 10,000 จ๊าด
Rate แลกเปลี่ยนเงินจ๊าด
เงิน 120 USD แลกได้ 161,550 Kyat คิดว่าต้องให้เหลือกลับบ้านเพราะโรงแรมที่เมืองพุกามและมัณฑเลย์จองผ่าน agoda.com มาแล้ว จากนั้นก็สอบถามข้อมูลจาก Tourism Information center ที่สนามบิน สิ่งแรกที่ต้องทำคือขอแผนที่ครับ แล้วถามหาวิธีการเดินทางเข้าเมืองย่างกุ้งไปยังบริเวณ Downtown ซึ่งเป็นบริเวณที่เราจะไปตั้งหลัก
วิธีการเดินทางเข้าเมืองก็จะมี Taxi มารอจัดสงครามแย่งชิงลูกค้ากันหน้าประตูทางออกอาคารผู้โดยสารแล้ว (ทริค : ถ้าคนขับ Taxi เดินคุยตามเรา ให้เดินหนี ไม่ต้องสนใจไม่ต้องพูด เดินออกไปเลยไกลๆ) แต่จากข้อมูลที่ผมรู้มาเบิ่งต้นจะมีรถเมย์ที่สามารถวิ่งเข้าเมืองไปบริเวณ Downtown แต่ต้องเดินออกผ่าสงคราม Taxi ออกไปจากสนามบินก่อน และไปรอขึ้นรถเมย์สาย 37 บริเวณ 10 miles Market (ห่างจากสนามบินประมาณ 2 กม.) ตอนแรกเห็นเขารีวิวมาส่วนใหญ่เมื่อถึงสนามบินแล้วจะนั่งแท็กซี่ไปจองตั๋วไปเมืองพุกามที่สถานีขนส่งอองมิงกาลา (Aungmingalar high way bus stop) เนื่องจากอยู่ไม่ไกลจากสนามบิน (ประมาณ 5 กม.) แต่พอผมมาคิดอีกทีจองวันเดินทางเลยน่าจะดีกว่าเพราะผมมาเที่ยวในช่วง Low season แต่ถ้าคิดว่าจะไปพุกามในช่วง High season ต้องจองไว้ล่วงหน้านะครับ
เราตัดสินใจเดินฝ่าฝูง Taxi ออกมาจากอาคารผู้โดยสารพร้อมกับคำว่า “No Taxi, I’m walk” (จากประตูอาหารผู้โดยสารเดินออกมาให้เลี้ยวขวาเดินไปตามถนนเพื่อไป 10 miles Market) เดินผ่านอาคารผู้โดยสารในประเทศท่ามกลางแดดร้อนระอุในยามเที่ยง ระหว่างทางเกิดความเป็นคนยโสธรเข้าสิงร่างคือหิวข้าวหนักมาก เพราะไม่ได้กินมาตั้งแต่ช่วงเย็นวันก่อนมากรุงเทพ พึ่งนึกได้ว่าแม่ห่อข้าวเหนียวกับซี่โครงหมูทอดให้อยู่ในกระเป๋า จะรีรออยู่ไรรีบจัดไปเลยสิขอรับ อิ่มเป๋เลย
เดินออกจากสนามบินมาสิ่งแรกที่เจอคือผู้ชายใส่โสร่งกำลังรถน้ำดอกไม้ตอนเที่ยงแดดจ้า OMG!
หลังจากที่กินข้าวอิ่มก็หิวน้ำขึ้นมาทันที เห็นแก๊งวัยรุ่นโสร่งเดินไปกินน้ำริมทางซึ่งเป็นแอ่งน้ำดื่มหม้อดินแบบบ้านเราสมัยก่อน แล้วจะมีแก้วน้ำวางไว้ ตอนแรกนึกว่าน้ำหน้าบ้านเขา แต่สังเกตคนเดินไปเดินมาเขาก็ไปตักกินกัน คิดในใจหรือว่าจะน้ำฟรี แต่เราก็ไม่กล้ากินอยู่ดีเพราะหลายปากมากในแก้วเดียวกัน 55+
เลี้ยวไปทางถนน OKKALAR
เดินตามถนนไปเรื่อยๆ ก็เจอที่ตักน้ำดื่มในลักษณะเดียวกัน เริ่มมั่นใจว่าต้องเป็นน้ำที่สามารถดื่มได้ฟรีแน่ๆ แต่เราก็ยังไม่กล้าดื่มอยู่ดี ในขณะที่แดดร้อนอบอ้าว GPS ก็บอกว่าเราเดินมาถึง 10 miles Market แล้ว ผมมองหาตลาดนึกว่าจะเป็นแบบมีหลังคาใหญ่ๆ ในอาคาร ที่ไหนได้ก็ตลาดคล้ายๆ แผงลอยบ้านเรานี่เอง
เจอร้านโชห่วย (ลักษณะเป็นแบบนั้น) ได้น้ำมา 1 ขวด (1 ลิตร) ราคา 300 จ๊าด (เอา 39 หาร เป็นเงินไทยประมาณ 8 บาท ถูกโดนใจ)
ฝั่งตรงข้ามคือป้ายรถเมย์ ซึ่งด้านหลังจะเป็นตึกสีฟ้าๆ (ข้ามถนนระวังกันด้วยนะครับ รถเขาขับแบบไม่ชะลอคนข้ามถนนเลย)
การขึ้นรถเมย์ที่เมียนมาร์จะต้องขึ้นด้านหน้าด้านเดียวและลงด้านหลัง ค่ารถเมย์ 200 จ๊าด จ่ายทางขึ้นด้านหน้าเลย หรือว่าหากรถเมย์ที่สภาพเก่าหน่อยจะมีคนมาเก็บเงินเราบนรถทีหลัง
ไม่รู้ว่าคนบนรถเมย์เขาอาบน้ำกันไหม 55+
ปัจจุบันรถเมย์ของเมียนมาร์ที่เป็นคันใหม่จะมีเลขอารบิกแสดงสายรถเมย์ด้วย แต่สำหรับคันที่มีสภาพเก่าก็จะเป็นตัวเลขพม่า ยังไงก็อย่าลืมปริ้นตัวเลขพม่าไปด้วยนะครับ
รถเมย์สาย 37 ที่เรานั่งมา เร็วแรงแซงแบบไม่เบรกยิ่งกว่า Fast8 ซะอีก
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น