มิถุนายน 2559 ผมต้องผ่าตัดใหญ่ แน่นอนว่าก่อนการผ่าตัด จะต้องได้รับการยินยอมจากโรงพยาบาลสำหรับการตรวจหาเชื้อ HIV
เมื่อการผ่าตัดผ่านไปด้วยดี แต่ต้องพักฟื้นอยู่ที่โรงพยาบาลถึง 11 วัน
วันที่ 2 หลังจากการผ่าตัด คุณหมอท่านหนึ่งเดินเข้ามา และแจ้งให้ญาติรอข้างนอก เพื่อแจ้งกับผม
แน่นอน หมอแจ้งว่าผมติดเชื้อ HIV
อันที่จริง ผมทราบมาก่อนแล้ว ทราบมาก่อนเกือบปี เพราะเคยลองตรวจกับสถานพยาบาลที่มาตรวจสุขภาพประจำปีของบริษัท
ซึ่งผลก็ออกมาว่า ผมมีเชื้อ HIV เพียงแต่ผมยังไม่ยอมรับความจริง แต่...ผมระวังเรื่อยมา ทั้งในเรื่องของการดูแลสุขภาพ
การมีเพศสัมพันธ์ต่างๆ เพื่อไม่ให้เชื่อแพร่หรือกระจายไปสู่คนอื่น
ฉะนั้นในตอนที่คุณหมอเดินเข้ามาบอก ผมจึงไม่ได้ตกใจอะไร หมอก็คงแปลกใจว่าทำไมสีหน้าผมดูปกติ แต่ผมก็ไม่ได้แจ้งหมอไป
อีก 2 วันต่อหมอ หมอเข้ามาแจ้งว่า CD4 ผม เหลือแค่ 76 เท่านั้น ซึ่งถือว่าน้อยมาก และต้องได้รับยาต้านอย่างเร่งด่วน
CD4 เหลือ 76 ภาวะของร่างกายตอนนั้น ยืนแทบไม่ได้ เพราะเมื่อยืนหรือเดิน นั่นคือการเซ หรือจะเป็นลมวูบให้ได้
การได้รับยาต้านจึงเริ่มขึ้น ผมเลือกทานยาต้านในเวลา 20.00 น.
แน่นอนหล่ะ ใน 7 วันแรกของการทานยาต้น มันคือความทรมาน มันคือความทุรนทุราย มากๆ แต่มันจะเป็นเพียงแค่ 2-3 ชั่วโมง
นั่นเป็นเพราะยาเข้าไปต่อต้านเชื้อไวรัสที่มีในร่างกาย
แต่มันไม่ใช่แค่นั้น ผมได้รับเชื้อวัณโรคมาร่วมด้วย แต่ไม่ใช่วัณโรคปลอด เป็นวัณโรคในต่อมน้ำเหลือง ซึ่งผลของมันคือทำให้แผลผมหายช้ากว่าคนปกติ
ต้องทานยาวัณโรคและยาต้านควบคู่กัน
ย้อนกลับไป ระหว่างที่รับยาต้านในตอนแรก ต้องได้รับยาที่ป้องกันเชื้อราด้วย ทานยาป้องกันเชื้อราประมาณ 1 เดือน ซึ่งระหว่างนี้ก็จะต้องถูกส่ง
ไปตรวจตา ตรวจหาว่ามีไวรัสขึ้นตาหรือไม่
ผ่านไปประมาณ 6 เดือน CD4 ขึ้นจาก 76 เป็น 201 มันคือปฏิหารย์มากๆ เพราะในการแพทย์หมอบอกว่ามันขึ้นได้เร็ว ถือเป็นความอัศจรรย์ในตัวผม
22 มิถุนายน 2560 จะเป็นวันที่ต้องไปฟังผล CD4 อีกครั้ง คราวนี้มาลุ้นกันว่า CD4 จะขึ้นอีกเท่าไร
การใช้ชีวิตตอนนี้ ผมใช้ชีวิตเหมือนคนปกติ มีความสุข ยิ้มหัวเราะ เริ่งร่า และป้องกันไม่ให้แพร่ไปสู่คนอื่น
และไม่ย้อนกลับไปคิด ว่าติดมาจากใคร ติดได้ยังไง เพราะเมื่อมันติดมาแล้ว ก็ให้มันแล้ว และทำปัจจุบันให้มันดี
ผมเป็นคนเปิดเผย หลังจากกลับเข้าทำงาน ก็เดินเข้าไปบอกกับผู้จัดการ(ผู้หญิง) ซึ่งผู้จัดการรู้ดีว่าผมเป็นเกย์ และเปิดเผยให้ผู้จัดการฟังแบบตรงๆ ว่า
ผมติดเชื้อ HIV ผู้จัดการผมอึ้งไปนิดๆ และถามว่ามันคืออะไร ต้องรักษายังไง ต้องให้พี่บอก Boss (เจ้าของบริษัทไหม) ผมบอกผู้จัดการว่า อย่าบอกเลย ผมแค่อยากบอกพี่แค่คนเดียว เพื่อให้พี่ทราบว่า ในระหว่างที่ผมหยุดไป นั่นคือผมต้องไปพบแพทย์ เพราะเนื่องจากในระยะแรก ในทุกๆ 3 เดือน แพทย์จะนัดเพื่อตรวจติดตามอาการ
ดังนั้น...การที่เรารู้ว่ามีเชื้อ HIV ตั้งแต่เริ่มต้น จะทำให้เรามีหนทางในการดูแลและรักษาตัวเองเร็วขึ้น
อย่ารอ หรือไม่ยอมรับความจริงเหมือนผมในตอนแรก
และเมื่อรับเชื้อมาแล้ว เราต้องไม่แพร่เชื้อต่อไปอีก และต้องหมั่นดูแลตัวเองให้เหมือนคนปกติทั่วไปให้ได้
ห้ามคิดมาก และรู้จักป้องกันให้มากที่สุดเท่าที่เราจะทำได้
ยิ้ม หัวเราะ และมีความสุขให้เหมือนกับที่ตอนที่เรายังไม่ได้รับเชื้อ
ซึ่งอาจเป็นหนทางหนึ่งที่ทำให้ CD4 เพิ่มขึ้นอีกทางครับ
ท้ายนี้ ผมต้องขอบคุณแพทย์ประจำโรคประจำตัวของผม แห่งโรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา
ที่ดูแลรักษาและใส่ใจในทุกขั้นตอน
ท้ายนี้...ผมอยากให้เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ป้าๆ น้าๆ อาๆ ที่รู้สึกกังวลในโรคนี้ เข้าไปรับการตรวจเพื่อหาเชื้อว่ามีหรือไม่
เพื่อจะได้ดำเนินการรักษาโดยเร็วอย่างทันท่วงทีต่อไป
และสุดท้าย HIV ไม่ได้ติดต่อกันง่ายๆ โปรดอย่ารังเกลียดคนที่ติดเชื้อ HIV นี้
จงใช้ชีวิตกับเขาเหมือนคนปกติทั่วไป เพราะนั่นถือเป็นกำลังใจสำคัญสำหรับการดำเนินชีวิตของคนที่มีเชื้อต่อไป
หากเพื่อนๆ ไม่สบายใจ หรือต้องการคำปรึกษา หรือข้อมูลเพิ่มเติม
ทักทายมาหาผมได้ ยินดีเป็นเพื่อนและเป็นมิตรกับทุกๆ คน
รักและพร้อมเสมอสำหรับทุกคน
แอดมินอ่อนโยน
Line ID : pom7366
อย่ากังวลถ้าติดเชื้อ HIV มาร่วมให้กำลังใจกันและกัน
เมื่อการผ่าตัดผ่านไปด้วยดี แต่ต้องพักฟื้นอยู่ที่โรงพยาบาลถึง 11 วัน
วันที่ 2 หลังจากการผ่าตัด คุณหมอท่านหนึ่งเดินเข้ามา และแจ้งให้ญาติรอข้างนอก เพื่อแจ้งกับผม
แน่นอน หมอแจ้งว่าผมติดเชื้อ HIV
อันที่จริง ผมทราบมาก่อนแล้ว ทราบมาก่อนเกือบปี เพราะเคยลองตรวจกับสถานพยาบาลที่มาตรวจสุขภาพประจำปีของบริษัท
ซึ่งผลก็ออกมาว่า ผมมีเชื้อ HIV เพียงแต่ผมยังไม่ยอมรับความจริง แต่...ผมระวังเรื่อยมา ทั้งในเรื่องของการดูแลสุขภาพ
การมีเพศสัมพันธ์ต่างๆ เพื่อไม่ให้เชื่อแพร่หรือกระจายไปสู่คนอื่น
ฉะนั้นในตอนที่คุณหมอเดินเข้ามาบอก ผมจึงไม่ได้ตกใจอะไร หมอก็คงแปลกใจว่าทำไมสีหน้าผมดูปกติ แต่ผมก็ไม่ได้แจ้งหมอไป
อีก 2 วันต่อหมอ หมอเข้ามาแจ้งว่า CD4 ผม เหลือแค่ 76 เท่านั้น ซึ่งถือว่าน้อยมาก และต้องได้รับยาต้านอย่างเร่งด่วน
CD4 เหลือ 76 ภาวะของร่างกายตอนนั้น ยืนแทบไม่ได้ เพราะเมื่อยืนหรือเดิน นั่นคือการเซ หรือจะเป็นลมวูบให้ได้
การได้รับยาต้านจึงเริ่มขึ้น ผมเลือกทานยาต้านในเวลา 20.00 น.
แน่นอนหล่ะ ใน 7 วันแรกของการทานยาต้น มันคือความทรมาน มันคือความทุรนทุราย มากๆ แต่มันจะเป็นเพียงแค่ 2-3 ชั่วโมง
นั่นเป็นเพราะยาเข้าไปต่อต้านเชื้อไวรัสที่มีในร่างกาย
แต่มันไม่ใช่แค่นั้น ผมได้รับเชื้อวัณโรคมาร่วมด้วย แต่ไม่ใช่วัณโรคปลอด เป็นวัณโรคในต่อมน้ำเหลือง ซึ่งผลของมันคือทำให้แผลผมหายช้ากว่าคนปกติ
ต้องทานยาวัณโรคและยาต้านควบคู่กัน
ย้อนกลับไป ระหว่างที่รับยาต้านในตอนแรก ต้องได้รับยาที่ป้องกันเชื้อราด้วย ทานยาป้องกันเชื้อราประมาณ 1 เดือน ซึ่งระหว่างนี้ก็จะต้องถูกส่ง
ไปตรวจตา ตรวจหาว่ามีไวรัสขึ้นตาหรือไม่
ผ่านไปประมาณ 6 เดือน CD4 ขึ้นจาก 76 เป็น 201 มันคือปฏิหารย์มากๆ เพราะในการแพทย์หมอบอกว่ามันขึ้นได้เร็ว ถือเป็นความอัศจรรย์ในตัวผม
22 มิถุนายน 2560 จะเป็นวันที่ต้องไปฟังผล CD4 อีกครั้ง คราวนี้มาลุ้นกันว่า CD4 จะขึ้นอีกเท่าไร
การใช้ชีวิตตอนนี้ ผมใช้ชีวิตเหมือนคนปกติ มีความสุข ยิ้มหัวเราะ เริ่งร่า และป้องกันไม่ให้แพร่ไปสู่คนอื่น
และไม่ย้อนกลับไปคิด ว่าติดมาจากใคร ติดได้ยังไง เพราะเมื่อมันติดมาแล้ว ก็ให้มันแล้ว และทำปัจจุบันให้มันดี
ผมเป็นคนเปิดเผย หลังจากกลับเข้าทำงาน ก็เดินเข้าไปบอกกับผู้จัดการ(ผู้หญิง) ซึ่งผู้จัดการรู้ดีว่าผมเป็นเกย์ และเปิดเผยให้ผู้จัดการฟังแบบตรงๆ ว่า
ผมติดเชื้อ HIV ผู้จัดการผมอึ้งไปนิดๆ และถามว่ามันคืออะไร ต้องรักษายังไง ต้องให้พี่บอก Boss (เจ้าของบริษัทไหม) ผมบอกผู้จัดการว่า อย่าบอกเลย ผมแค่อยากบอกพี่แค่คนเดียว เพื่อให้พี่ทราบว่า ในระหว่างที่ผมหยุดไป นั่นคือผมต้องไปพบแพทย์ เพราะเนื่องจากในระยะแรก ในทุกๆ 3 เดือน แพทย์จะนัดเพื่อตรวจติดตามอาการ
ดังนั้น...การที่เรารู้ว่ามีเชื้อ HIV ตั้งแต่เริ่มต้น จะทำให้เรามีหนทางในการดูแลและรักษาตัวเองเร็วขึ้น
อย่ารอ หรือไม่ยอมรับความจริงเหมือนผมในตอนแรก
และเมื่อรับเชื้อมาแล้ว เราต้องไม่แพร่เชื้อต่อไปอีก และต้องหมั่นดูแลตัวเองให้เหมือนคนปกติทั่วไปให้ได้
ห้ามคิดมาก และรู้จักป้องกันให้มากที่สุดเท่าที่เราจะทำได้
ยิ้ม หัวเราะ และมีความสุขให้เหมือนกับที่ตอนที่เรายังไม่ได้รับเชื้อ
ซึ่งอาจเป็นหนทางหนึ่งที่ทำให้ CD4 เพิ่มขึ้นอีกทางครับ
ท้ายนี้ ผมต้องขอบคุณแพทย์ประจำโรคประจำตัวของผม แห่งโรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา
ที่ดูแลรักษาและใส่ใจในทุกขั้นตอน
ท้ายนี้...ผมอยากให้เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ป้าๆ น้าๆ อาๆ ที่รู้สึกกังวลในโรคนี้ เข้าไปรับการตรวจเพื่อหาเชื้อว่ามีหรือไม่
เพื่อจะได้ดำเนินการรักษาโดยเร็วอย่างทันท่วงทีต่อไป
และสุดท้าย HIV ไม่ได้ติดต่อกันง่ายๆ โปรดอย่ารังเกลียดคนที่ติดเชื้อ HIV นี้
จงใช้ชีวิตกับเขาเหมือนคนปกติทั่วไป เพราะนั่นถือเป็นกำลังใจสำคัญสำหรับการดำเนินชีวิตของคนที่มีเชื้อต่อไป
หากเพื่อนๆ ไม่สบายใจ หรือต้องการคำปรึกษา หรือข้อมูลเพิ่มเติม
ทักทายมาหาผมได้ ยินดีเป็นเพื่อนและเป็นมิตรกับทุกๆ คน
รักและพร้อมเสมอสำหรับทุกคน
แอดมินอ่อนโยน
Line ID : pom7366