แต่สำหรับตัวชูวิทย์เองนั้น หากต้อง “หนี” เขาก็ขอหนีด้วยวิธีที่สะดวกสบาย โดย “เรือสำราญ” คือทางเลือกของผู้ชายที่ชื่อ ชูวิทย์
หนีไว้ก่อน ดีกว่าต้องนอนในคุก
ทั้งสามวิธีที่ชูวิทย์แนะนำมานั้น เป็นการเร้นตัวออกจากปัญหาเป็นการชั่วคราว เนื่องจากเห็นว่าสังคมไทยเป็นสังคมที่สามารถพูดคุยกันได้ เจรจากันได้ แต่การที่จะสามารถมีอำนาจในการเจรจาได้ แน่นอนว่า “คุณต้องอยู่นอกคุก”
“หลักการคือ หนีไว้ก่อน ไม่ว่าจะหนีอะไร ให้หนีไว้ก่อนแล้วค่อยมาคุย มาตกลงกัน” เพราะถ้าเกิดยอมติดคุกไปเสียแล้ว ก็หาหนทางที่จะไปเจรจาต่อได้ยาก
.. หากว่าหนีเจ้าหนี้ ก็ต้องหนี เพื่อประวิงเวลา เพิ่มอำนาจในการต่อรอง ลดจำนวนเงินที่ต้องชดใช้
.. หากว่าหนีคดี ไปเหยียบเท้าใครเข้า ก็ต้องประคองสถานการณ์ สบช่องก็ดอดเข้าเจรจากับเจ้าทุกข์นอกรอบ ผ่อนหนักเป็นเบา
.. หากว่าหนีคำตัดสินโทษ กรณีนี้อาจต้องไปนานหน่อย เพราะคงไม่ใช่ว่าเจรจากันได้ง่ายๆ
อ้างอิง :
http://thaiinfonet.com/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%87/%E0%B9%81%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%A2%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%A5%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%A5/
เกี่ยวกับเรื่องนี้ ล่าสุด (3 กุมภาพันธ์ 2560)
มีรายงานว่า นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมืองดัง
ได้มีการโพสต์ข้อความแสดงความคิดเห็นถึงเรื่องราวดังกล่าวผ่านเฟซบุ๊ก ชูวิทย์ I'm Back โดยระบุข้อความแนะนำ เบนซ์ เรซซิ่ง ให้รีบออกมาพบเจ้าหน้าที่เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ หากมั่นใจว่าทรัพย์สินทุกอย่างได้มาด้วยการทำงาน ไม่ใช่หลบซ่อนตัวและปล่อยให้ภรรยาที่กำลังท้องใกล้คลอดต้องมาคอยออกรับหน้าแทน "ลูกผู้ชายชอบความเร็ว รักความเสี่ยง ต้องกล้าเผชิญความจริง"
สำหรับข้อความทั้งหมดมีดังนี้ ...
ถ้าผมเป็น เบนซ์ เรซซิ่ง ผมจะรีบมาพบตำรวจอย่างเร็วตั้งแต่ไปบุกบ้านผม เพราะไม่มีอะไรซ่อนเร้นแอบแฝง ไม่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ไม่ได้ฟอกเงิน จึงต้องรีบแสดงตัวพร้อมหลักฐานว่าลำบากตรากตรำทำงานเก็บเงิน กว่าจะมีรถหรูไว้ขับอวดคนอื่นเขา
อ้างอิง :
https://hilight.kapook.com/view/148713
บอกให้คนอื่นอย่าหนีให้รีบแสดงตัวพร้อมหลักฐาน แต่ตัวเองจะหนีเองโดยบอกว่า “หลักการคือ หนีไว้ก่อน ไม่ว่าจะหนีอะไร ให้หนีไว้ก่อนแล้วค่อยมาคุย มาตกลงกัน” เพราะถ้าเกิดยอมติดคุกไปเสียแล้ว ก็หาหนทางที่จะไปเจรจาต่อได้ยาก
คิดยังไงกับ ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ครับ กับการ...
หนีไว้ก่อน ดีกว่าต้องนอนในคุก
ทั้งสามวิธีที่ชูวิทย์แนะนำมานั้น เป็นการเร้นตัวออกจากปัญหาเป็นการชั่วคราว เนื่องจากเห็นว่าสังคมไทยเป็นสังคมที่สามารถพูดคุยกันได้ เจรจากันได้ แต่การที่จะสามารถมีอำนาจในการเจรจาได้ แน่นอนว่า “คุณต้องอยู่นอกคุก”
“หลักการคือ หนีไว้ก่อน ไม่ว่าจะหนีอะไร ให้หนีไว้ก่อนแล้วค่อยมาคุย มาตกลงกัน” เพราะถ้าเกิดยอมติดคุกไปเสียแล้ว ก็หาหนทางที่จะไปเจรจาต่อได้ยาก
.. หากว่าหนีเจ้าหนี้ ก็ต้องหนี เพื่อประวิงเวลา เพิ่มอำนาจในการต่อรอง ลดจำนวนเงินที่ต้องชดใช้
.. หากว่าหนีคดี ไปเหยียบเท้าใครเข้า ก็ต้องประคองสถานการณ์ สบช่องก็ดอดเข้าเจรจากับเจ้าทุกข์นอกรอบ ผ่อนหนักเป็นเบา
.. หากว่าหนีคำตัดสินโทษ กรณีนี้อาจต้องไปนานหน่อย เพราะคงไม่ใช่ว่าเจรจากันได้ง่ายๆ
อ้างอิง : http://thaiinfonet.com/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%87/%E0%B9%81%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%A2%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%A5%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%A5/
เกี่ยวกับเรื่องนี้ ล่าสุด (3 กุมภาพันธ์ 2560) มีรายงานว่า นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมืองดัง ได้มีการโพสต์ข้อความแสดงความคิดเห็นถึงเรื่องราวดังกล่าวผ่านเฟซบุ๊ก ชูวิทย์ I'm Back โดยระบุข้อความแนะนำ เบนซ์ เรซซิ่ง ให้รีบออกมาพบเจ้าหน้าที่เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ หากมั่นใจว่าทรัพย์สินทุกอย่างได้มาด้วยการทำงาน ไม่ใช่หลบซ่อนตัวและปล่อยให้ภรรยาที่กำลังท้องใกล้คลอดต้องมาคอยออกรับหน้าแทน "ลูกผู้ชายชอบความเร็ว รักความเสี่ยง ต้องกล้าเผชิญความจริง"
สำหรับข้อความทั้งหมดมีดังนี้ ...
ถ้าผมเป็น เบนซ์ เรซซิ่ง ผมจะรีบมาพบตำรวจอย่างเร็วตั้งแต่ไปบุกบ้านผม เพราะไม่มีอะไรซ่อนเร้นแอบแฝง ไม่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ไม่ได้ฟอกเงิน จึงต้องรีบแสดงตัวพร้อมหลักฐานว่าลำบากตรากตรำทำงานเก็บเงิน กว่าจะมีรถหรูไว้ขับอวดคนอื่นเขา
อ้างอิง : https://hilight.kapook.com/view/148713
บอกให้คนอื่นอย่าหนีให้รีบแสดงตัวพร้อมหลักฐาน แต่ตัวเองจะหนีเองโดยบอกว่า “หลักการคือ หนีไว้ก่อน ไม่ว่าจะหนีอะไร ให้หนีไว้ก่อนแล้วค่อยมาคุย มาตกลงกัน” เพราะถ้าเกิดยอมติดคุกไปเสียแล้ว ก็หาหนทางที่จะไปเจรจาต่อได้ยาก