แชร์ประสบการณ์พาสปอร์ตขาว โดนตม.เกาหลีเรียกสัมภาษณ์ต่อแต่ผ่านมาได้ เพราะเราคือนักท่องเที่ยวจริงแท้แน่นอน

ขอแจ้งรายละเอียดไว้ตรงนี้ก่อนว่าข้อมูลทั้งหมดเป็นประสบการณ์ของกลุ่มเพื่อนจขกท.ที่ทางจขกท.เองได้ไปสอบถามมาและขออนุญาตนำมาแบ่งปันเรื่องราวให้ทุก ๆ คนได้อ่านกัน

ด้วยว่าตอนนี้กระแส ตม.เกาหลีกำลังร้อนระอุในหมู่นักเดินทางอย่างพวกเรา พอดีจขกท.เห็นเพื่อนพึ่งไปเที่ยวเกาหลีกันมาเลยสอบถามไปว่าผ่านเรียบร้อยดีมั๊ย เลยได้ความมาว่าโดนตม.กักตัวเหมือนกันแต่ผ่านมาได้ จขกท.จึงไปขออนุญาตหยิบประสบการณ์ที่เกิดขึ้นสด ๆ ร้อน ๆ ของกลุ่มเพื่อนจขกท.ที่พึ่งพบเจอกันมานำมาเล่าสู่กันฟัง เชื่อว่าหลายคนคงหวั่นใจไม่น้อยว่าถ้าถึงคิวเราจะผ่านไปได้ด้วยดีมั๊ย เอาเป็นว่าอ่านเป็นวิทยาทานไว้ไม่เสียหาย

---ก่อนจะเข้าเรื่องการโดนตม.เกาหลีเรียก เราขอแจ้งรายละเอียดต่าง ๆ ดังต่อไปนี้---
1.Trip เกาหลีเกิดขึ้นระหว่างวันที่ 17 พค.-21 พค.60 ด้วยสายการบินแอร์เอเชียจากดอนเมือง ถึงเกาหลีเวลา 10.10 น.
2.สมาชิกผู้ร่วมเดินทางมีทั้งหมด 9 คน เป็นผู้หญิง 7 คน ผช.2คน ทางพวกเพื่อน ๆ ผู้หญิงทั้ง 7 คนทำงานอยู่บริษัทฯเดียวกัน(คนละแผนก) เป็นบริษัทเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์มีชื่อเสียงระดับต้น ๆ ของไทย
3.สำหรับการเดินทางครั้งนี้ทั้ง 9 คนเตรียมเอกสารต่าง ๆ คนละ 1 ชุดติดตัวไปด้วยในการเดินทางคือ
- หนังสือรับรองเงินเดือน
- ใบจองตั๋วเครื่องบินไฟล์ทกลับ
- ใบจองโรงแรม
- แผนการเที่ยวภาษาอังกฤษ


ทริปนี้อย่างที่บอกมีไปกันทั้งหมด 9 คนจากทั้งหมด 9 คนนี้มีผู้หญิง 2 คนที่โดนเรียกเข้าไปสัมภาษณ์ต่อในห้อง ซึ่งเหมาะเจาะมากที่ทั้ง 2 คนเป็นคนที่พาสปอร์ตขาว(คาดเดาว่าน่าจะเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้โดนเรียกไปสัมภาษณ์ต่อ) เราจะใช้ชื่อทั้งสองคนที่โดนเรียกไปสัมภาษณ์ต่อว่าชื่อพี่เอ กับน้องบี

น้องบีเข้าแถวไปตม.คนแรกพี่ ๆ ข้างหลัง ๆ ที่ต่อจากน้องบีสังเกตเห็นว่า พอจนท.เปิดพาสมาเห็นว่าเป็นพาสขาว จนท.ถามคำถามน้องอะไรซักอย่าง ด้วยความที่น้องตื่นเต้นและไม่ถนัดภาษาอังกฤษ น้องบีเลยตระกุกตระกักตอบไม่ได้ แล้วก็ลน ๆ จนท.เลยกดปุ่มเรียกให้มาเรียกไปสัมภาษณ์ในห้องต่อเลย ส่วนพี่เอสแกนลายนิ้วมือไม่ขึ้นแล้วพอเปิดพาสมาเป็นพาสขาวเลยโดนเรียกไปสัมภาษณ์ต่อ (พี่เอมีพาสเล่มเก่าแต่ไม่ได้ถือไปด้วย)

เข้ามาถึงในห้องช่วงเวลาที่พี่เอกับน้องบีเข้าไปเค้าบอกว่ามีคนอยู่ประมาณ 100 คนเห็นจะได้ที่โดนเข้ามาแล้วก็คนไทยทั้งนั้น
ตอนที่โดนสัมภาษณ์จะมีคนไทยเป็นล่ามให้แต่ล่ามนี้คุยผ่านโทรศัพท์
ส่วนจนท.ตม.ที่สัมภาษณ์พูดไทยได้นิดหน่อยเป็นคำ ๆ พี่เอโดนเรียกเข้าไปคุยก่อน
พี่เอพยายามแสดงเอกสารต่าง ๆ ให้ รวมทั้งหนังสือรับรองเงินเดือนให้ดู แต่จนท.ไม่เชื่อบอกว่าเป็นเอกสารปลอม
ไวยากรณ์พิมพ์มั่ว พิมพ์ผิด นู่นนี่นั่น คือเอกสารจะผิดไวยากรณ์ได้ไงในเมื่อพี่ที่ออฟฟิสเคยขอเอาไปยื่นเข้ายุโรปผ่านมาเรียบร้อยแล้ว
ทีนี้มาตบท้ายด้วยพูดเชิงว่าตั้งใจจะไปขายตัวหรือเปล่า (คำถามนี้ถึงกับจี๊ด)
พี่เอเลยบอกว่างั้นก็เข้าไปที่เว็บไซด์ของบริษัทซิ พอเข้าเว็บบริษัทฯ ทางนู้นเค้าก็ถาม ๆ ๆ สรุปทางพี่เอตอบได้หมด

เรื่องคำถามต่าง ๆ จบไปก็เหมือนจะปล่อยละ เค้าถามต่อว่ามากี่คน แน่ใจว่าเพื่อนรออยู่หรือเปล่า
ก็บอกไปว่ามีเพื่อนรออยู่ข้างนอก แล้วจนท.ก็เดินออกมาหาพี่อีก 2 คนที่ผ่านตม.และรออยู่หน้าห้อง
ถามว่า 2 คนในห้องใช่เพื่อนคุณมั๊ย พี่ที่รออยู่หน้าห้องเลยยื่นหนังสือรับรองเงินเดือนให้ดูเหมือนกันว่ามาจากบริษัทเดียวกัน
ทางจนท.เค้าก็เลยให้ออกมาได้ ส่วนน้องบีไม่โดนถามต่อเพราะพี่เอบอกว่ามาจากที่เดียวกันมีหนังสือรับรองเงินเดือนที่เตรียมมาเหมือนกัน
จนท.เลยให้ทั้งคู่ออกมา สรุปติดอยู่ในนั้นประมาณ 2 ชม. (ช้าตอนรอคิว แต่ตอนถามไม่ได้นานมาก) พอออกมาถึงกับโล่งกันทุกคน

ระหว่างที่รออยู่ในห้องสัมภาษณ์พี่เอกับน้องบีบอกว่าโดนยึดโทรศัพท์ แล้วเอาไปเปิดดูไลน์ดูรูปถ่าย
ถามว่ารูปใครอะไรยังไง (แต่บางคนไม่โดนยึดก็จะโทรออกมาหาเพื่อนที่รอข้างนอก)
งงอยู่ว่าทำไมมาตรฐานไม่เหมือนกันเรื่องโดนยึดหรือไม่โดนยึด

ก่อนออกเดินทางในกลุ่มก็มีคุยกันขำๆเรื่องตม.แต่ไม่คิดว่าจะโดนกันจริง ๆ
ถือว่าเป็นประสบการณ์ในการเดินทางอย่างนึงสำหรับทริปนี้
ในเมื่อโดนเรียกถ้าบริสุทธิ์ใจซะอย่าง ยังไงก็จะตอบคำถามได้อยู่แล้ว
ถ้าเรามีข้อมูลที่ชัดเจนถูกต้องและตอบคำถามเค้าได้เราอย่ากังวลใจไป
อาจจะเสียเวลาไปบ้างแต่ขอให้มีสติเข้าไว้เวลาเค้าถามจะได้ตอบได้ไม่ตะกุกตะกักผ่านมาอย่างสบายใจ
เรื่องเอกสารที่ต้องเตรียมไว้อ้างอิงก็สำคัญห้ามลืมนำติดตัวกันทุกคน

หวังว่าประสบการณ์นี้น่าจะพอมีประโยชน์ให้กับเพื่อน ๆ ห้องบลูที่กำลังเตรียมตัวไปเที่ยวเกาหลีไม่มากก็น้อยนะจ๊ะ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่