สวัสดีครับ ก่อนอื่นเลยต้องขอบอกก่อนว่ากระทู้นี้ไม่ได้มีเจตนาว่าร้ายหรือชักชวน และจูงใจให้บุคคลใดบุคคลหนึ่งคิดต่อต้านกฏเกณฑ์ของสังคมและกระทรวงศึกษาธิการแต่อย่างใด
ขอเกริ่นก่อนเลยนะครับว่าตัวผมเองก็ยังเป็นนักเรียนอยู่ ที่ตั้งกระทู้นี้ขึ้นมาเพียงแค่อยากได้ความคิดเห็นหลายๆแบบเพียงเท่านั้น
ตัวผมเองเป็นนักเรียนม.ปลายในรร.รัฐบาลแห่งหนึ่ง ซึ่งเห็นทุกคนๆที่มาเรียนต่างแต่งกายด้วยชุดนักเรียนเหมือนๆกัน ตัดผมผูกโบว์แบบเดียวกัน และในการเข้าแถวหน้าเสาธงแต่ละวันก็จะมีการตรวจทรงผม ตรวจถุงเท้า ตรวจเล็บมือ ตรวจหนวด และความยาวของกระโปรงเป็นต้น บางคนที่ไว้ผมยาวก็จะถูกพาเข้าห้องปกครองไปตามระเบียบ ผมจึงคิดสงสัยในหลายๆครั้งว่า "การไม่ตัดทรงนักเรียนหรือการใส่ถุงเท้าสนเนี่ยมันผิดขนาดนั้นเลยหรอ" ในคาบสังคมผมเลยกลั้นใจุามอาจารย์ที่สอนวิชาหน้าที่พลเมืองไปว่า "อาจารย์ครับทำไมพวกเราถึงต้องใส่ชุดนักเรียนเมื่อกันและรักรูปเหมือนก่อนครับ" อาจารย์ของผมเลยตอบกลับมาว่า "เพราะพวกเธอทุกคนจะได้มีความเท่าเทียมกัน ไม่ว่าจะรวยหรือจนก็ต้องใส่ชุดแบบเดียวกันตัดทรงผมเหมือนๆกันไง" ผมเลยถามอาจารย์กลับไปว่า "ถ้าเหมือนกันจึงเท่าเทียม แล้วทำไมความแตกต่างกันจึงเท่าเทียมไม่ได้" เงียบ.....ไม่มีคพตอบจสกอาจารย์ที่สอนแล้วท่านก็สอนต่อนไปจนหมดคาบ ผมเลยมีความคิดหลายๆอย่างผุดขึ้นมา ว่าการใส่ชุดนักเรียนเนี่ยมันแสดงออกถึงความเท่าเทียมกันจริงๆหรือ? การที่เราไม่ได้ใส่ชุดนักเรียนหรือไม่มีเงินมาซื้อชุดแสดงว่าเราไม่เท่าเทียมกับคนอื่นใช่ไหม? หรือการที่รร.เอกชนกับรร.รัฐใส่ชุดไม่เหมือนกันนี่ก็เป็นความเท่าเทียมทางสังคมอีกอย่างหนึ่งกระนั้นหรือ บ่อยครั้งในช่วงที่ใกล้จะเปิดเทอมผมมักเห็นข่าวในทีวีออกกันบ่อยๆว่าพ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย เอาของต่างๆมาจำนำ เอามาขาย เพื่อมาเป็นค่าเทอม ค่าชุดนักเรียนให้ลูกหลาน ซึ่งค่าเทอมมันก็ไม่มากเท่าไร แต่เดี๋ยวค่าชุดนักเรียนนี่แหละที่มันแพงหูฉี่ การซื้อชุดนักเรียนชุดนึงนี่มันต้องใช้เงินเกือนพันเลยนะครับแล้วการซื้อแต่ครั้งอย่างน้อยก็ต้องซื้อตั้งแต่2ชุดขึ้นไปเพราะแต่อาทิตย์ ลูกหลานของเราต้องไปรร.5วันต่อสัปดาห์ ถ้าเรานำเงินพวกนี้ไปซื้อชุดธรรมดา มันสามารถซื้อเสื้อผ้าได้เยอะมากเลยนะครับ มันเลยมีคำถามขึ้นมาว่าถ้าเราใส่ชุดธรรมดาไปเรียนมันจะดีกว่าไหม?
หรือจะเป็นเรื่องที่แยกชนชั้นกันด้วยความต่างของชุดนร.เด็กที่เรียนรร.รัฐกับรร.เอกชนอีก เพราะไม่ว่าจะมองยังไงก็แยกออกได้ทันทีว่าเป็นรร.ของค่ายไหน มันเลยก็จะะวกไปคำถามเรื่องความเท่าเทียมอีกนั่นแหละ แต่มันอาจจะมีคำถามตามมาอีกว่า "แค่นี้เด็กก็โดดเรียนกันพอแล้วถ้าใส่ชุดปกติมันจะไม่โดดเรียนมากขึ้นหรอ?
ต่อไปคือคำถามเรื่องทรงผมครับ การไว้ทรงผมทรงนักเรียนเนี่ยบางคนอาจจะคิดว่ามันเล็กน้อยแต่ผมคิดว่ามีนใช้เงินะอสมควรเลยนะครับ ถ้าคิดคร่าวๆรร.ผมปิดเทอม3เดือนต่อปี(1เดือนตอนตุลา และสองเดือนตอนมีนา-เมษา)เท่ากับว่าเราต้องตัดผม9เดือน การตัดผมของผมครั้งนึงคิดเป็นเงิน80 บาท ถ้าตัดทั้งหมด9ครั้งในหนึ่งปี ปีนึงๆต้องใช้เงินค่าตัดผม 80*9 =720บาท ถ้าเทียบต่อปีอาจจะน้อย แต่ผมคิดว่ามันก็คือเงินครับ ถ้าเอาเงินในนี้ไปใช้ประโยชน์อย่างอื่นก็จะใข้ได้มากมาย หรือบางทีถ้าตัดผมสักสามเดือนครั้งแบบนี้มันก็น่าจะพอแล้วเพื่อไม่ให้มันยาวเกินไป
ผมอาจจะพิมงงๆหรือวกไปวนมาสักหน่อยแต่อยากให้หลายๆคนช่วยกันคิดและแสดงความคิดหน่อยนะครับ ขอบคุณครับ
"ชุดนักเรียน" ความเท่าเทียมหรือการแบ่งแยกชั้นชั้นทาง "สังคม"
ขอเกริ่นก่อนเลยนะครับว่าตัวผมเองก็ยังเป็นนักเรียนอยู่ ที่ตั้งกระทู้นี้ขึ้นมาเพียงแค่อยากได้ความคิดเห็นหลายๆแบบเพียงเท่านั้น
ตัวผมเองเป็นนักเรียนม.ปลายในรร.รัฐบาลแห่งหนึ่ง ซึ่งเห็นทุกคนๆที่มาเรียนต่างแต่งกายด้วยชุดนักเรียนเหมือนๆกัน ตัดผมผูกโบว์แบบเดียวกัน และในการเข้าแถวหน้าเสาธงแต่ละวันก็จะมีการตรวจทรงผม ตรวจถุงเท้า ตรวจเล็บมือ ตรวจหนวด และความยาวของกระโปรงเป็นต้น บางคนที่ไว้ผมยาวก็จะถูกพาเข้าห้องปกครองไปตามระเบียบ ผมจึงคิดสงสัยในหลายๆครั้งว่า "การไม่ตัดทรงนักเรียนหรือการใส่ถุงเท้าสนเนี่ยมันผิดขนาดนั้นเลยหรอ" ในคาบสังคมผมเลยกลั้นใจุามอาจารย์ที่สอนวิชาหน้าที่พลเมืองไปว่า "อาจารย์ครับทำไมพวกเราถึงต้องใส่ชุดนักเรียนเมื่อกันและรักรูปเหมือนก่อนครับ" อาจารย์ของผมเลยตอบกลับมาว่า "เพราะพวกเธอทุกคนจะได้มีความเท่าเทียมกัน ไม่ว่าจะรวยหรือจนก็ต้องใส่ชุดแบบเดียวกันตัดทรงผมเหมือนๆกันไง" ผมเลยถามอาจารย์กลับไปว่า "ถ้าเหมือนกันจึงเท่าเทียม แล้วทำไมความแตกต่างกันจึงเท่าเทียมไม่ได้" เงียบ.....ไม่มีคพตอบจสกอาจารย์ที่สอนแล้วท่านก็สอนต่อนไปจนหมดคาบ ผมเลยมีความคิดหลายๆอย่างผุดขึ้นมา ว่าการใส่ชุดนักเรียนเนี่ยมันแสดงออกถึงความเท่าเทียมกันจริงๆหรือ? การที่เราไม่ได้ใส่ชุดนักเรียนหรือไม่มีเงินมาซื้อชุดแสดงว่าเราไม่เท่าเทียมกับคนอื่นใช่ไหม? หรือการที่รร.เอกชนกับรร.รัฐใส่ชุดไม่เหมือนกันนี่ก็เป็นความเท่าเทียมทางสังคมอีกอย่างหนึ่งกระนั้นหรือ บ่อยครั้งในช่วงที่ใกล้จะเปิดเทอมผมมักเห็นข่าวในทีวีออกกันบ่อยๆว่าพ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย เอาของต่างๆมาจำนำ เอามาขาย เพื่อมาเป็นค่าเทอม ค่าชุดนักเรียนให้ลูกหลาน ซึ่งค่าเทอมมันก็ไม่มากเท่าไร แต่เดี๋ยวค่าชุดนักเรียนนี่แหละที่มันแพงหูฉี่ การซื้อชุดนักเรียนชุดนึงนี่มันต้องใช้เงินเกือนพันเลยนะครับแล้วการซื้อแต่ครั้งอย่างน้อยก็ต้องซื้อตั้งแต่2ชุดขึ้นไปเพราะแต่อาทิตย์ ลูกหลานของเราต้องไปรร.5วันต่อสัปดาห์ ถ้าเรานำเงินพวกนี้ไปซื้อชุดธรรมดา มันสามารถซื้อเสื้อผ้าได้เยอะมากเลยนะครับ มันเลยมีคำถามขึ้นมาว่าถ้าเราใส่ชุดธรรมดาไปเรียนมันจะดีกว่าไหม?
หรือจะเป็นเรื่องที่แยกชนชั้นกันด้วยความต่างของชุดนร.เด็กที่เรียนรร.รัฐกับรร.เอกชนอีก เพราะไม่ว่าจะมองยังไงก็แยกออกได้ทันทีว่าเป็นรร.ของค่ายไหน มันเลยก็จะะวกไปคำถามเรื่องความเท่าเทียมอีกนั่นแหละ แต่มันอาจจะมีคำถามตามมาอีกว่า "แค่นี้เด็กก็โดดเรียนกันพอแล้วถ้าใส่ชุดปกติมันจะไม่โดดเรียนมากขึ้นหรอ?
ต่อไปคือคำถามเรื่องทรงผมครับ การไว้ทรงผมทรงนักเรียนเนี่ยบางคนอาจจะคิดว่ามันเล็กน้อยแต่ผมคิดว่ามีนใช้เงินะอสมควรเลยนะครับ ถ้าคิดคร่าวๆรร.ผมปิดเทอม3เดือนต่อปี(1เดือนตอนตุลา และสองเดือนตอนมีนา-เมษา)เท่ากับว่าเราต้องตัดผม9เดือน การตัดผมของผมครั้งนึงคิดเป็นเงิน80 บาท ถ้าตัดทั้งหมด9ครั้งในหนึ่งปี ปีนึงๆต้องใช้เงินค่าตัดผม 80*9 =720บาท ถ้าเทียบต่อปีอาจจะน้อย แต่ผมคิดว่ามันก็คือเงินครับ ถ้าเอาเงินในนี้ไปใช้ประโยชน์อย่างอื่นก็จะใข้ได้มากมาย หรือบางทีถ้าตัดผมสักสามเดือนครั้งแบบนี้มันก็น่าจะพอแล้วเพื่อไม่ให้มันยาวเกินไป
ผมอาจจะพิมงงๆหรือวกไปวนมาสักหน่อยแต่อยากให้หลายๆคนช่วยกันคิดและแสดงความคิดหน่อยนะครับ ขอบคุณครับ