ทำTOEICให้ได้ดี แบบประหยัดและง่าย

สวัสดีครับทุกท่าน


นี่คือผลสอบTOEIC ครั้งแรกในชีวิตผม (มาสอบเอาตอนอายุ 21 ฮ่าๆ)

ผมอยากมาเล่าว่าทำไมผมถึงทำคะแนนได้น่าพอใจ และไม่ลนลาน หัวร้อน กระวนกระวายในวันสอบ (นั่งจิบกาแฟ ฟังjazzสบายๆที่ชั้นล่างตึก เดินข้ามฟากถนนอโศกไปทานมื้อกลางวัน แล้วก็กลับมาเข้าสอบแบบชิวๆ )
ปล.จะว่าไม่หัวร้อนก็ไม่ถูก เพราะข้อสอบอ่านตอนท้ายๆก็เกือบไม่ทัน อ่านแบบใจเย็นไม่ได้ ต้องรีดพลังนิดนึง

ที่ใช้คำว่าประหยัดในหัวข้อกระทู้ ก็เพราะผมต้องประหยัดจริงๆ ครอบครัวผมเองไม่ได้มีฐานะอะไรมาก
นอกจากเรียนภาษาที่โรงเรียน, กับสถาบันที่สอนเป็นเพลง (เรียนไป2คอร์ส; Me_ol_dy กับ Adm_s___n), งานติวฟรี และที่มหาวิทยาลัย ก็ไม่ได้เรียนที่ไหนอีก
หนังสือสอบก็ยืมบ้าง ซื้อบ้างไม่กี่ร้อย อ่านหนังสืออย่างอื่นช่วยได้เยอะกว่า หนังสือสอบช่วยตีกรอบว่าจะไปเจออะไรบ้างเฉยๆ

ยังไงก็เถอะ สิ่งสำคัญมันอยู่ตรงนี้ครับ

1. คุณต้องรู้ศัพท์
2. หูของคุณต้องชินกับภาษาอังกฤษ
3. คุณต้องอ่านจับใจความได้ ภายในเวลาอันสั้น

แล้วผมทำยังไง จนมาถึงจุดนี้ได้
แนวคิดของผมคือ เราเกิดมารู้ภาษาไทย ฟังพูดอ่านเขียนได้ ก็เพราะเราเห็น เราฟังคนรอบตัว และสื่อต่างๆอยู่ตลอด
ภาษาอังกฤษก็เช่นกัน เราต้องทำให้มันเข้ามาอยู่เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตเรา ถึงแม้ว่ารอบตัวเราจะไม่มีใครใช้ภาษาอังกฤษเลย (ตรงนี้ทำให้ลำบากในการฝึกพูด ผมไม่ค่อยได้ฝึกพูด ตอนนี้เลยยังพูดไม่เก่งสักที)
ผมจะเล่าเป็น Timeline ชีวิตผมคร่าวๆ แล้วกันนะครับ

ประถม
ผมชอบดูหนังสือคำศัพท์ที่มีรูปประกอบสวยๆ ชอบหนังสือชุดของ Disney มาก (Words that Name things/ Do things/ Tell you about things/ are Opposite - ก็คือสอนคำนาม กริยา และวิเศษณ์นั่นเอง) แล้วก็พวกเล่ม 1000 คำ 2000 คำ รูปเยอะดี
รวมๆก็คือช่วงนี้จะได้แค่ศัพท์ ประยงประโยคนี้อย่าถาม อ่อนมาก ฮ่าๆ

มัธยม
สื่อที่ผมรับช่วงนั้นจะมีแค่โทรทัศน์ และวิทยุ ซึ่งแทบไม่มีสื่อภาษาอังกฤษเลย
ตอนประถม ผมชอบฟังเพลงลูกทุ่ง/ไทยทั่วไป ก็ตามที่พ่อฟัง ผ่านทางวิทยุบ้าง ตลับเทปบ้าง
มารู้จักคลื่น 107 ของ อสมท. ตอน ม.2
พอถึงช่วงข่าวต้นชั่วโมง เฮ้ยย มันเป็นภาษาอังกฤษว่ะ
ก็ลองเปลี่ยนๆคลื่นมาฟังอันนี้บ้าง ถึงแม้จะไม่รู้เรื่องก็ตาม
แล้วก็มารู้จักรายการ English Breakfast ทางช่อง Thai PBS
เฮ้ยชอบ มีแปลเพลงด้วยอะ
จำได้วันนึงดูเขาแปลเพลง I Gotta Feeling ของ The Black Eyed Peas
- That tonight's gonna be a good, good night -
ไปๆมาๆเริ่มเปลี่ยนมาฟังคลื่น 107 บ่อยขึ้น
ที่โรงเรียนมีคอร์สเสริมวันเสาร์ เราก็มาเรียน ก็ได้ทวนๆภาษาอังกฤษกับครู
ตอนเรียนในห้อง เราชอบวิชาภาษาอังกฤษมาก ตั้งใจเรียนทุกคาบ
ตอนม.3 จะสอบเข้าเตรียมอุดมฯ(แต่สอบไม่ติด ฮ่าๆ) ก็ไปซื้อหนังสือแกรมม่ามาอ่านเอง (ของค่าย Hi-Ed)
พอ ม.ปลาย เห็นเพื่อนเขาเรียนพิเศษกัน ทีแรกก็คิดค้านในใจว่า ทำไมต้องไปเรียนอีกวะ เสียตังตั้งเยอะ (เมื่อเทียบกับค่าเทอมสามพันกว่าบาท)
สุดท้ายเราก็ไปเรียนกับเขาอีกคน ฮ่าๆ ผมว่ามันก็ดีนะ แต่ก็พยายามเลือกเรียนแค่อันที่เราอ่อนจริงๆ ตังไม่ค่อยมี
คอร์สที่จำศัพท์เป็นเพลงนี่ผมชอบนะ มันหลอนติดหูดี แล้วก็จำได้จริงๆด้วย บางเพลงจำได้จนถึงทุกวันนี้
แล้วก็ ตรงไหนมีงานติวฟรี ถ้าเดินทางไม่ลำบากก็ไป
พอInternetเข้าถึงได้ง่ายขึ้น ก็เริ่มฟังวิทยุออนไลน์ แล้วก็ดูรายการฝรั่งบ้างผ่าน YouTube
สรุปคือช่วงนี้จะเริ่มหัดฟังหัดดู รู้ศัพท์จัดเต็มขึ้น และไวยากรณ์เป๊ะขึ้น(บ้าง)

มหาวิทยาลัย
ถึงตอนนี้ กลายเป็นคนชอบเพลงสากล จริงจัง
ข่าวต้นชั่วโมง ฟังรู้เรื่องแล้ว
การเขียน พอได้ เคยส่งประกวดโครงงานของ Airbus (ไม่ได้รางวัล ฮ่าๆ)
ตอนนี้ เริ่มรับสื่อไทยน้อยลง และรับสื่อจากต่างประเทศมากขึ้น (รู้สึกว่ามีอะไรประเทืองปัญญามากกว่า)
หนังสือพิมพ์เหลืออยู่อันเดียว คือ Bangkok Post หาอ่านฟรีเอาในห้องธุรการ ไม่ได้ซื้อ (บางทีขออันเก่าๆกลับบ้านด้วย ><!)
วิทยุ ฟังออนไลน์ก็ BBC1 BBC4 Bloomberg เปิดให้ผ่านๆหู เดี๋ยวนี้107ฟังแค่ตอนนั่งรถ ออฟไลน์ (102.5, 105.5, 95.5 ก็โอเค)
ทีวี ดูNHK World รายการดีมาก ภาพชัด และฟรี
สุดท้าย YouTube ช่วยได้มาก มีทุกอย่าง ชอบพวกรายการสารคดี ชอบรายการของ Ellen Degeneres
หนังสือ/บทความ อ่านเยอะมาก ทั้งHard-copy ทั้งE-book ทั้งBlog/Website ชอบอะไร สนใจอะไรก็อ่านไปเรื่อยเปื่อย เพลินๆ หอสมุด/Internetมีฟรีเยอะแยะ
กล่าวโดยรวมคือ เป็นช่วงที่เสริมความแน่นของพื้นฐาน ให้เป็นธรรมชาติมากขึ้น
ก่อนจะสอบTOEICก็หาหนังสือมาซ้อม ส่วนตัวชอบของOxford และ Cambridge

จะเห็นได้ว่าทั้งหมดนี้ เป็นเรื่องที่ไม่ยากนักถ้าจะทำ ถ้ายกเรื่องเรียนออก มันก็คือชีวิตประจำวัน
การรับสื่อเป็นสิ่งที่ทุกคนทำกันแทบทุกวันอยู่แล้ว อยู่ที่ว่าคุณจะเลือกรับอะไร เท่านั้นเอง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่