ตามหัวเรื่องกระทู้เลยค่ะ จะเปลี่ยนความคิดแฟนยังไงดี ?
เรื่องนี้เป็นเรื่องแรกค่ะ พิมพ์ตกหล่นผิดพลาดยังไงขอโทษไว้ก่อนนะค่ะ
คือขอเกริ่นก่อนว่า ครอบครัวของแฟนบ้านแตกตั้งแต่ยังเด็ก โดยที่พ่อของแฟนไปมีเมียน้อย
แม่ของแฟนก็ย้ายออกมาตัวเปล่าไม่มีอะไรเลย ปัจจุบัน ชีวิตก็ยังระหองระแหง
ตอนแรกแฟนก็อยู่บ้านเดียวกับพ่อและเมียน้อยพ่อ พอช่วงหลังได้ย้ายมาเรียนต่างจังหวัดอยู่หอคนเดียว เราถามถึงเหตุผลที่ย้ายมา
เค้าบอกเป็นเพราะเค้ารู้สึกว่าเค้าเป็นส่วนเกินในบ้าน (บอกก่อนว่าบ้านแฟนฐานะทางบ้านค่อนข้างดี ตั้งแต่ตอนที่พ่อยังไม่เลิกกับแม่ )
ตอนพ่อกับแม่เลิกกันได้มีข้อตกลงว่า พ่อส่งเรียน ค่าขนมอาทิตย์ละ 1000 ค่าหอ ส่วนแม่ส่งเสียค่าเลี้ยงดู
แฟนเล่าว่าตั้งแต่เกิดมาเค้าไม่เคยได้อะไรจากพ่อเลย มีแต่แม่ที่คอยให้
แต่ด้วยความที่แม่ก็มาตัวเปล่าก็ให้ได้แค่นิดหน่อย เดือนละ 400-500 เราอยู่กับเค้ามาบางที่ก็มีกิน
บางเดือนก็เหมามาม่าไปทั้งเดือน ในขณะที่เมียน้อยพ่อใส่เสื้อในตัวละเป็นพัน (เราเคยไปบ้านพ่อแฟนอยู่สองสามครั้ง)
แฟนเราปีที่ผ่านมาซื้อเสื้อไปแค่สองตัวใส่ทั้งปี ของใช้ส่วนตัว ค่ารถไปเรียน ค่าหนังสือ ทั้งหมดที่พูดมาอยู่ในส่วนค่าขนมอาทิตย์ละ 1000 บาท
บางครั้งค่าหอขึ้นราคาแฟนก็ไม่ได้ขอตังเพิ่มแต่แบ่งจากส่วงค่าขนมรายอาทิตไปจ่าย มันทำให้ค่ากินไม่พอ บางครั้งตังไม่พอ
ซื้อของใช้สวนตัว ก็เอาสบู่ล้างหน้า เอาสบู่สระผม บางครั้งเรามีก็ซื้อไปให้บ้าง พอเรียนจบย้ายกลับไปอยู่บ้าน
กลับไปเจอเมียน้อยตัวแสบของพ่อ (ที่จริงแฟนเราไม่อยากกลับแต่เราบังคับให้เค้ากลับ กลับไปเอาสิ่งที่มันควรจะเป็นของเรากลับมา )
แฟนเราไปตกลงกับพ่อว่าจะมาทำงานให้ พ่อตกลงว่าจะให้เงินเเดือนเท่ากับทุกคนในบ้าน (เมียน้อยพ่อ ลูกติดเมียน้อย แม่ของเมียน้อย )
แฟนเราก็ต้องใจทำงาน ไม่เคยขอตังค่ากับข้าวมีอะไรก็กินอันนั้น มีอยู่วันนึงพ่อบอกว่าวันนี้จะให้เมียของพ่อไปซื้อกับข้าวให้
ให้รอกินข้าวด้วยกัน แฟนเรารอนานมาก พอเค้ากลับมาแฟนเราก็ลงไปกินข้าว แต่สิ่งที่ได้คือ เมียน้อยพ่อซื้อข้าวกล่องมาแค่สามกล่อง
(ของพ่อ ลูกติด น้องแฟน คือ พ่อกับเมียน้อยมีลูกด้วยกัน) แล้วบอกกับแฟนเราว่า ตังหมดแล้วเพราะว่าเอาไปซื้อของใช้หมด
ก็เลยไม่ได้ซื้อข้าวให้ (นี่ไม่ใช่ครั้งแรกยิ่งกว่านี้ก็มี )แฟนเราก็ไม่กินขึ้นมาร้องไห้กับเรา เราเลยบอกเค้าว่าให้สู้ อย่ายอม เค้าไม่หาให้กินก็หาเอง
ไม่มีเงินก็ขอพ่อ (เงินเดือนที่พ่อบอกว่าทำงานแล้วจะให้ ไม่เคยได้พ่อให้เหตุผลว่ากินอยู่กับพ่อไม่ต้องใช้เงิน)
เราคิดว่าทุกอย่างในบ้านมันก็เป็นของแฟนเราด้วยครึ่งนึง เราพยายามพูดให้เค้าไม่ยอมเพราะที่ผ่านมาเค้ายอมลำบากมามากแล้ว
เราไม่เข้าใจว่าในครอบครัวที่รายได้ 4-5แสนต่อเดือน ลูกชายต้องใช้ชีวิตลำบากแบบนี้เลยเหรอ
เราไม่เข้าใจว่าทำไมแฟนเราต้องยอม เราถามเค้าเค้าบอกว่า ทุกคนที่เข้ามาหาพ่อเค้าเข้ามาปลอกลอกพ่อเค้า
แล้วถ้าเค้ายังคิดแต่จะหวังผลประโยชน์จากพ่ออีก วันข้างหน้าจะเหลืออะไร เราพยายามจะบอกเค้าว่าแล้ว
ถ้ายอมต่อไปแบบนี้ ถ้าวันไหนไม่มีพ่อละแฟนเราก็จะไม่เหลืออะไรเลย ขนาดข้าวเค้ายังไม่ซื้อให้กิน
ไม่ต้องหวังเลยว่าคนที่จิตใจต่ำมาทำลายครอบครัวคนอื่นจะแบ่งอะไรให้ (เราว่าสิ่งที่เค้าคิดมันก็ดี แต่แฟนเราเค้ายอมเกินไป)
เราพยายามจะเปลี่ยนความคิดเค้าเพื่อนอนาคตเค้าจะได้สบายไม่ต้องลำบากอีก จะได้เลี้ยงแม่ได้ แต่มันยากมากเลย
เราอยากรู้ว่าแฟนเราคิดถูกแล้ว หรือเราไปบงการชีวิตเค้าเยอะเกิน แล้วถ้ายอมต่อไปแบบนี้แฟนเราวันข้างจะเป็นยังไง
จะเปลี่ยนความคิดแฟนยังไงดี
เรื่องนี้เป็นเรื่องแรกค่ะ พิมพ์ตกหล่นผิดพลาดยังไงขอโทษไว้ก่อนนะค่ะ
คือขอเกริ่นก่อนว่า ครอบครัวของแฟนบ้านแตกตั้งแต่ยังเด็ก โดยที่พ่อของแฟนไปมีเมียน้อย
แม่ของแฟนก็ย้ายออกมาตัวเปล่าไม่มีอะไรเลย ปัจจุบัน ชีวิตก็ยังระหองระแหง
ตอนแรกแฟนก็อยู่บ้านเดียวกับพ่อและเมียน้อยพ่อ พอช่วงหลังได้ย้ายมาเรียนต่างจังหวัดอยู่หอคนเดียว เราถามถึงเหตุผลที่ย้ายมา
เค้าบอกเป็นเพราะเค้ารู้สึกว่าเค้าเป็นส่วนเกินในบ้าน (บอกก่อนว่าบ้านแฟนฐานะทางบ้านค่อนข้างดี ตั้งแต่ตอนที่พ่อยังไม่เลิกกับแม่ )
ตอนพ่อกับแม่เลิกกันได้มีข้อตกลงว่า พ่อส่งเรียน ค่าขนมอาทิตย์ละ 1000 ค่าหอ ส่วนแม่ส่งเสียค่าเลี้ยงดู
แฟนเล่าว่าตั้งแต่เกิดมาเค้าไม่เคยได้อะไรจากพ่อเลย มีแต่แม่ที่คอยให้
แต่ด้วยความที่แม่ก็มาตัวเปล่าก็ให้ได้แค่นิดหน่อย เดือนละ 400-500 เราอยู่กับเค้ามาบางที่ก็มีกิน
บางเดือนก็เหมามาม่าไปทั้งเดือน ในขณะที่เมียน้อยพ่อใส่เสื้อในตัวละเป็นพัน (เราเคยไปบ้านพ่อแฟนอยู่สองสามครั้ง)
แฟนเราปีที่ผ่านมาซื้อเสื้อไปแค่สองตัวใส่ทั้งปี ของใช้ส่วนตัว ค่ารถไปเรียน ค่าหนังสือ ทั้งหมดที่พูดมาอยู่ในส่วนค่าขนมอาทิตย์ละ 1000 บาท
บางครั้งค่าหอขึ้นราคาแฟนก็ไม่ได้ขอตังเพิ่มแต่แบ่งจากส่วงค่าขนมรายอาทิตไปจ่าย มันทำให้ค่ากินไม่พอ บางครั้งตังไม่พอ
ซื้อของใช้สวนตัว ก็เอาสบู่ล้างหน้า เอาสบู่สระผม บางครั้งเรามีก็ซื้อไปให้บ้าง พอเรียนจบย้ายกลับไปอยู่บ้าน
กลับไปเจอเมียน้อยตัวแสบของพ่อ (ที่จริงแฟนเราไม่อยากกลับแต่เราบังคับให้เค้ากลับ กลับไปเอาสิ่งที่มันควรจะเป็นของเรากลับมา )
แฟนเราไปตกลงกับพ่อว่าจะมาทำงานให้ พ่อตกลงว่าจะให้เงินเเดือนเท่ากับทุกคนในบ้าน (เมียน้อยพ่อ ลูกติดเมียน้อย แม่ของเมียน้อย )
แฟนเราก็ต้องใจทำงาน ไม่เคยขอตังค่ากับข้าวมีอะไรก็กินอันนั้น มีอยู่วันนึงพ่อบอกว่าวันนี้จะให้เมียของพ่อไปซื้อกับข้าวให้
ให้รอกินข้าวด้วยกัน แฟนเรารอนานมาก พอเค้ากลับมาแฟนเราก็ลงไปกินข้าว แต่สิ่งที่ได้คือ เมียน้อยพ่อซื้อข้าวกล่องมาแค่สามกล่อง
(ของพ่อ ลูกติด น้องแฟน คือ พ่อกับเมียน้อยมีลูกด้วยกัน) แล้วบอกกับแฟนเราว่า ตังหมดแล้วเพราะว่าเอาไปซื้อของใช้หมด
ก็เลยไม่ได้ซื้อข้าวให้ (นี่ไม่ใช่ครั้งแรกยิ่งกว่านี้ก็มี )แฟนเราก็ไม่กินขึ้นมาร้องไห้กับเรา เราเลยบอกเค้าว่าให้สู้ อย่ายอม เค้าไม่หาให้กินก็หาเอง
ไม่มีเงินก็ขอพ่อ (เงินเดือนที่พ่อบอกว่าทำงานแล้วจะให้ ไม่เคยได้พ่อให้เหตุผลว่ากินอยู่กับพ่อไม่ต้องใช้เงิน)
เราคิดว่าทุกอย่างในบ้านมันก็เป็นของแฟนเราด้วยครึ่งนึง เราพยายามพูดให้เค้าไม่ยอมเพราะที่ผ่านมาเค้ายอมลำบากมามากแล้ว
เราไม่เข้าใจว่าในครอบครัวที่รายได้ 4-5แสนต่อเดือน ลูกชายต้องใช้ชีวิตลำบากแบบนี้เลยเหรอ
เราไม่เข้าใจว่าทำไมแฟนเราต้องยอม เราถามเค้าเค้าบอกว่า ทุกคนที่เข้ามาหาพ่อเค้าเข้ามาปลอกลอกพ่อเค้า
แล้วถ้าเค้ายังคิดแต่จะหวังผลประโยชน์จากพ่ออีก วันข้างหน้าจะเหลืออะไร เราพยายามจะบอกเค้าว่าแล้ว
ถ้ายอมต่อไปแบบนี้ ถ้าวันไหนไม่มีพ่อละแฟนเราก็จะไม่เหลืออะไรเลย ขนาดข้าวเค้ายังไม่ซื้อให้กิน
ไม่ต้องหวังเลยว่าคนที่จิตใจต่ำมาทำลายครอบครัวคนอื่นจะแบ่งอะไรให้ (เราว่าสิ่งที่เค้าคิดมันก็ดี แต่แฟนเราเค้ายอมเกินไป)
เราพยายามจะเปลี่ยนความคิดเค้าเพื่อนอนาคตเค้าจะได้สบายไม่ต้องลำบากอีก จะได้เลี้ยงแม่ได้ แต่มันยากมากเลย
เราอยากรู้ว่าแฟนเราคิดถูกแล้ว หรือเราไปบงการชีวิตเค้าเยอะเกิน แล้วถ้ายอมต่อไปแบบนี้แฟนเราวันข้างจะเป็นยังไง