ตอนนี้เรากำลังรู้สึกสับสนในชีวิตมากเลยค่ะ พอทีก็คิดขึ้นมาว่าเรากำลังล้มเหลวหรือเปล่า
เราเพิ่งจบได้ปีนึงพอดิบพอดี
ตอนจบใหม่ๆก็ดีใจจะได้ทำงานช่วยที่บ้านเเล้ว หลังจากต้องเผชิญความยากลำบากมากว่า 6-7 ปี หลังจากธุรกิจของคุณพ่อล้ม หนี้สินก้อนโตที่ทหใ้ต้องขายรถ ขายบ้านทิ้งเพื่อเอาไปใช้หนี้จนหมด เหลือเงินติดก้นถุงราวสองเเสนได้
เเต่ก็ช่างมันเถอะ หาใหม่ก็ได้ เราคิดเเบบนี้ เราวางเเผนว่าจะขอให้พ่อทำงานอีกเเค่ครึ่งปี พอเราทำงานอยู่ตัวผ่านโปรอะไรเรียบร้อย จะให้หยุดทำงาน เเล้วเปิดร้านเล็กๆให้พ่อเเม่พอมีอะไรทำไม่เครียดหรือคิดมากว่าต้องพึงพาลูก
เเต่โชคไม่ดีเท่าไหร่ที่พอเราทำงานไปได้เเค่สามสัปดาห์ พอก็ล้มป่วย มีลิ่มเือดไปอุดตันเส้นเลือดในสมอง ทำให้อ่อนเเรงซีกซ้าย ปัจจุบันช่วยเหลือตัวเองเเละพูดไม่ได้
เงินสองเเสนที่เหลือจากการขายบ้าน กลายมาเป็นค่ารักษาคุณพ่อตลอดครึ่งปีที่ผ่านมา ตอนนี้เหลือไม่ถึงเเสน เงินเดือนเด็กจบใหม่ก็ไม่พอจะเลี้ยงดูที่บ้าน ทั้งค่าบ้าน ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเน็ต ค่ากับข้าว ค่ารถพยาบาลพาพ่อไปรพ.ทุกเดือน ค่ายา ค่ารักษาอื่นๆ เเล้วเเต่ว่าหมอสั่งตรวจอะไรบ้าง ฯลฯ มันเยอะซะจนเรามานั่งคำนวณ ทำให้รู้ว่าทำยังไงมันก็ไม่พอเลยสำหรับเงินเดือนเด็กจบใหม่กับรายจ่ายทั้งหมดนี้ สังคมเราไม่ได้ออกเเบบมาให้ทำงานคนเดียวเลี้ยงคนทั้งบ้าน เงินเข้าทางเดียวยังไงก็ไม่มีทางรอด
ในเมื่อทำงานไปเงินเดือนก็ไม่พอใช้ ประจวบเหมาะกับทางบริษัทเองก็เริ่มมีปัญหาเเพลนจะปลดพนักงานออกครึ่งหนึ่ง คุณพ่อก็ตรวจถี่ ลางานพาไปรพ.บ่อยๆก็ไม่โอเค เลยคุยกับเเม่เเล้วตัดสินใจลาออก เเล้วจะเอาเงินก้อนสุดท้ายไปทำอะไรสักอย่างเล็กๆ ให้คุณเเม่สามารถหาเงินช่วยเราได้ เเล้วเราจะกลับไปหางานทำอีกครั้ง
ตอนนี้ว่างงานมาเดือนนึง ค่อนข้างฟุ้งซ่านนะ เราพยายามลองหาเงินหลายอย่าง ทั้งขายของออนไลน์ รับงานแปลฟรีเเลนซ์ เเต่ก็นะ ชีวิตไม่ง่ายอะไรขนาดนั้น มันเพิ่งเริ่ม อะไรๆก็ยังไม่เข้าที่เข้าทาง กะว่าจะไปหาสอนพิเศษเด็กเพิ่มอีกทาง เราพยายามบอกตัวเองเสมอว่าไม่เป็นไรหรอก อย่าท้อนะ ชีวิตคนมันมีทางไปเสมอ
เเต่บางทีมันก็คิดว่านี่เรากำลังล้มเหลวหรือเปล่านะ เราจบม.ดัง เกียรตินิยม เเต่ไม่ได้ทำงานดีๆ ไม่ได้เข้าไปทำงานในระบบเพื่อเติบโตตามเเนวทางของมัน เรามานั่งทำงานเล็กๆน้อยๆ ขายกับข้าว ที่ไม่รู้ว่าจะยังไง มันเหมือนเรากำลังสับสนว่าจะยังไงต่อดี
มีอยู่วันนึงเครียดมาก เหมือนคนสติเเตก นั่งส่งใบสมัครงานไปทั่ว พอมีเรียกสัมภาษณ์ก็รู้ว่าเรายังดีไม่พอสำหรับงานที่จะให้เงินเดือนตามที่เราเรียกไป มันต้องเก่งกว่านี้ ประสบการณ์เยอะกว่านี้ เลยได้เเต่ทำใจว่าเราคงต้องมาทำร้านเล็กๆที่บ้านให้เป็นรูปเป็นร่างก่อน เพื่อให้เงินเข้าทางหนึ่ง เเล้วค่อยไปหางานทำเก็บประสบการณ์ตอนที่ทุกอย่างลงตัว
ตอนนี้เลยทำใจว่าบางทีเราอาจจะต้องทุ่มกับทางนี้ให้สุดไปเลยมั้ง อาจจะไม่ต้องทำงานในบริษัทเเล้วมั้ง เเต่จู่ๆต้องมาเป็นเสาหลักครอบครัวนี่มันก็เเอบตกใจเหมือนกันนะ มานั่งนึกว่าพ่อเราทำได้ไง เเล้วเราต้องทำยังไงถึงจะเลี้ยงดูพ่อเเม่ให้มีความสุขได้ กลัวทำไม่ได้ กลัวไปหมด กลัวกลับไปเจอชีวิตเดิม กลัวอายุมากขึ้นเเล้วจะหางานทำไม่ได้ กลัวนู้นกลัวนี่ วิตกกังวลไปหมด
เเต่สุดท้ายเเล้วชีวิตมันก็ต้องไปต่อ เราเลยคิดว่าจะทิ้งอีโก้ ทิ้งชื่อมหาลัย เเละเกียรตินิยมไว้ข้างหลัง บางทีเราเปิดร้านอาหารเล็กๆ เราอาจจะมีรายได้พอเลี้ยงครอบครัว อาจจะมีเงินซื้อบ้านให้พ่อเเม่อยู่ก็ได้เนอะ คนเราคงไม่ได้ล้มเหลวกันไปทั้งชีวิตหรอก
เเล้วทุกคนละคะเคยมีความรู้สึกว่าตัวเองล้มเหลวกันบ้างมั้ย เเล้วทำยังไงให้กลับมาเข้มเเข็งอีกครั้ง
เคยรู้สึกว่าตัวเองล้มเหลวกันมั้ยคะ
เราเพิ่งจบได้ปีนึงพอดิบพอดี
ตอนจบใหม่ๆก็ดีใจจะได้ทำงานช่วยที่บ้านเเล้ว หลังจากต้องเผชิญความยากลำบากมากว่า 6-7 ปี หลังจากธุรกิจของคุณพ่อล้ม หนี้สินก้อนโตที่ทหใ้ต้องขายรถ ขายบ้านทิ้งเพื่อเอาไปใช้หนี้จนหมด เหลือเงินติดก้นถุงราวสองเเสนได้
เเต่ก็ช่างมันเถอะ หาใหม่ก็ได้ เราคิดเเบบนี้ เราวางเเผนว่าจะขอให้พ่อทำงานอีกเเค่ครึ่งปี พอเราทำงานอยู่ตัวผ่านโปรอะไรเรียบร้อย จะให้หยุดทำงาน เเล้วเปิดร้านเล็กๆให้พ่อเเม่พอมีอะไรทำไม่เครียดหรือคิดมากว่าต้องพึงพาลูก
เเต่โชคไม่ดีเท่าไหร่ที่พอเราทำงานไปได้เเค่สามสัปดาห์ พอก็ล้มป่วย มีลิ่มเือดไปอุดตันเส้นเลือดในสมอง ทำให้อ่อนเเรงซีกซ้าย ปัจจุบันช่วยเหลือตัวเองเเละพูดไม่ได้
เงินสองเเสนที่เหลือจากการขายบ้าน กลายมาเป็นค่ารักษาคุณพ่อตลอดครึ่งปีที่ผ่านมา ตอนนี้เหลือไม่ถึงเเสน เงินเดือนเด็กจบใหม่ก็ไม่พอจะเลี้ยงดูที่บ้าน ทั้งค่าบ้าน ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเน็ต ค่ากับข้าว ค่ารถพยาบาลพาพ่อไปรพ.ทุกเดือน ค่ายา ค่ารักษาอื่นๆ เเล้วเเต่ว่าหมอสั่งตรวจอะไรบ้าง ฯลฯ มันเยอะซะจนเรามานั่งคำนวณ ทำให้รู้ว่าทำยังไงมันก็ไม่พอเลยสำหรับเงินเดือนเด็กจบใหม่กับรายจ่ายทั้งหมดนี้ สังคมเราไม่ได้ออกเเบบมาให้ทำงานคนเดียวเลี้ยงคนทั้งบ้าน เงินเข้าทางเดียวยังไงก็ไม่มีทางรอด
ในเมื่อทำงานไปเงินเดือนก็ไม่พอใช้ ประจวบเหมาะกับทางบริษัทเองก็เริ่มมีปัญหาเเพลนจะปลดพนักงานออกครึ่งหนึ่ง คุณพ่อก็ตรวจถี่ ลางานพาไปรพ.บ่อยๆก็ไม่โอเค เลยคุยกับเเม่เเล้วตัดสินใจลาออก เเล้วจะเอาเงินก้อนสุดท้ายไปทำอะไรสักอย่างเล็กๆ ให้คุณเเม่สามารถหาเงินช่วยเราได้ เเล้วเราจะกลับไปหางานทำอีกครั้ง
ตอนนี้ว่างงานมาเดือนนึง ค่อนข้างฟุ้งซ่านนะ เราพยายามลองหาเงินหลายอย่าง ทั้งขายของออนไลน์ รับงานแปลฟรีเเลนซ์ เเต่ก็นะ ชีวิตไม่ง่ายอะไรขนาดนั้น มันเพิ่งเริ่ม อะไรๆก็ยังไม่เข้าที่เข้าทาง กะว่าจะไปหาสอนพิเศษเด็กเพิ่มอีกทาง เราพยายามบอกตัวเองเสมอว่าไม่เป็นไรหรอก อย่าท้อนะ ชีวิตคนมันมีทางไปเสมอ
เเต่บางทีมันก็คิดว่านี่เรากำลังล้มเหลวหรือเปล่านะ เราจบม.ดัง เกียรตินิยม เเต่ไม่ได้ทำงานดีๆ ไม่ได้เข้าไปทำงานในระบบเพื่อเติบโตตามเเนวทางของมัน เรามานั่งทำงานเล็กๆน้อยๆ ขายกับข้าว ที่ไม่รู้ว่าจะยังไง มันเหมือนเรากำลังสับสนว่าจะยังไงต่อดี
มีอยู่วันนึงเครียดมาก เหมือนคนสติเเตก นั่งส่งใบสมัครงานไปทั่ว พอมีเรียกสัมภาษณ์ก็รู้ว่าเรายังดีไม่พอสำหรับงานที่จะให้เงินเดือนตามที่เราเรียกไป มันต้องเก่งกว่านี้ ประสบการณ์เยอะกว่านี้ เลยได้เเต่ทำใจว่าเราคงต้องมาทำร้านเล็กๆที่บ้านให้เป็นรูปเป็นร่างก่อน เพื่อให้เงินเข้าทางหนึ่ง เเล้วค่อยไปหางานทำเก็บประสบการณ์ตอนที่ทุกอย่างลงตัว
ตอนนี้เลยทำใจว่าบางทีเราอาจจะต้องทุ่มกับทางนี้ให้สุดไปเลยมั้ง อาจจะไม่ต้องทำงานในบริษัทเเล้วมั้ง เเต่จู่ๆต้องมาเป็นเสาหลักครอบครัวนี่มันก็เเอบตกใจเหมือนกันนะ มานั่งนึกว่าพ่อเราทำได้ไง เเล้วเราต้องทำยังไงถึงจะเลี้ยงดูพ่อเเม่ให้มีความสุขได้ กลัวทำไม่ได้ กลัวไปหมด กลัวกลับไปเจอชีวิตเดิม กลัวอายุมากขึ้นเเล้วจะหางานทำไม่ได้ กลัวนู้นกลัวนี่ วิตกกังวลไปหมด
เเต่สุดท้ายเเล้วชีวิตมันก็ต้องไปต่อ เราเลยคิดว่าจะทิ้งอีโก้ ทิ้งชื่อมหาลัย เเละเกียรตินิยมไว้ข้างหลัง บางทีเราเปิดร้านอาหารเล็กๆ เราอาจจะมีรายได้พอเลี้ยงครอบครัว อาจจะมีเงินซื้อบ้านให้พ่อเเม่อยู่ก็ได้เนอะ คนเราคงไม่ได้ล้มเหลวกันไปทั้งชีวิตหรอก
เเล้วทุกคนละคะเคยมีความรู้สึกว่าตัวเองล้มเหลวกันบ้างมั้ย เเล้วทำยังไงให้กลับมาเข้มเเข็งอีกครั้ง