We are X: ทั้งชีวิตเราสู้สุดฝันแล้วหรือยัง?

ม. 2 เย็นวันอังคารวิชาสุดท้ายวันนั้น เพื่อนคนนึงได้ยื่นซาวด์อะเบ้าท์มาให้แอบฟังเพลงใต้โต๊ะ พลันที่เสียงเกากีต้าร์ไฟฟ้าจบลง ตามมาด้วยเสียงรัวแฉ และท่อนระเบิดเข้าเพลง Kurenai ดังขึ้น โลกของผมก็เปลี่ยนไปตลอดกาล...

X Japan ก่อตั้งวงในปีเดียวกับปีเกิดผม จึงไม่ยากที่จะคำนวณว่าวงนี้ผ่านร้อนหนาวมายาวนานขนาดไหน (ฮา) ถามว่าวงนี้มีอิทธิพลกับชีวิตมากขนาดไหน ก็คงแค่ นับจากอุทิศตนเป็นแฟนวง ก็เฝ้ารอเวลาจนวันสอบวันสุดท้ายของ ม.6 ก็มุ่งไปย้อมผมสีทันที และก็เปลี่ยนมาตลอดยันปีสอง เอาให้หายอยากตาม Hide, เริ่มฝึกคีย์บอร์ด เริ่มตีหมอน อยากเป็นมือกลองอย่าง Yoshiki, อยากเป็นคนเท่ห์เงียบ ๆ แต่เก่งอย่าง Taiji และ Pata, ฟังมันแต่ X นั่งรถเข้ามากรุงเทพฯ เพื่อมาซื้อ CD VDO ที่สยามเพราะสมัยนั้นหาดูอะไรได้ยากเย็น จนสะสม CD จริงบ้าง ก้อปบ้างจนครบทุกชุด ฯลฯ

ถ้าไม่มีวงนี้ ตัวตนในวันนี้ผมคงไม่ใช่แบบนี้ บางส่วนของชีวิตมันคงไม่เต็มเหมือนอย่างตอนนี้แน่นอน (ยังกะตอนนี้เต็ม?)

สารคดีเรื่องนี้ ไม่เพียงทำมาเพื่อแฟนเพลงเดนตายของวงเท่านั้น ผมกลับมองว่าคนที่ไม่รู้จักวงนี้ ไม่เคยรู้เรื่องของวงนี้มาก่อนกลับจะอินไปกับเรื่องราวของวงที่เหมือนเราดู เด็กคนนึงที่ชีวิตไม่สมบูรณ์ เติบโตรวมกับกลุ่มเด็กวัยรุ่น ทำตามสิ่งที่ตัวเองหลงไหล เอาความเจ็บปวดเปลี่ยนเป็นบทเพลง ผ่านประสบการณ์ แตกหัก หลงผิด แม้กระทั้งความสูญเสีย จนการกลับมารวมตัว เพื่อตามฝันให้สมาชิกที่จากไปทั้งสอง

ฟังดูเหมือนหนังน้ำเน่าสักเรื่อง ต่างที่นี่คือชีวิตจริงที่เกิดผ่านเวลามากว่าสามสิบปีจริง ๆ

ในส่วนของแฟนพันธุ์แท้ที่รู้เรื่องของ X ดีอยู่แล้วก็จะยิ่งอินไปกับเหตุการณ์ที่เราผ่านมันมาเกือบทั้งชีวิต ความผูกพันธ์ราวกับครอบครัวของแต่ละคน และยังได้รู้ความลับบางอย่างจากปากสมาชิกของวงที่ไม่เคยเปิดเผยที่ไหน และบางเรื่องก็ยังเป็นความลับไปตลอดกาล

ถึงแม้จะเสียดายที่สมาชิกคนอื่นมีบทบาทน้อยเกินไปในเรื่อง เพราะโฟกัสไปเฉพาะมุมมองของ Yoshiki แต่ต้องยอมรับว่า เขาคือแกนหลักของ X และ X ก็คือ Yoshiki จริง ๆ

ตอนมัธยมผมฝันจะได้ไปดูคอนเสิร์ต X Japan สักครั้งในชีวิต แล้วฝันก็สลายลงเมื่อวงยุบลงในปี 1997 และยิ่งโดนซ้ำเมื่อ Hide มาตายไป แต่เมื่อเวลาผ่านไปสุดท้าย ฝันนี้กลับมาเป็นจริงในเกือบ 20 ปีต่อมาเมื่อครั้งกลับมารวมวงแล้วเล่นที่เมืองไทย วันนี้เรื่องราวเหล่านั้นกลับมาสมบูรณ์ชัดอีกครั้งด้วยน้ำตานองหน้าจากสารคดีนี้ เมื่อเราถูกย้ำเตือนว่า ไม่ว่าจะเจออะไร รู้สึกเจ็บปวดแค่ไหน เราสามารถเปลี่ยนสิ่งนั้นเป็นพลังได้ ตราบใดที่เรายังมีหวังและฝัน แล้วทุ่มเทเฝ้ารอมันจนเป็นจริง

10/10
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่