
สรรพศาสตร์ทั้งหลายในโลก อาทิเช่น วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ ศิลปศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ ดาราศาสตร์ แพทยศาสตร์ ฯลฯ..
ล้วนบังเกิดขึ้นมาจากเรื่องของธาตุ..ความเคลื่อนไหวกระทำของธาตุ และความเป็นอยู่เป็นไป สถานะของธาตุในธรรมชาติ..
ไม่เว้นแม้แต่ศาสตร์ที่สำคัญที่สุดอย่างศาสนศาสตร์ ที่เป็นศาสตร์แห่งการเข้าถึงความบริสุทธิ์ความว่างของธาตุ(นามธาตุ-รูปธาตุ)
พลังงาน(กรรมกิริยา) และแรงดึงแรงยึด(ความยึดถือ)..
หากไม่มีธาตุ ไม่มีสสาร จำนวนนับก็ไม่เกิดขึ้น..ศิลปะก็ไม่เกิดขึ้น..ความรู้ การศึกษาในศาสตร์ต่างๆทั้งมวลก็ไม่ปรากฏ..
ด้วยเหตุแห่งความมีนามธาตุ รูปธาตุ พระไตรปิฎกจึงบังเกิดขึ้น..คำสอนคำอธิบายเรื่องความบริสุทธิ์หรือไม่บริสุทธิ์ของธาตุ
ความสุขหรือความทุกข์ของธาตุในธรรมชาติก็จึงบังเกิดขึ้น..
สิ่งใดสิ่งหนึ่งมี สิ่งใดสิ่งหนึ่งก็มี..สิ่งใดสิ่งหนึ่งว่าง สิ่งใดสิ่งหนึ่งก็ว่างตาม..
ที่มาของศาสตร์ทั้งหลาย..
ล้วนบังเกิดขึ้นมาจากเรื่องของธาตุ..ความเคลื่อนไหวกระทำของธาตุ และความเป็นอยู่เป็นไป สถานะของธาตุในธรรมชาติ..
ไม่เว้นแม้แต่ศาสตร์ที่สำคัญที่สุดอย่างศาสนศาสตร์ ที่เป็นศาสตร์แห่งการเข้าถึงความบริสุทธิ์ความว่างของธาตุ(นามธาตุ-รูปธาตุ)
พลังงาน(กรรมกิริยา) และแรงดึงแรงยึด(ความยึดถือ)..
หากไม่มีธาตุ ไม่มีสสาร จำนวนนับก็ไม่เกิดขึ้น..ศิลปะก็ไม่เกิดขึ้น..ความรู้ การศึกษาในศาสตร์ต่างๆทั้งมวลก็ไม่ปรากฏ..
ด้วยเหตุแห่งความมีนามธาตุ รูปธาตุ พระไตรปิฎกจึงบังเกิดขึ้น..คำสอนคำอธิบายเรื่องความบริสุทธิ์หรือไม่บริสุทธิ์ของธาตุ
ความสุขหรือความทุกข์ของธาตุในธรรมชาติก็จึงบังเกิดขึ้น..
สิ่งใดสิ่งหนึ่งมี สิ่งใดสิ่งหนึ่งก็มี..สิ่งใดสิ่งหนึ่งว่าง สิ่งใดสิ่งหนึ่งก็ว่างตาม..