ว่าด้วยการเก็บค่าที่จอดรถของห้างร้าน จำเป็นหรือหน้าเงิน ไล่คนหรือเรียกลูกค้า

ในรอบหลายเดือนที่ผ่านมา หลายคนที่ขับรถน่าจะเจอว่า ตามศูนย์การค้า Mall ตลาดนัด หรือสถานที่ต่างๆ มีการเก็บค่าบริการที่จอดรถกันมากขึ้น
ซึ่งได้เห็นความคิดเห็นของหลายๆ คน ที่แสดงออกถึงความไม่พอใจในการเรียกเก็บค่าบริการที่จอดรถ
เลยอยากชวนสนทนาถึงประเด็นดังกล่าว ว่าแต่ละคนคิดเห็นกันอย่างไรครับ
โดยขอเสนอความคิดเห็นในมุมส่วนตัวไว้ ถ้าผิดหรืออย่างไร แนะนำแสดงความคิดเห็นกันได้
(หมายเหตุ ไม่รวมถึงการเรียกเก็บบริการที่จอดรถริมถนน หรือที่สาธารณสมบัติที่เป็นของรัฐ แต่มีคนอื่นมาเก็บค่าบริการเอง)

1. พื้นที่สาธารณะแต่เป็นของเอกชน มีต้นทุนค่าใช้จ่าย
    หลายคนเข้าใจประเด็นพื้นที่สาธารณะผิดไป โดยเข้าใจว่าพื้นที่ดังกล่าวต้องเป็นของทุกคน ทั้งที่ความเป็นจริงแล้ว พื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ส่วนรวมที่ใครหลายคนเข้ามาใช้บริการได้ แต่ไม่ได้เป็นที่สาธารณะไม่มีเจ้าของ พื้นที่มีเอกชนเป็นเจ้าของ และย่อมมีต้นทุนในการบริหารจัดการ เช่น ต้นทุนก่อสร้าง ต้นทุนค่าบำรุงรักษา ต้นทุนค่าไฟฟ้า ต้นทุนค่าพนักงาน เป็นต้น
    เห็นหลายความคิดเห็นในเชิงไม่พอใจที่มีพื้นที่สำรองสำหรับ กลุ่มรถหรู กลุ่มลูกค้าบัตรพิเศษ โดยบอกว่าเป็นการแสดงออกถึงความไม่เท่าเทียมในสังคม แสดงออกถึงความเอารัดเอาเปรียบ แนะให้เอาพื้นที่ส่วนนั้นไปทำให้กลุ่มครอบครัว คนพิการ มากกว่า ซึ่งอยากบอกว่า เป็นความเข้าใจที่ถูกต้องแล้ว
    เหตุที่บอกว่าเข้าใจถูกต้อง คือ การที่รถหรู หรือลูกค้าบัตรพิเศษ จะมีที่สำรองสำหรับจอดรถ เป็นเพราะมีความเหนือกว่าในบางอย่าง คือ คนที่ขับรถหรู คนที่มีบัตรพิเศษ ย่อมแสดงว่าพวกเขา "มีเงิน" ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญมากในการอยู่รอดของธุรกิจ แน่นอนหลายคนมีข้อแย้งว่า การขับรถหรู ไม่ได้แปลว่าจะซื้อจ่าย แต่ในความเป็นจริง ระหว่างคนขับรถหรูและคนขับรถทั่วไป โอกาสในการจับจ่ายของคนขับรถหรูก็มากกว่า และการให้บริการสำรองก็เป็นการยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวด้วย คือ 1. เรียกลูกค้าที่มีกำลังทรัพย์เข้าพื้นที่ 2. ป้องกันความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้นกับรถได้ และที่สำคัญ กลุ่มคนขับรถอื่นก็ไม่ใช่จะไม่มีที่จอดเลย

2. กฏหมายออกมาแล้ว แม้จะไม่ได้เก็บค่าบริการ แต่ถือเป็นความรับผิดชอบของเจ้าของพื้นที่ หากมีการหาย พัง พื้นที่ต้องรับผิดชอบ
     ในช่วงหนึ่งเมื่อนานมาแล้ว เราจะเห็นว่าแต่เดิมที่มีการแลกบัตร แจกบัตร ก็หายไป เหลือเพียงตู้ยามกับกล้องวงจรปิด เพราะต้องการเลี่ยงกฏหมาย โดยบอกว่าไม่ได้ให้บริการรับฝากรถ เป็นเพียงจัดพื้นที่ไว้ รถมาจอดเอง ไม่ขอรับผิดชอบในทุกกรณี แต่ศาลก็พิพากษาว่ามีความผิด ต้องรับผิดชอบในการสูญเสีย ดังนั้นมันจึงเป็นที่มาว่า ให้ฟรีก็ต้องรับผิดชอบ งั้นเก็บเงินเอามารับผิดชอบดีกว่า อย่างน้อยก็ดีกว่ารับผิดชอบฟรีๆ

3. การเก็บค่าที่จอดรถ เพื่อดึงลูกค้าตัวจริง ให้เข้าพื้นที่
     สภาพการจราจรของเมือง ไม่ได้สอดรับกับปริมาณรถยนต์ของคนสักเท่าไหร่ แม้แต่ในบ้านแต่ละคนยังอาจมีรถมากกว่าพื้นที่จอด และเมื่อเป็นสถานที่ทำงานก็ยิ่งย่ำแย่ไม่ต่างกันมาก จึงเกิดเป็นการอาศัยในชานเมือง ขับรถเข้ามาในห้างฯ จอดรถ และต่อบริการรถสาธารณะเพื่อไปยังที่ต่างๆ เลิกงานก็เดินทางกลับมารับรถกลับบ้าน ได้ทั้งคนดูแล ที่จอดในร่ม หากสูญหายยังได้รับการรับผิดชอบอีก ซึ่งเกิดปัญหานี้เยอะมาก เกือบร้อยละ 40 ของพื้นที่จอด เป็นกลุ่มคนดังกล่าว อีก 20-30 เป็นของพนักงาน อีก 10 เป็นของสำรองที่จอดลูกค้า อีก 5 เป็นของสำรองคนพิการ เท่ากับลูกค้าจริงๆ เหลือเพียง 15-25 เท่านั้น
     มีบางแห่งหลังจากปรับเปลี่ยนมาเก็บค่าที่จอดรถ จำนวนรถน้อยลง คนเดินเท่าๆ เดิม แต่ยอดขายกับบวกขึ้นมาก เพราะลูกค้าที่พร้อมจ่ายมาเดินมากขึ้น และลูกค้าอื่นก็ซื้อสินค้าเพื่อรับส่วนลดค่าที่จอด

4. เป็นการเพิ่มยอดขายของร้านค้า
    อย่างที่บอกไปใน ข้อ 3 มีการสำรวจพบว่า หลังจากเก็บค่าที่จอดรถ สิ่งที่ผิดจากการคาดการณ์ คือ ยอดขายที่เพิ่มขึ้น ทั้งที่จากความรู้สึกลูกค้าจะลดลง แต่ดันตรงกันข้าม โดยหลักๆ มี 2 ประเด็น คือ กลุ่มคนที่พร้อมซื้อสามารถเดินทางได้สะดวกขึ้น เพราะประชากรแฝงจอด ได้หายไป และเกือบทุกสถานที่จะมีการให้ลดค่าที่จอดเมื่อซื้อสินค้า หรือใช้บริการครบยอดต่างๆ ทำให้ลูกค้ายอมจ่ายเงินเพื่อรับส่วนลดดังกล่าว

ตอนนี้ผมนึกออกได้ 4 ประเด็น มีใครเสนออะไรเพิ่มเติมบ้างไหมครับ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่