เป็นยุคเสื่อมของ ศาสนาพุทธ จริงๆ
ยึดติดกับเปลือก อะไรก็ไม่รู้
"บ้าสวดมนต์แบบเน้นปริมาณ" โดยเชื่อว่า จะได้บุญ ???
นี่หรือ ศาสนาพุทธ ?
นี่คือหนึ่งความเห็นในห้องพันทิปที่น่าศึกษา ว่าคนเราถ้าไม่ศึกษาพระศาสนาให้ลึกซึ้ง ก็สามารถใช้คำพูดของผู้ที่รู้ไม่สมบูรณ์มาทำให้เข้าใจผิดไปได้
ด้วยความรักและปราถนาดี พร้อมกับต้องการให้ความรู้ความเข้าใจ เรื่องบทสวดมนต์ช่วยปัดเป่าเรื่องร้ายๆ ไปได้อย่างไร จะนำเรื่อง ประวัติบทสวดพระปริตมาให้ศึกษากัน (เพราะค่อนข้างจะคุ้นกับบทนี้กัน)
ขอบคุณข้อมูลจาก
http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=13434.0;wap2
ประวัติพระปริตร
พระปริตร แปลว่า เครื่องคุ้มครอง คือ ป้องกันอันตรายภายนอกมี โจร ยักษ์ สัตว์เดรัจฉาน และป้องกันอันตรายภายในมีโรคภัยไข้เจ็บเป็นต้น อานิสงส์ที่ได้รับจากการสวดพระปริตรนี้เกิดมาจากอานุภาพของพระรัตนตรัยและอานิสงส์จากการเมตตา เพราะพระปริตรกล่าวถึงคุณพระรัตนตรัยและการเจริญเมตตาภาวนา ดังนั้น ผู้หมั่นสาธยายพระปริตรจึงได้รับผลานิสงส์ต่างๆ เช่น ประสบความสวัสดี ความเจริญรุ่งเรือง ได้รับชัยชนะ แคล้วคลาดจากอุปสรรคอันตราย มีสุขภาพอนามัยดี และมีอายุยืน ดังพระพุทธดำรัสว่า
"เธอจงเจริญพุทธานุสสติ ภาวนาที่ยอดเยี่ยมในภาวนาธรรม เพราะผู้เจริญภาวนานี้จะสมหวังดังมโนรถ" (ขุ. อป. ๓๒/๓๖/๙๘)
"อมนุษย์ที่ต้องการจะทำร้ายผู้เจริญเมตตา ย่อมประสบภัยพิบัติเอง เปรียบเหมือนคนที่ใช้มือจักหอกคม จะได้รับอันตรายจากการจับหอกนั้น" (สํ. นิง ๑๖/๒๒๗/๒๕๑)
ประโยชน์ในปัจจุบัน
ในคัมภีร์อรรถกถา มีปรากฏเรื่องอานุภาพพระปริตรคุ้มครองผุ้สวดเช่นเรื่องพระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นนกยุงทอง พระองค์ได้หมั่นสาธยายโมรปริตรที่กล่าวถึงคุณของพระพุทธเจ้าเป็นประจำ ทำให้แคล้วคลาดจากบ่วงที่นายพรานดังไว้ (ชา. อ. ๒/๓๕)
และเรื่องในสมัยพุทธกาล มีภิกษุห้าร้อยรูปไปเจริญภาวนาในป่า ได้ถูกเทวดารบกวนจนกระทั่งปฏิบัติธรรมไม่ได้ ต้องเดินทางกลับเมืองสาวัตถี ในขณะนั้นพระพุทธเจ้าได้สอนเมตตปริตรที่กล่าวถึงการเจริญเมตตา ครั้นภิกษุเหล่านั้นหมั่นเจริญเมตตาภาวนา เทวดาจึงมีไมตรีจิตตอบด้วย และช่วยพิทักษคุ้มครองให้ภิกษุหมู่นั้นปฏิบัติธรรมได้โดยสะดวก (สุตฺตนิ. อ. ๑/๒๒๑, ขุทฺทก. อ. ๒๒๕)
นอกจากนี้ อานุภาพพระปริตรยังสามารถคุ้มครองผู้ฟังได้อีกด้วย ดังที่มีปรากฏในคัมภีร์อรรถกถาว่า ในสมัยพุทธกาล เมื่อเมืองเวสาลีประสบภัยโรคระบาด พระพุทธเจ้าได้รับนิมนต์เสด็จไปโปรด พระองค์รับสั่งให้พระอานนท์สวดรัตนปริตรที่กล่าวถึงคุณของพระรัตนตรัย ภัยดังกล่าวในเมืองนั้นจึงได้สงบลง (ขุทฺทก. อ. ๑๔๑-๔)
ในอรรถกถาอีกคัมภีร์หนึ่งปรากฏว่า ในสมัยพุทธกาล มีเด็กคนหนึ่งจะถูกยักษ์จับกินภายใน ๗ วัน พระพุทธเจ้าจึงแนะนำให้ภิกษุสวดพระปริตรตลอดเจ็ดคืน และพระองค์ได้เสด็จไปสวดด้วยพระองค์เองในคืนที่แปด เด็กนั้นก็สามารถรอดพ้นจากภัยพิบัติของอมนุษย์นั้นได้ มีอายุยืน ๑๒๐ ปี บิดามารดาจึงตั้งชื่อเด็กว่าอายุวัฑฒนกุมาร แปลว่า "เด็กผู้มีอายุยืน" เพราะรอดพ้นจากอันตรายดังกล่าว (อรรถกถาธรรมบท ๔/๑๑๓-๖)
อานิสงส์พระปริตร
โบราณาจารย์ได้รวบรววมอานิสงส์ของพระปริตรไว้ดังนี้ คือ
๑) เมตตาปริตร ทำให้หลับเป็นสุข ตื่นเป็นสุข ไม่ฝันร้าย เป็นที่รักของมนุษย์และอมนุษย์ทั้งหลาย เทพพิทักษ์รักษา ไม่มีภยันตราย จิตเกิดสมาธิง่าย ใบหน้าผ่องใส มีสิริมงคล ไม่หลงสติในเวลาเสียชีวิต และเกิดเป็นพรหมเมื่อบรรลุเมตตาฌาน
๒) ขันธปริตร ป้องกันภัยจากอสรพิษและสัตว์ร้ายอื่นๆ
๓) โมรปริตร ป้องกันภัยจากผู้คิดร้าย
๔) อาฏานาฏิยปริตร ป้องกันภัยจากอมนุษย์ ทำให้สุขภาพดี
๕) โพชฌังคปริตา ทำให้มีสุขภาพดี มีอายุยืน และพ้นจากอุปสรรคทั้งปวง
๖) ชัยปริตร ทำให้ประสบชัยชนะ และมีความสุขสวัสดี
๗) รัตนปริตร ทำให้ได้รับความสวัสดี และพ้นจากอุปสรรคอันตราย
๘) วัฏฏกปริตร ทำให้พ้นจากอัคคีภัย
๙) มังคลปริตร ทำให้เกิดสิริมงคล และปราศจากอันตราย
๑๐) ธชัคคปริตร ทำให้พ้นจากอุปสรรคอันตราย และการตกจากที่สูง
๑๑) อังคุลิมาลปริตร ทำให้คลอดบุตรง่าย และป้องกันอุปสรรคอันตราย
๑๒) อภยปริตร ทำให้พ้นจากภัยพิบัติ และไม่ฝันร้าย
จะเห็นได้ว่าในสมัยก่อนการสวดมนต์ คือ การเติมบุญให้กับตนเองเพราะ คือ การภาวนา
จากอานิสงส์ และผลแห่งการสวดมนต์จะเห็นได้ว่ายิ่งสวดยิ่งดี ปัดเป่าสิ่งร้ายๆ ประสบแต่ความโชคดี
ท่านใดที่สวดทุกวันอยู่แล้วก็ควรอนุโมทนาบุญ สนับสนุนสิ่งที่เค้าทำดีและควรสวดให้ยิ่งๆ ขึ้นไป
ท่านใดที่ยังไม่สวดมนต์ ก็ขอเชิญให้มาสวดมนต์ด้วยกัน
อย่าไปว่าด้วยคำพูด หรือตัดทอนกำลังใจคนที่ทำความดี ให้เค้าไขว้เขวในการทำความดีเพราะจะมีผลกรรมตามไปส่งผลว่า เมื่อเราขัดขวางคนทำความดี พอเราทำกิจการงานอะไรก็จะโดนขัดขวางไม่ให้เจริญด้วยเหมือนกัน
เมื่อมีคนสงสัยว่าการสวดมนต์ คือ เรื่องงมงาย ?? ฉันล่ะเพลียจิต จึงนำบทสวดมนต์พระปริตรมาให้ศึกษากัน
ยึดติดกับเปลือก อะไรก็ไม่รู้
"บ้าสวดมนต์แบบเน้นปริมาณ" โดยเชื่อว่า จะได้บุญ ???
นี่หรือ ศาสนาพุทธ ?
นี่คือหนึ่งความเห็นในห้องพันทิปที่น่าศึกษา ว่าคนเราถ้าไม่ศึกษาพระศาสนาให้ลึกซึ้ง ก็สามารถใช้คำพูดของผู้ที่รู้ไม่สมบูรณ์มาทำให้เข้าใจผิดไปได้
ด้วยความรักและปราถนาดี พร้อมกับต้องการให้ความรู้ความเข้าใจ เรื่องบทสวดมนต์ช่วยปัดเป่าเรื่องร้ายๆ ไปได้อย่างไร จะนำเรื่อง ประวัติบทสวดพระปริตมาให้ศึกษากัน (เพราะค่อนข้างจะคุ้นกับบทนี้กัน)
ขอบคุณข้อมูลจาก http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=13434.0;wap2
ประวัติพระปริตร
พระปริตร แปลว่า เครื่องคุ้มครอง คือ ป้องกันอันตรายภายนอกมี โจร ยักษ์ สัตว์เดรัจฉาน และป้องกันอันตรายภายในมีโรคภัยไข้เจ็บเป็นต้น อานิสงส์ที่ได้รับจากการสวดพระปริตรนี้เกิดมาจากอานุภาพของพระรัตนตรัยและอานิสงส์จากการเมตตา เพราะพระปริตรกล่าวถึงคุณพระรัตนตรัยและการเจริญเมตตาภาวนา ดังนั้น ผู้หมั่นสาธยายพระปริตรจึงได้รับผลานิสงส์ต่างๆ เช่น ประสบความสวัสดี ความเจริญรุ่งเรือง ได้รับชัยชนะ แคล้วคลาดจากอุปสรรคอันตราย มีสุขภาพอนามัยดี และมีอายุยืน ดังพระพุทธดำรัสว่า
"เธอจงเจริญพุทธานุสสติ ภาวนาที่ยอดเยี่ยมในภาวนาธรรม เพราะผู้เจริญภาวนานี้จะสมหวังดังมโนรถ" (ขุ. อป. ๓๒/๓๖/๙๘)
"อมนุษย์ที่ต้องการจะทำร้ายผู้เจริญเมตตา ย่อมประสบภัยพิบัติเอง เปรียบเหมือนคนที่ใช้มือจักหอกคม จะได้รับอันตรายจากการจับหอกนั้น" (สํ. นิง ๑๖/๒๒๗/๒๕๑)
ประโยชน์ในปัจจุบัน
ในคัมภีร์อรรถกถา มีปรากฏเรื่องอานุภาพพระปริตรคุ้มครองผุ้สวดเช่นเรื่องพระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นนกยุงทอง พระองค์ได้หมั่นสาธยายโมรปริตรที่กล่าวถึงคุณของพระพุทธเจ้าเป็นประจำ ทำให้แคล้วคลาดจากบ่วงที่นายพรานดังไว้ (ชา. อ. ๒/๓๕)
และเรื่องในสมัยพุทธกาล มีภิกษุห้าร้อยรูปไปเจริญภาวนาในป่า ได้ถูกเทวดารบกวนจนกระทั่งปฏิบัติธรรมไม่ได้ ต้องเดินทางกลับเมืองสาวัตถี ในขณะนั้นพระพุทธเจ้าได้สอนเมตตปริตรที่กล่าวถึงการเจริญเมตตา ครั้นภิกษุเหล่านั้นหมั่นเจริญเมตตาภาวนา เทวดาจึงมีไมตรีจิตตอบด้วย และช่วยพิทักษคุ้มครองให้ภิกษุหมู่นั้นปฏิบัติธรรมได้โดยสะดวก (สุตฺตนิ. อ. ๑/๒๒๑, ขุทฺทก. อ. ๒๒๕)
นอกจากนี้ อานุภาพพระปริตรยังสามารถคุ้มครองผู้ฟังได้อีกด้วย ดังที่มีปรากฏในคัมภีร์อรรถกถาว่า ในสมัยพุทธกาล เมื่อเมืองเวสาลีประสบภัยโรคระบาด พระพุทธเจ้าได้รับนิมนต์เสด็จไปโปรด พระองค์รับสั่งให้พระอานนท์สวดรัตนปริตรที่กล่าวถึงคุณของพระรัตนตรัย ภัยดังกล่าวในเมืองนั้นจึงได้สงบลง (ขุทฺทก. อ. ๑๔๑-๔)
ในอรรถกถาอีกคัมภีร์หนึ่งปรากฏว่า ในสมัยพุทธกาล มีเด็กคนหนึ่งจะถูกยักษ์จับกินภายใน ๗ วัน พระพุทธเจ้าจึงแนะนำให้ภิกษุสวดพระปริตรตลอดเจ็ดคืน และพระองค์ได้เสด็จไปสวดด้วยพระองค์เองในคืนที่แปด เด็กนั้นก็สามารถรอดพ้นจากภัยพิบัติของอมนุษย์นั้นได้ มีอายุยืน ๑๒๐ ปี บิดามารดาจึงตั้งชื่อเด็กว่าอายุวัฑฒนกุมาร แปลว่า "เด็กผู้มีอายุยืน" เพราะรอดพ้นจากอันตรายดังกล่าว (อรรถกถาธรรมบท ๔/๑๑๓-๖)
อานิสงส์พระปริตร
โบราณาจารย์ได้รวบรววมอานิสงส์ของพระปริตรไว้ดังนี้ คือ
๑) เมตตาปริตร ทำให้หลับเป็นสุข ตื่นเป็นสุข ไม่ฝันร้าย เป็นที่รักของมนุษย์และอมนุษย์ทั้งหลาย เทพพิทักษ์รักษา ไม่มีภยันตราย จิตเกิดสมาธิง่าย ใบหน้าผ่องใส มีสิริมงคล ไม่หลงสติในเวลาเสียชีวิต และเกิดเป็นพรหมเมื่อบรรลุเมตตาฌาน
๒) ขันธปริตร ป้องกันภัยจากอสรพิษและสัตว์ร้ายอื่นๆ
๓) โมรปริตร ป้องกันภัยจากผู้คิดร้าย
๔) อาฏานาฏิยปริตร ป้องกันภัยจากอมนุษย์ ทำให้สุขภาพดี
๕) โพชฌังคปริตา ทำให้มีสุขภาพดี มีอายุยืน และพ้นจากอุปสรรคทั้งปวง
๖) ชัยปริตร ทำให้ประสบชัยชนะ และมีความสุขสวัสดี
๗) รัตนปริตร ทำให้ได้รับความสวัสดี และพ้นจากอุปสรรคอันตราย
๘) วัฏฏกปริตร ทำให้พ้นจากอัคคีภัย
๙) มังคลปริตร ทำให้เกิดสิริมงคล และปราศจากอันตราย
๑๐) ธชัคคปริตร ทำให้พ้นจากอุปสรรคอันตราย และการตกจากที่สูง
๑๑) อังคุลิมาลปริตร ทำให้คลอดบุตรง่าย และป้องกันอุปสรรคอันตราย
๑๒) อภยปริตร ทำให้พ้นจากภัยพิบัติ และไม่ฝันร้าย
จะเห็นได้ว่าในสมัยก่อนการสวดมนต์ คือ การเติมบุญให้กับตนเองเพราะ คือ การภาวนา
จากอานิสงส์ และผลแห่งการสวดมนต์จะเห็นได้ว่ายิ่งสวดยิ่งดี ปัดเป่าสิ่งร้ายๆ ประสบแต่ความโชคดี
ท่านใดที่สวดทุกวันอยู่แล้วก็ควรอนุโมทนาบุญ สนับสนุนสิ่งที่เค้าทำดีและควรสวดให้ยิ่งๆ ขึ้นไป
ท่านใดที่ยังไม่สวดมนต์ ก็ขอเชิญให้มาสวดมนต์ด้วยกัน
อย่าไปว่าด้วยคำพูด หรือตัดทอนกำลังใจคนที่ทำความดี ให้เค้าไขว้เขวในการทำความดีเพราะจะมีผลกรรมตามไปส่งผลว่า เมื่อเราขัดขวางคนทำความดี พอเราทำกิจการงานอะไรก็จะโดนขัดขวางไม่ให้เจริญด้วยเหมือนกัน