คำแนะนำ สำหรับคนพาลูกเที่ยวเองที่ญี่ปุ่น โดย สะใภ้ซามูไร
ปกติแล้ว ไม่ได้อาศัยอยู่ที่ญี่ปุ่น เพิ่งได้มีโอกาสพาลูกกลับไป เยี่ยมปู่ย่ามาเป็นครั้งแรก ความรู้สึกจะคล้ายๆนักท่องเที่ยวที่แค่พูดญี่ปุ่นได้ มีความงงๆ มีคงามเหนื่อยอ่อน แต่ยังดีที่อ่านและพูดญี่ปุ่นได้ พอคิดถึงคนไทยที่จะมาเที่ยวญี่ปุ่น ก็คิดว่า เฮ้ย น่าจะลำบากกว่านี้ไหม
จึงอยากเขียน รีวิว และคำแนะนำไว้ เผื่อจะเป็นประโยชน์ แก่ครอบครัวลูกอ่อนที่จะไปเที่ยวญี่ปุ่นนะคะ
*ปล. สามารถติดตามเพิ่มเติม ได้ที่เพจเรา
เด็กน้อยซามูไร
(แอบโฆษณานิดนึง)
ขออนุญาตแทนตัวเองว่า วี่ นะคะ
วี่เลือกใช้บริการJAL
JAL คือควมดีงาม
1. อาหารอร่อย มีรูปมาเลย
บางสายการบินจะบอกแค่ "มีไก่กับหมู ค่ะ"
คืออยากรู้ว่า ไก่อะไร หมูอะไร เผ็ดไหม ข้าวหรือสปาเกตตี้ หรืออะไร อาหารไทยหรือญี่ปุ่น
แล้วต้องมานั่งถาม คือแม่ลูกอ่อน ไม่มีเวลาขนาดนั้น 1วินาที มีค่าสำหรับเรา
คือต้องการความเร็ว ง่าย สะดวกสบาย เข้าใจในทันที
JAL ยื่นการ์ด เมนูที่มีรูปถ่ายอาหาร
คุณแค่ มอง ชี้ รับอาหาร และกิน.
2. ที่นั่ง ปรับรับช่วงคอพอดี ไม่ต้องมีหมอนรองคอ
เคยไหมที่ถึงจะมีหมอนรองคอ แม่มก็ไม่รองคอ หามุมไปดิ หามุมไป สรุป เอามือรองคอตัวเองจ้าา
JAL คิดมาให้คุณแล้ว คือเบาะตรงช่วงคอมันจะงุ้มรับคอพอดี การนั่งอุ้มลูกไว้บนตัก 5-6ชม เราควรได้รับสิทธิการงุ้มรับรองคอเราค่ะ ณ จุดนีเ
3.พื้นที่กว้างขวาง ที่นั่งผนังที่ติดเปลเด็กได้
ที่นั่งที่สามารถเอาเปลเด็กมาติดตรงผนังได้ แล้วถ้าได้ริมหน้าต่างคือดี หน้าต่างไม่ใช่แบบประตูชักลง.แต่เป็นปุ่มกดเพิ่มความเข้มของฟิล์ม คือ คุณยังจะสามารถมองเห็นวิวด้านนอก ผ่านฟิล์มสีน้ำเงินที่เข้มขึ้นได้
เคล็ดลับ และ สิ่งที่ต้องเตรียมไปในการเดินทาง มีดต่อไปนี้
1.ให้ลูกวิ่งเล่นให้เต็มที่ ที่สุวรรณภูมิ เริงร่าให้สุด

2.พอขึ้นเครื่องและเครื่องจะออกตัว ให้เตรียมขวดนมสำหรับนมผง ผสมให้เรียบร้อย หรือใครให้เต้าให้เตรียมเต้าให้เรียบร้อย
3.จังหวะเครื่องเริ่มออกตัว ทะยานสู่ท้องฟ้า ให้ยัดนมหรือเต้าแก่ลูก นานจนกว่า สัญญาณสายรัดเข็มขัดจะดังขึ้น การดูดกลืนน้ำลาย จะช่วยให้ลูกไม่เจ็บหู
4.ในเครื่องบินมีแพมเพิสเตรียมให้ก็จริง แต่ควรนำไปเอง เพราะควรใช้ยี่ห้อที่ลูกไม่แพ้ ลูกใส่ได้นานไม่อึดอัด
5.ของเล่น เช่นหนังสือ ยางกัด จุกดูด ไม่ควรเป็นของที่เขย่าแล้วมีเสียงดัง จะรบกวนผู้โดยสารคนอื่น
6.อาหารของเด็ก ถ้าลูกทานอาหารสำเร็จได้ ควรนำไปเผื่อ 2 กล่อง หรือ ถ้าไม่ ควรทำเตรียมเองใส่กล่องไว้ 1 กล่อง.เตรียมกล้วยและขนมปังไปด้วยได้ก็จะดีมาก
ที่พัก
ถ้าเป็นลูกอ่อน คือ0-1ขวบ แนะนำให้เลือกที่พักที่มีขนาดกว้างขวาง ที่พักที่มีสัญญาลักษณ์welcome babyไปเลยจะดีมาก จะอยู่ในระดับ 4-5ดาว
คือ ห้องจะกว้างขวาง สิ่งอำนวยความสะดวก สำหรับเด็กเล็กจะมีครบครัน เช่น ผ้าอ้อมสำเร็จรูป เก้าอี้เด็ก รถเข็นเด็ก พื้นที่สำหรับให้เด็กได้คลาน วิ่งเล่น มีบอกส่วนประกอบในอาหารที่เด็กมักจะแพ้บ่อยๆด้วย (บอกเป็นรูปภาพ)
โรงแรม 3 ดาว ส่วนใหญ่ อาจจะไม่มี สิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับเด็กขนาดนี้ และ 3 ดาวมีห้องที่ค่อนข้างแคบ

ร้านอาหาร
ร้านอาหารญี่ปุ่น บางที่จะมีแค่เคาเตอร์ หรือ บางที่ให้สูบบุหรี่ในร้านด้วย
ดังนั้น จำเป็นที่จะต้องเสิร์ทไปดีๆ คือเคยเข้าไปร้านนึง โต๊ะข้างๆสูบบุหรี่ คือเค้าก็ไม่แคร์เรานะ เพราะตรงนี้ มันอนุญาตให้สูบ จะโวยวายก็ไม่ได้ ต้องทน
แต่ก็ร้านที่welcome baby ที่มีพื้นที่กว้างขวาง คนไม่สูบบุหรี่ จะมีข้อเสียคือ อาหารน่ารัก แต่ไม่อร่อย 555 อันนี้ต้องทำใจ แนะนำให้เน้นร้านที่เป็น private roomดีกว่า อร่อย เป็นส่วนตัว แต่ราคาก็จะสูงตามไปด้วย
หรือ ถ้าใครงบน้อย ราคาถูก เน้นพอกินได้ มีเมนูของเด็กด้วย ก็แนะนำ family restaurant ภาษาญี่ปุ่นแบบย่อเรียก フャミレス fa mi re su ราคาต่อเซตอยู่ที่ 1,000 เยนนิดๆ หรือประมาณ 300 บาท
อันดับ 1 Gusto ภาษาญี่ปุ่นอ่าน กัสสุโตะ เครือเดียวกับskylark ในบ้านเรา
ราคาถูก เมนูหลากหลาย


อันดับ 2 Saizeriya ภาษาญี่ปุ่นอ่าน ไซเซริอะ
ออกแนวอาหารอิตาลี สปาเกตตี้ พิซซ่า


อันดับ 3 Denny's ภาษาญี่ปุ่นอ่าน เดนิสสุ เป็นอาหารฝรั่งสไตล์ญี่ปุ่น ข้าวออมเลต ราดแกงกะหรี่ แฮมบาคุ


หรือถ้าใครชอบชาบู สุกี้
Momo paradise หรือ Nabezo ก็ได้ เจ้าของเดียวกัน ราคาประมาณ 2,000เยน


การเช่ารถที่ญี่ปุ่น
ถ้าใครอยากไปเที่ยวขับรถเอง จำเป็นที่จะต้องมี car seat สำหรับเด็ก ในรถด้วย
เพราะเป็นกฏหมายของญี่ปุ่น ถ้ามีเด็กอายุต่ำกว่า 6 ขวบในรถต้องมี baby car seat
สามารถขอเช่าเพิ่มได้ที่ร้านเช่ารถที่คุณติดต่อได้เลย มีหลายร้าน
ราคาเช่า baby car seat อยู่ที่ประมาณ 500-600 เยนต่อวัน


ปล. รูปลูกเยอะขออภัยนะคะ
ต่อๆ กัน เรื่องเสื้อผ้า
ช่วงที่ไป คือ ปลายเดือนม.ค. เป็นช่วงหน้าหนาวของญี่ปุ่น และจะเริ่มหนาวพีค คือเดือนกพ.
ความที่ไม่เคยพาลูกไปหน้าหนาวเลย น้องเป็นลูกครึ่งก็จริง แต่คือ เกิดที่ไทย และอาศัยอยู่เวียดนาม
สิ่งที่กลัวมากคือ น้องจะปรับตัวไม่ได้ แต่หลังจากลองผิด ลองถูก อยู่ 2 วันแรกที่ไป
จึงได้ขอสรุปว่า
1.เสื้อผ้าต้องเป็นหลายชั้นที่ถอดง่าย นน.เบา
เพราะคือความเห่อลูก ก็ใส่ชุดหมีขนๆให้ลูก เห็นว่าน่ารักดี และน่าจะกันหนาวได้
ปรากฎ พอเข้าห้าง หรือร้านอาหาร อุ่นมากจ้า ลูกร้อนเหงือแตก พอถอดออกมา ใส่ใหม่ค่อนข้างยาก
เพราะลูกจำล่ะ ว่าอันรี้ร้อน อึดอัด
วันหลังๆจะเป็นแจ็กเกตไป

2ด้านบนใส่อย่างน้อย 3 ชั้น ด้านล่างใส่ 2 เวลาออกข้างนอก และถ้าผมน้อย ควรมีหมวก
ชั้นแรก คือ แบบบางๆ กันความหนาว(แต่ไม่ได้มาก) เน้นกันขน เพราะเสื้อผ้าหน้าหนาว บางตัวจะมีขน ลูกอาจคันได้
ชั้น2 คือ เสื้อผ้าเนื้อหนา หรือมีขนด้านในจะดี ช่วยกันหนาวได้ดี
ชั้น 3 เสื้อแจ็คเกต แนะนำ ยูนิโคล ดี เบา ราคาไม่แพง

3.รถเข็น ควรมีผ้าคลุมขนๆอีกชั้นนึงด้วย เป็นถุงคลุมไปเลยจะดีมาก

4.ชุดนอน ควรเป็นแบบมีกระดุม ติดเสื้อกับกางเกงไว้ด้วยกัน กันลูกดิ้น หรือเดินไปมาแล้วหลุด
หรือแบบคลุมทั้งตัวไปเลย ถ้าผ้าบาง ควรมีเสื้อคลุมให้อกและท้องอบอุ่นอีกชั้น


เรื่องห้างสรรพสินค้า
ที่ญี่ปุ่น ถ้าเป็นห้างใหญ่ จะมีที่พักผ่อนสำหรับลูกน้อยอยู่ที่ชั้นแผนกเด็ก
มีที่เปลี่ยนผ้าอ้อม ห้องให้นม เบบี้แชร์ให้นั่งป้อนข้าวลูก ตู้กดกาแฟให้แม่ได้พักผ่อน
ไมโครเวฟอุ่นอาหาร เครื่องชั่งน้ำหนักเด็กทารก น้ำกรอง(ถึงแม้น้ำปกติจะดื่มได้ก็ตาม)
อ่างล้างมือพร้อมน้ำยาทำความสะอาด
ถ้าแม่เหนื่อยๆ กับการหอบลูกช้อป ขอแนะนำให้ไปใช้บริการค่ะ



เตรียมตัวให้พร้อม เดินทางปลอดภัย แลพสนุกกับทริปที่ญี่ปุ่นนะคะ
รัก
วี่
[CR] รีวิวและคำแนะนำ การพาลูกเล็กเที่ยวญี่ปุ่น
ปกติแล้ว ไม่ได้อาศัยอยู่ที่ญี่ปุ่น เพิ่งได้มีโอกาสพาลูกกลับไป เยี่ยมปู่ย่ามาเป็นครั้งแรก ความรู้สึกจะคล้ายๆนักท่องเที่ยวที่แค่พูดญี่ปุ่นได้ มีความงงๆ มีคงามเหนื่อยอ่อน แต่ยังดีที่อ่านและพูดญี่ปุ่นได้ พอคิดถึงคนไทยที่จะมาเที่ยวญี่ปุ่น ก็คิดว่า เฮ้ย น่าจะลำบากกว่านี้ไหม
จึงอยากเขียน รีวิว และคำแนะนำไว้ เผื่อจะเป็นประโยชน์ แก่ครอบครัวลูกอ่อนที่จะไปเที่ยวญี่ปุ่นนะคะ
*ปล. สามารถติดตามเพิ่มเติม ได้ที่เพจเรา
เด็กน้อยซามูไร
(แอบโฆษณานิดนึง)
ขออนุญาตแทนตัวเองว่า วี่ นะคะ
วี่เลือกใช้บริการJAL
JAL คือควมดีงาม
1. อาหารอร่อย มีรูปมาเลย
บางสายการบินจะบอกแค่ "มีไก่กับหมู ค่ะ"
คืออยากรู้ว่า ไก่อะไร หมูอะไร เผ็ดไหม ข้าวหรือสปาเกตตี้ หรืออะไร อาหารไทยหรือญี่ปุ่น
แล้วต้องมานั่งถาม คือแม่ลูกอ่อน ไม่มีเวลาขนาดนั้น 1วินาที มีค่าสำหรับเรา
คือต้องการความเร็ว ง่าย สะดวกสบาย เข้าใจในทันที
JAL ยื่นการ์ด เมนูที่มีรูปถ่ายอาหาร
คุณแค่ มอง ชี้ รับอาหาร และกิน.
2. ที่นั่ง ปรับรับช่วงคอพอดี ไม่ต้องมีหมอนรองคอ
เคยไหมที่ถึงจะมีหมอนรองคอ แม่มก็ไม่รองคอ หามุมไปดิ หามุมไป สรุป เอามือรองคอตัวเองจ้าา
JAL คิดมาให้คุณแล้ว คือเบาะตรงช่วงคอมันจะงุ้มรับคอพอดี การนั่งอุ้มลูกไว้บนตัก 5-6ชม เราควรได้รับสิทธิการงุ้มรับรองคอเราค่ะ ณ จุดนีเ
3.พื้นที่กว้างขวาง ที่นั่งผนังที่ติดเปลเด็กได้
ที่นั่งที่สามารถเอาเปลเด็กมาติดตรงผนังได้ แล้วถ้าได้ริมหน้าต่างคือดี หน้าต่างไม่ใช่แบบประตูชักลง.แต่เป็นปุ่มกดเพิ่มความเข้มของฟิล์ม คือ คุณยังจะสามารถมองเห็นวิวด้านนอก ผ่านฟิล์มสีน้ำเงินที่เข้มขึ้นได้
เคล็ดลับ และ สิ่งที่ต้องเตรียมไปในการเดินทาง มีดต่อไปนี้
1.ให้ลูกวิ่งเล่นให้เต็มที่ ที่สุวรรณภูมิ เริงร่าให้สุด
3.จังหวะเครื่องเริ่มออกตัว ทะยานสู่ท้องฟ้า ให้ยัดนมหรือเต้าแก่ลูก นานจนกว่า สัญญาณสายรัดเข็มขัดจะดังขึ้น การดูดกลืนน้ำลาย จะช่วยให้ลูกไม่เจ็บหู
4.ในเครื่องบินมีแพมเพิสเตรียมให้ก็จริง แต่ควรนำไปเอง เพราะควรใช้ยี่ห้อที่ลูกไม่แพ้ ลูกใส่ได้นานไม่อึดอัด
5.ของเล่น เช่นหนังสือ ยางกัด จุกดูด ไม่ควรเป็นของที่เขย่าแล้วมีเสียงดัง จะรบกวนผู้โดยสารคนอื่น
6.อาหารของเด็ก ถ้าลูกทานอาหารสำเร็จได้ ควรนำไปเผื่อ 2 กล่อง หรือ ถ้าไม่ ควรทำเตรียมเองใส่กล่องไว้ 1 กล่อง.เตรียมกล้วยและขนมปังไปด้วยได้ก็จะดีมาก
ที่พัก
ถ้าเป็นลูกอ่อน คือ0-1ขวบ แนะนำให้เลือกที่พักที่มีขนาดกว้างขวาง ที่พักที่มีสัญญาลักษณ์welcome babyไปเลยจะดีมาก จะอยู่ในระดับ 4-5ดาว
คือ ห้องจะกว้างขวาง สิ่งอำนวยความสะดวก สำหรับเด็กเล็กจะมีครบครัน เช่น ผ้าอ้อมสำเร็จรูป เก้าอี้เด็ก รถเข็นเด็ก พื้นที่สำหรับให้เด็กได้คลาน วิ่งเล่น มีบอกส่วนประกอบในอาหารที่เด็กมักจะแพ้บ่อยๆด้วย (บอกเป็นรูปภาพ)
โรงแรม 3 ดาว ส่วนใหญ่ อาจจะไม่มี สิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับเด็กขนาดนี้ และ 3 ดาวมีห้องที่ค่อนข้างแคบ
ร้านอาหาร
ร้านอาหารญี่ปุ่น บางที่จะมีแค่เคาเตอร์ หรือ บางที่ให้สูบบุหรี่ในร้านด้วย
ดังนั้น จำเป็นที่จะต้องเสิร์ทไปดีๆ คือเคยเข้าไปร้านนึง โต๊ะข้างๆสูบบุหรี่ คือเค้าก็ไม่แคร์เรานะ เพราะตรงนี้ มันอนุญาตให้สูบ จะโวยวายก็ไม่ได้ ต้องทน
แต่ก็ร้านที่welcome baby ที่มีพื้นที่กว้างขวาง คนไม่สูบบุหรี่ จะมีข้อเสียคือ อาหารน่ารัก แต่ไม่อร่อย 555 อันนี้ต้องทำใจ แนะนำให้เน้นร้านที่เป็น private roomดีกว่า อร่อย เป็นส่วนตัว แต่ราคาก็จะสูงตามไปด้วย
หรือ ถ้าใครงบน้อย ราคาถูก เน้นพอกินได้ มีเมนูของเด็กด้วย ก็แนะนำ family restaurant ภาษาญี่ปุ่นแบบย่อเรียก フャミレス fa mi re su ราคาต่อเซตอยู่ที่ 1,000 เยนนิดๆ หรือประมาณ 300 บาท
อันดับ 1 Gusto ภาษาญี่ปุ่นอ่าน กัสสุโตะ เครือเดียวกับskylark ในบ้านเรา
ราคาถูก เมนูหลากหลาย
ออกแนวอาหารอิตาลี สปาเกตตี้ พิซซ่า
Momo paradise หรือ Nabezo ก็ได้ เจ้าของเดียวกัน ราคาประมาณ 2,000เยน
การเช่ารถที่ญี่ปุ่น
ถ้าใครอยากไปเที่ยวขับรถเอง จำเป็นที่จะต้องมี car seat สำหรับเด็ก ในรถด้วย
เพราะเป็นกฏหมายของญี่ปุ่น ถ้ามีเด็กอายุต่ำกว่า 6 ขวบในรถต้องมี baby car seat
สามารถขอเช่าเพิ่มได้ที่ร้านเช่ารถที่คุณติดต่อได้เลย มีหลายร้าน
ราคาเช่า baby car seat อยู่ที่ประมาณ 500-600 เยนต่อวัน
ต่อๆ กัน เรื่องเสื้อผ้า
ช่วงที่ไป คือ ปลายเดือนม.ค. เป็นช่วงหน้าหนาวของญี่ปุ่น และจะเริ่มหนาวพีค คือเดือนกพ.
ความที่ไม่เคยพาลูกไปหน้าหนาวเลย น้องเป็นลูกครึ่งก็จริง แต่คือ เกิดที่ไทย และอาศัยอยู่เวียดนาม
สิ่งที่กลัวมากคือ น้องจะปรับตัวไม่ได้ แต่หลังจากลองผิด ลองถูก อยู่ 2 วันแรกที่ไป
จึงได้ขอสรุปว่า
1.เสื้อผ้าต้องเป็นหลายชั้นที่ถอดง่าย นน.เบา
เพราะคือความเห่อลูก ก็ใส่ชุดหมีขนๆให้ลูก เห็นว่าน่ารักดี และน่าจะกันหนาวได้
ปรากฎ พอเข้าห้าง หรือร้านอาหาร อุ่นมากจ้า ลูกร้อนเหงือแตก พอถอดออกมา ใส่ใหม่ค่อนข้างยาก
เพราะลูกจำล่ะ ว่าอันรี้ร้อน อึดอัด
วันหลังๆจะเป็นแจ็กเกตไป
ชั้นแรก คือ แบบบางๆ กันความหนาว(แต่ไม่ได้มาก) เน้นกันขน เพราะเสื้อผ้าหน้าหนาว บางตัวจะมีขน ลูกอาจคันได้
ชั้น2 คือ เสื้อผ้าเนื้อหนา หรือมีขนด้านในจะดี ช่วยกันหนาวได้ดี
ชั้น 3 เสื้อแจ็คเกต แนะนำ ยูนิโคล ดี เบา ราคาไม่แพง
หรือแบบคลุมทั้งตัวไปเลย ถ้าผ้าบาง ควรมีเสื้อคลุมให้อกและท้องอบอุ่นอีกชั้น
เรื่องห้างสรรพสินค้า
ที่ญี่ปุ่น ถ้าเป็นห้างใหญ่ จะมีที่พักผ่อนสำหรับลูกน้อยอยู่ที่ชั้นแผนกเด็ก
มีที่เปลี่ยนผ้าอ้อม ห้องให้นม เบบี้แชร์ให้นั่งป้อนข้าวลูก ตู้กดกาแฟให้แม่ได้พักผ่อน
ไมโครเวฟอุ่นอาหาร เครื่องชั่งน้ำหนักเด็กทารก น้ำกรอง(ถึงแม้น้ำปกติจะดื่มได้ก็ตาม)
อ่างล้างมือพร้อมน้ำยาทำความสะอาด
ถ้าแม่เหนื่อยๆ กับการหอบลูกช้อป ขอแนะนำให้ไปใช้บริการค่ะ
เตรียมตัวให้พร้อม เดินทางปลอดภัย แลพสนุกกับทริปที่ญี่ปุ่นนะคะ
รัก
วี่