พูดถึงเมืองน่าน ทุกคนนึกถึงอะไรกันบ้างครับ สถานที่เที่ยว ของดีเมืองน่าน วัด ดอย ภูเขา สำหรับผมตอนนี้ผมคงนึกถึง ความอุดมสมบูรณ์ของเมืองน่านที่เคยมี ซึ่งปัจจุบัน แทบจะไม่เหลือเค้าโครงของธรรมชาติอยู่เลย อาจจะมีหลายคนที่ได้เห็นข่าวในโซเซียล เกี่ยวกับปัญหาป่าน่านถูกทำลาย และหลายคนอาจจะสงสัย
ใครกันละที่ทำลาย คนน่านเหรอ หรือคนที่ตัดไม้ทำลายป่า....???
หลากหลายความคิด ซึ่งคนในเมืองต่างก็มองว่า ก็คนน่านนั่นแหละ ทำลายป่าเองโดยการถางป่าเองเพื่อมาทำไร่ข้าวโพด และก็ยึดอาชีพนี้มาตลอด แล้วจะไปโทษใคร แต่...!!! ลองคิดในมุมของคนน่าน ถามว่าคนน่าน อยากทำลายความอุดมสมบูรณ์ของตัวเองไหม คงตอบได้ไม่ยาก ไม่มีใครอยากทำลายความอุดมสมบูรณ์ของบ้านเกิดตัวเองหรอก
แต่เพราะว่า...มันไม่มีทางเลือก เลือกได้ก็คงไม่อยากทำลายธรรมชาติหรอกครับ เพราะธรรมชาติก็ให้ทางเลือกอะไรมากมายกับคนน่าน ไม่ว่าจะเป็นแหล่งน้ำ อาหาร และอีกมากมายที่ได้จากธรรมชาติ
ซึ่งพระครูสุจิณนันทกิจ เจ้าอาวาสวัดโป่งคำ จังหวัดน่าน เล่าว่าจังหวัดน่านมีหลายชนเผ่า บางพื้นที่ก็อาศัยอยู่ตามไหล่เขา โดยเมื่อก่อนก็ปลูกข้าวโพดกันมานานแล้ว แต่ก็ไม่รุกพื้นที่อะไรมาก ปลูกในพื้นที่ของตัวเอง แต่พอรัฐบาลเข้ามา มันจึงเกิดการเปลี่ยนแปลง เพราะการพัฒนาบนฐานด้านเศรษฐกิจที่ชุมชนไม่ได้มีส่วนร่วมในการจัดการการเปลี่ยนแปลง รัฐบาลใช้คำว่าพัฒนาเป็นนโยบาย ซึ่งที่ผ่านมาสิ่งที่เกิดกับคนน่านและคนภาคเหนือ คือ ภัยคุกคาม ภัยคุกคาม สามารถแบ่งออกได้ 3 ด้าน (1) นโยบายของรัฐ (2) นายทุน (3) ความไม่รู้ของประชาชน และนายทุนก็เข้ามาเสนอ ช่วยเหลือตั้งแต่เมล็ดพันธ์ ยาฆ่าแมลง ตลอดจนถึงรับซื้อผลผลิต แรงจูงใจส่งผลให้มีการบุกรุกพื้นที่มากขึ้น เพราะคนมองถึงเศรษฐกิจที่ดีขึ้น เงินที่ได้รับมากขึ้น และ ข้าวโพดก็เป็นพืชที่ปลูกง่ายที่สุด
แต่ถ้าจะพูดกันตรงๆแล้ว เราทุกคนก็ต่างมีส่วนที่ทำลายป่าน่านได้เหมือนกัน บางคนบอก ฉันทำลายตรงไหน ฉันไม่ได้ไปปลูกข้าวโพด ไม่ได้กินข้าวโพด
แต่อย่าลืม..!! เราก็กินเนื้อสัตว์ กินไข่เป็นอาหารเหมือนกันไหม ลองมาดูภาพนี้ อาจจะมองได้ชัดขึ้น
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้CR:ข้อมูล www.schoolofchangemakers.com
เห็นไหมละครับ..? เราต่างก็ทำลายป่าเหมือนกัน แต่เราอาจจะไม่ได้ทำลาย ทางตรง แต่ก็ทำลายในทางอ้อม
อย่าให้การทำลายป่าน่านเป็นแค่ปัญหาของคนน่าน เลยครับ คนเมืองก็ต้องช่วยกันจริงไหมครับ......
CR: รูป Google
เพราะอะไรป่าน่านถึงถูกทำลาย ไม่ใช่เฉพาะคนน่านเท่านั้น ที่ต้องรู้..?
หลากหลายความคิด ซึ่งคนในเมืองต่างก็มองว่า ก็คนน่านนั่นแหละ ทำลายป่าเองโดยการถางป่าเองเพื่อมาทำไร่ข้าวโพด และก็ยึดอาชีพนี้มาตลอด แล้วจะไปโทษใคร แต่...!!! ลองคิดในมุมของคนน่าน ถามว่าคนน่าน อยากทำลายความอุดมสมบูรณ์ของตัวเองไหม คงตอบได้ไม่ยาก ไม่มีใครอยากทำลายความอุดมสมบูรณ์ของบ้านเกิดตัวเองหรอก แต่เพราะว่า...มันไม่มีทางเลือก เลือกได้ก็คงไม่อยากทำลายธรรมชาติหรอกครับ เพราะธรรมชาติก็ให้ทางเลือกอะไรมากมายกับคนน่าน ไม่ว่าจะเป็นแหล่งน้ำ อาหาร และอีกมากมายที่ได้จากธรรมชาติ
ซึ่งพระครูสุจิณนันทกิจ เจ้าอาวาสวัดโป่งคำ จังหวัดน่าน เล่าว่าจังหวัดน่านมีหลายชนเผ่า บางพื้นที่ก็อาศัยอยู่ตามไหล่เขา โดยเมื่อก่อนก็ปลูกข้าวโพดกันมานานแล้ว แต่ก็ไม่รุกพื้นที่อะไรมาก ปลูกในพื้นที่ของตัวเอง แต่พอรัฐบาลเข้ามา มันจึงเกิดการเปลี่ยนแปลง เพราะการพัฒนาบนฐานด้านเศรษฐกิจที่ชุมชนไม่ได้มีส่วนร่วมในการจัดการการเปลี่ยนแปลง รัฐบาลใช้คำว่าพัฒนาเป็นนโยบาย ซึ่งที่ผ่านมาสิ่งที่เกิดกับคนน่านและคนภาคเหนือ คือ ภัยคุกคาม ภัยคุกคาม สามารถแบ่งออกได้ 3 ด้าน (1) นโยบายของรัฐ (2) นายทุน (3) ความไม่รู้ของประชาชน และนายทุนก็เข้ามาเสนอ ช่วยเหลือตั้งแต่เมล็ดพันธ์ ยาฆ่าแมลง ตลอดจนถึงรับซื้อผลผลิต แรงจูงใจส่งผลให้มีการบุกรุกพื้นที่มากขึ้น เพราะคนมองถึงเศรษฐกิจที่ดีขึ้น เงินที่ได้รับมากขึ้น และ ข้าวโพดก็เป็นพืชที่ปลูกง่ายที่สุด
แต่ถ้าจะพูดกันตรงๆแล้ว เราทุกคนก็ต่างมีส่วนที่ทำลายป่าน่านได้เหมือนกัน บางคนบอก ฉันทำลายตรงไหน ฉันไม่ได้ไปปลูกข้าวโพด ไม่ได้กินข้าวโพด แต่อย่าลืม..!! เราก็กินเนื้อสัตว์ กินไข่เป็นอาหารเหมือนกันไหม ลองมาดูภาพนี้ อาจจะมองได้ชัดขึ้น
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เห็นไหมละครับ..? เราต่างก็ทำลายป่าเหมือนกัน แต่เราอาจจะไม่ได้ทำลาย ทางตรง แต่ก็ทำลายในทางอ้อม
อย่าให้การทำลายป่าน่านเป็นแค่ปัญหาของคนน่าน เลยครับ คนเมืองก็ต้องช่วยกันจริงไหมครับ......
CR: รูป Google