คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 27
น้องข้างๆร้านเจ้าของกระทู้เป็นกลุ่มที่เรียกว่ารากหญ้าค่ะ อันนี้ไม่ได้มีเจตนาดูหมิ่นอะไรนะคะ หมายถึงกลุ่มที่มีรายได้ไม่สูงจริงๆ ตามที่เราเคยพบเคยคุยมา วิธีและแนวคิดการเลี้ยงลูกของเค้าลืมมาตรฐานพันทิปไปได้เลยค่ะ
ที่คลอด แพทย์ ใช้บริการสังคมเช่นบัตรทองหรือประกันสังคม หมอที่พบสั่งยาอะไรให้ก็ตามนั้นค่ะ จะแพงหน่อยก็นมผงตอนยังเล็กแค่นั้น
โรงเรียน ใช้ของรัฐบาลก็พอค่ะ แบบที่มีสนับสนุนเยอะๆ เรียนฟรี ไอ้เรื่องแป๊ะเจี๊ยะ สังคมรร.ไหนดี ไหนดังต้องยัดเท่าไหร่ลืมมันไปให้หมดค่ะ ค่าเรียนพิเศษก็ลืมๆมันไปค่ะ ยกเว้นพอมีก็ลงกันไปนิดๆหน่อยๆ
อาหารทานบ้านๆกับพ่อแม่นั่นแหละค่ะ ขนมก็ห่อห้าบาทสิบบาท เงินไปรร.พอค่าข้าวอย่างเดียว เสื้อผ้าถ้าลูกเยอะๆก็ใช้ต่อๆกันได้ มีกันคนละไม่กี่ชุด เจ็บป่วยเล็กน้อยก็สิทธิ์ฟรีหรือซื้อยากินเอง ไม่กี่ตังก์
มีปัญหาอะไรก็ค่อยๆแก้กันไปตามเรื่องตามราว ตามสถานะเงินที่มีตอนนั้นค่ะ
ลูกๆก็ปล่อยเจอสังคมตามสบายค่ะ จะมารับส่งระหว่างเรียนอะไรนี้ไม่มีค่ะ พ่อแม่ก็ทำงานไปลูกก็ปล่อยวิ่งเล่นไปค่ะ
ลักษณะนี้เป็นลักษณะที่ไม่มีการวางแผนอะไรมาตั้งแต่ต้นแล้วค่ะ ดังนั้นมาตราฐานการเลี้ยงเค้าไม่สูง เพียงแค่เลี้ยงโต เข้าเรียนตามมีตามเกิด โตแล้วก็หางานทำเท่าที่ทำได้
พอทิ้งมาตรฐานทั้งหมดไปเงินที่ใช้เลี้ยงเด็กคนนึงจะน้อยลงเยอะคะ แต่ก็เป็นความจริง ว่าพ่อแม่และเด็กเองก็ไม่ได้สบาย และอาจไม่ได้รับการศึกษาที่ดีพอที่จะมีชีวิตที่ดีขึ้นในอนาคต เช่นเด็กไม่สามารถเรียนต่อระดับมหาวิทยาลัยได้เพราะเงินไม่พร้อม แต่ถามว่าเลี้ยงโตมั้ย ยังไงก็โตค่ะ
สรุปตอบคำถามจขกท. การมีลูกที่ว่าลำบากๆนี่คิดไปเองหรือไม่ เราว่ามันขึ้นอยู่กับว่าเราอยากจะเลี้ยงแบบไหนมีมาตรฐานอย่างไรมากกว่า ถ้าเลี้ยงแค่ให้โตคงไม่ลำบากเท่าไหร่ค่ะ
ที่คลอด แพทย์ ใช้บริการสังคมเช่นบัตรทองหรือประกันสังคม หมอที่พบสั่งยาอะไรให้ก็ตามนั้นค่ะ จะแพงหน่อยก็นมผงตอนยังเล็กแค่นั้น
โรงเรียน ใช้ของรัฐบาลก็พอค่ะ แบบที่มีสนับสนุนเยอะๆ เรียนฟรี ไอ้เรื่องแป๊ะเจี๊ยะ สังคมรร.ไหนดี ไหนดังต้องยัดเท่าไหร่ลืมมันไปให้หมดค่ะ ค่าเรียนพิเศษก็ลืมๆมันไปค่ะ ยกเว้นพอมีก็ลงกันไปนิดๆหน่อยๆ
อาหารทานบ้านๆกับพ่อแม่นั่นแหละค่ะ ขนมก็ห่อห้าบาทสิบบาท เงินไปรร.พอค่าข้าวอย่างเดียว เสื้อผ้าถ้าลูกเยอะๆก็ใช้ต่อๆกันได้ มีกันคนละไม่กี่ชุด เจ็บป่วยเล็กน้อยก็สิทธิ์ฟรีหรือซื้อยากินเอง ไม่กี่ตังก์
มีปัญหาอะไรก็ค่อยๆแก้กันไปตามเรื่องตามราว ตามสถานะเงินที่มีตอนนั้นค่ะ
ลูกๆก็ปล่อยเจอสังคมตามสบายค่ะ จะมารับส่งระหว่างเรียนอะไรนี้ไม่มีค่ะ พ่อแม่ก็ทำงานไปลูกก็ปล่อยวิ่งเล่นไปค่ะ
ลักษณะนี้เป็นลักษณะที่ไม่มีการวางแผนอะไรมาตั้งแต่ต้นแล้วค่ะ ดังนั้นมาตราฐานการเลี้ยงเค้าไม่สูง เพียงแค่เลี้ยงโต เข้าเรียนตามมีตามเกิด โตแล้วก็หางานทำเท่าที่ทำได้
พอทิ้งมาตรฐานทั้งหมดไปเงินที่ใช้เลี้ยงเด็กคนนึงจะน้อยลงเยอะคะ แต่ก็เป็นความจริง ว่าพ่อแม่และเด็กเองก็ไม่ได้สบาย และอาจไม่ได้รับการศึกษาที่ดีพอที่จะมีชีวิตที่ดีขึ้นในอนาคต เช่นเด็กไม่สามารถเรียนต่อระดับมหาวิทยาลัยได้เพราะเงินไม่พร้อม แต่ถามว่าเลี้ยงโตมั้ย ยังไงก็โตค่ะ
สรุปตอบคำถามจขกท. การมีลูกที่ว่าลำบากๆนี่คิดไปเองหรือไม่ เราว่ามันขึ้นอยู่กับว่าเราอยากจะเลี้ยงแบบไหนมีมาตรฐานอย่างไรมากกว่า ถ้าเลี้ยงแค่ให้โตคงไม่ลำบากเท่าไหร่ค่ะ
แสดงความคิดเห็น
ในยุคนี้ การจะมีลูกซัก 1-2 คนนี้ เป็นเรื่องที่ต้องคิดและวางแผนให้เยอะๆ <<<< ผมเข้าใจถูกไหมครับ?
ซึ่งมันจะไม่เป็นประเด็นอะไรเลย ถ้าเพราะเค้าไม่พา ลูกๆมาทำงานด้วยเนี่ยแหละ เป็นเด็ก 3 คน วัยแบบกำลังโคตรมหาซน คนเล็กสุดอยู่ในช่วงกำลังฮิตกรี๊ดร้อง วี๊ดๆ อีกคนแหกปากร้องเพลง (เน้นโทนสูงแหลมเท่านั้น) อีกคนคอยชวนเล่นซน วิ่งไปมา ร้องกรี๊ดวี๊ดว้ายกะตู๊วหู๊ว
ยอมรับว่า โคตรรำคาญ แต่ก็นะ เด็กมันก็ต้องซนบ้าง ก็ทนๆกันไป เค้าคงไม่มีใครดูแลลูก กะว่ามีเวลาคงต้องบอกนายจ้างเค้าหน่อย เพราะมันรบกวนคนอื่นเหมือนกัน บางทีผมมีลูกค้า แล้วร้านผมเป็นแนวชิลๆไง มันจะไม่ชิลละ ฮ่าๆ
แต่เมื่อตะกี้ เพิ่งรู้ความจริงมาว่า เค้ามีลูก 8 คน!!!! เขร้ 8 คน ขยันอะไรขนาดนั้นวะ ความสงสัยถาโถมเลยทีนี้ เลี้ยงยังไง? เอาเงินไหนกินข้าว? เสื้อผ้า? ส่งเรียน? อีก 5 คนอยู่ไหน? ค่าจ้างไม่ได้เยอะเลยครอบคลุมครบหมดเหรอ?
ในยุคที่คนจะมีลูกซัก 1-2 คนก็แทบลำบาก คิดวางแผนกันน่าดู แต่ก็ยังมีอีกจำพวกที่แบบมีกี่คน ก็ไม่แคร์ด้วยอ่ะ
ผมเลยนึกสงสัยไงว่า การมีลูกนี้ี่ที่คิดว่า ลำบากๆ นี้เราคิดกันเองใช่เปล่าครับ?