คือเราเป็นคนมีเพื่อนน้อยมาตั้งแต่สมัยมัธยมแล้ว(เพื่อนที่เราไว้ใจจริงๆ) คือถ้าภาพรวมดูเผินๆเราจะดูเป็นคนมีเพื่อนเยอะ คืออารมณ์รู้จักคนเยอะ
พอเราเข้ามหาลัย เราก็มีสังคมใหม่เพิ่มขึ้นมา ตอนปีแรกๆเราเป็นคนที่ร่าเริงและมีน้ำใจกับเพื่อนมากๆ ไม่ว่าเพื่อนจะขอร้องให้ช่วยอะไรเรายินดีช่วยเต็มที่
แต่พอเราหมดประโยชน์แล้ว ก็ไม่ได้พูดคุยอะไรกันมาก เราก็จะอยู่กับแก๊งเพื่อนที่เราสนิทมาตั้งแต่เข้ามาเรียน แล้วก็เป็นธรรมดาที่คนเป็นเพื่อนกันก็จะมีกระทบกระทั่งกันบ้าง เถียงกันเรื่องงาน เรื่องอื่นๆเยอะแยะ ด้วยความเราเป็นคนค่อนข้างพูดจาขวานผ่าซาก พูดจาตรงๆ ก็จะมีเพื่อนหลายคนที่ไม่ชอบเราตรงนี้ เราก็จะเลี่ยงที่จะไม่พูดกับเขา เพราะอาจจะเผลอพูดอะไรไม่เข้าหู สุดท้ายเราเหลือเพื่อนที่จริงใจกับเราจริงๆแค่2-3คน
บางคนเราเคยมาขอร้องให้เราช่วยเรื่องเงินๆทองๆ
บางคนมาปรึกษาเรื่องแฟน เรื่องครอบครัว เรื่องการเรียน คือเราเจอมาทุกรูปแบบ คือเพื่อนทุกคนรับรู้ว่า ถ้าเดือดร้อนอะไร ถ้ามาหาเรา เราจะช่วยเสมอ เราชอบโดนเพื่อนเรียกว่าแม่พระ แต่เวลาเราเดือดร้อนมีปัญหา น้อยคนมากที่จะยื่นมือเข้ามาช่วย เหมือนเราทำบุญกับคนไม่ขึ้น
สุดท้ายเขาก็ไม่ได้นึกถึงเรื่องที่เราเคยช่วย เอาเราไปนินทา ไม่ว่าเราจะทำอะไร ก็ดูไม่เข้าตา ก็เข้าใจอยู่ว่าเขาไม่ชอบเรา
ไม่ชอบก็อย่ามายุ่งกับเราสิ เราคิดแบบนี้ตลอด เราเลยพยายามแยกตัวออกมา คุยแต่กับเพื่อนที่จริงใจและเราไว้ใจจริงๆพอ
ช่วยแค่เพื่อนที่อยากช่วยจริงๆ เลยกลายเป็นว่า เราดูเหมือนเพื่อนไม่ค่อยเล่นด้วย
เคยได้ยินคำถามนี้ไหม ทำไมอยู่คนเดียวละ ทำไมนั่งคนเดียวละ ทำไมกินข้าวคนเดียวละ เพื่อนไม่เล่นด้วยเหรอ
แต่จริงๆแล้วเราเองแหละที่ไม่เล่นกับเพื่อน เพราะเราทำแบบนี้แล้วเราสบายใจ เราปั่นหน้ายิ้มให้ทั้งๆที่ในใจไม่อยากจะยิ้มให้ไม่ได้ มันดูแสแสร้ง
จนมีหลายคนสงสัยว่าเราเป็นอะไร ทำไมเดี๋ยวนี้ไม่ค่อยไปไหนมาไหนกับเพื่อนเหมือนเมื่อก่อน
บอกเลยว่าตอนนี้เราสบายใจในจุดที่เรายืนอยู่ตอนนี้ เราไม่อยากมีความรู้สึกที่ดีกับใครแล้ว เหมือนเราให้ใจเขาไปแล้วเขาเห็นค่า
มีเพื่อนน้อยมันเป็นเรื่องแปลกเหรอ
พอเราเข้ามหาลัย เราก็มีสังคมใหม่เพิ่มขึ้นมา ตอนปีแรกๆเราเป็นคนที่ร่าเริงและมีน้ำใจกับเพื่อนมากๆ ไม่ว่าเพื่อนจะขอร้องให้ช่วยอะไรเรายินดีช่วยเต็มที่
แต่พอเราหมดประโยชน์แล้ว ก็ไม่ได้พูดคุยอะไรกันมาก เราก็จะอยู่กับแก๊งเพื่อนที่เราสนิทมาตั้งแต่เข้ามาเรียน แล้วก็เป็นธรรมดาที่คนเป็นเพื่อนกันก็จะมีกระทบกระทั่งกันบ้าง เถียงกันเรื่องงาน เรื่องอื่นๆเยอะแยะ ด้วยความเราเป็นคนค่อนข้างพูดจาขวานผ่าซาก พูดจาตรงๆ ก็จะมีเพื่อนหลายคนที่ไม่ชอบเราตรงนี้ เราก็จะเลี่ยงที่จะไม่พูดกับเขา เพราะอาจจะเผลอพูดอะไรไม่เข้าหู สุดท้ายเราเหลือเพื่อนที่จริงใจกับเราจริงๆแค่2-3คน
บางคนเราเคยมาขอร้องให้เราช่วยเรื่องเงินๆทองๆ
บางคนมาปรึกษาเรื่องแฟน เรื่องครอบครัว เรื่องการเรียน คือเราเจอมาทุกรูปแบบ คือเพื่อนทุกคนรับรู้ว่า ถ้าเดือดร้อนอะไร ถ้ามาหาเรา เราจะช่วยเสมอ เราชอบโดนเพื่อนเรียกว่าแม่พระ แต่เวลาเราเดือดร้อนมีปัญหา น้อยคนมากที่จะยื่นมือเข้ามาช่วย เหมือนเราทำบุญกับคนไม่ขึ้น
สุดท้ายเขาก็ไม่ได้นึกถึงเรื่องที่เราเคยช่วย เอาเราไปนินทา ไม่ว่าเราจะทำอะไร ก็ดูไม่เข้าตา ก็เข้าใจอยู่ว่าเขาไม่ชอบเรา
ไม่ชอบก็อย่ามายุ่งกับเราสิ เราคิดแบบนี้ตลอด เราเลยพยายามแยกตัวออกมา คุยแต่กับเพื่อนที่จริงใจและเราไว้ใจจริงๆพอ
ช่วยแค่เพื่อนที่อยากช่วยจริงๆ เลยกลายเป็นว่า เราดูเหมือนเพื่อนไม่ค่อยเล่นด้วย
เคยได้ยินคำถามนี้ไหม ทำไมอยู่คนเดียวละ ทำไมนั่งคนเดียวละ ทำไมกินข้าวคนเดียวละ เพื่อนไม่เล่นด้วยเหรอ
แต่จริงๆแล้วเราเองแหละที่ไม่เล่นกับเพื่อน เพราะเราทำแบบนี้แล้วเราสบายใจ เราปั่นหน้ายิ้มให้ทั้งๆที่ในใจไม่อยากจะยิ้มให้ไม่ได้ มันดูแสแสร้ง
จนมีหลายคนสงสัยว่าเราเป็นอะไร ทำไมเดี๋ยวนี้ไม่ค่อยไปไหนมาไหนกับเพื่อนเหมือนเมื่อก่อน
บอกเลยว่าตอนนี้เราสบายใจในจุดที่เรายืนอยู่ตอนนี้ เราไม่อยากมีความรู้สึกที่ดีกับใครแล้ว เหมือนเราให้ใจเขาไปแล้วเขาเห็นค่า