หลังติดตั้ง ระบบ THAAD ที่เกาหลีใต้เสร็จ พร้อมใช้งานทันที จะมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นไหม หลังจากนี้?

กองทัพสหรัฐฯ เผยระบบ THAAD ในเกาหลีใต้ “พร้อมใช้งาน” แล้ว


ระบบป้องกันขีปนาวุธในบรรยากาศชั้นสูง (THAAD) ซึ่งถูกนำไปติดตั้งไว้ที่สนามกอล์ฟเก่าแห่งหนึ่งในเมืองซองจูของเกาหลีใต้ (ภาพถ่ายเมื่อวันที่ 26 เม.ย.)

        เอเอฟพี - ระบบป้องกันขีปนาวุธในบรรยากาศชั้นสูง (Terminal High Altitude Area Defense -THAAD) ที่ถูกส่งเข้าไปติดตั้งในเกาหลีใต้ อยู่ในสภาพ “พร้อมปฏิบัติการ” แล้วในเบื้องต้น กองทัพสหรัฐฯ แถลงเมื่อวานนี้ (1 พ.ค.)
       
       สหรัฐฯ และเกาหลีใต้บรรลุข้อตกลงจัดส่งระบบ THAAD เข้าไปยังคาบสมุทรเกาหลีเมื่อเดือน ก.ค.ปีที่แล้ว หลังจากเกาหลีเหนือเดินหน้าทดสอบขีปนาวุธอย่างต่อเนื่องจนสร้างความวิตกกังวลต่อเพื่อนบ้านในภูมิภาค
       
       กองกำลังสหรัฐฯ ในเกาหลีใต้ระบุว่า ขณะนี้ระบบ THAAD “อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน และมีศักยภาพที่จะยิงสกัดขีปนาวุธของเกาหลีเหนือเพื่อปกป้องสาธารณรัฐเกาหลี”
       
       อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ คนหนึ่งยอมรับกับเอเอฟพีว่า ระบบป้องกันขีปนาวุธตัวนี้ “เพิ่งจะเข้าถึงศักยภาพในการยิงสกัดเบื้องต้น” เท่านั้น
       
       ศักยภาพเบื้องต้นนี้จะได้รับการปรับปรุงเพิ่มเติมในช่วงปลายปี หลังจากที่ชิ้นส่วนฮาร์ดแวร์ถูกส่งมาติดตั้งจนครบถ้วน
       
       การส่งระบบ THAAD เข้าไปยังเกาหลีใต้สร้างความไม่พอใจอย่างยิ่งต่อปักกิ่ง ซึ่งเกรงว่าเรดาร์อันทรงพลังของ THAAD จะบั่นทอนประสิทธิภาพของระบบขีปนาวุธจีน และยังเป็นการก่อกวนดุลอำนาจในภูมิภาค
       
       ระบบ THAAD ซึ่งติดตั้งไว้ที่สนามกอล์ฟเก่าแห่งหนึ่งในเมืองซองจู (Seongju) ของเกาหลีใต้ ถูกออกแบบให้สามารถยิงสกัดและทำลายขีปนาวุธพิสัยใกล้-กลางซึ่งอยู่ในขั้นตอนสุดท้ายของการโจมตี
       
       รัฐบาลจีนเริ่มใช้บทลงโทษทางเศรษฐกิจหลายอย่างต่อเกาหลีใต้เพื่อแก้แค้นเรื่องระบบ THAAD รวมถึงการห้ามบริษัทท่องเที่ยวจีนขายทัวร์ไปเกาหลีใต้
       
       กลุ่มบริษัทค้าปลีกยักษ์ใหญ่ “ล็อตเต้” ซึ่งเคยเป็นเจ้าของสนามกอล์ฟที่ใช้ติดตั้ง THAAD ก็ถูกปักกิ่งเล่นงานอย่างหนัก โดยเวลานี้ห้างสรรพสินค้าล็อตเต้ในจีนถูกสั่งปิดไปแล้ว 85 สาขาจากทั้งหมด 99 สาขา ส่วนค่ายรถยนต์แดนโสม “ฮุนได มอเตอร์” ก็ยอมรับว่า ยอดขายรถในจีนตกลงอย่างฮวบฮาบ
       
       การติดตั้ง THAAD มีขึ้นท่ามกลางสถานการณ์บนคาบสมุทรเกาหลีที่ตึงเครียดอย่างหนักจากการยิงทดสอบขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ ขณะที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ก็เตือนว่า การใช้ปฏิบัติการทางทหารตอบโต้โสมแดงเป็นตัวเลือกหนึ่งที่ “แบอยู่บนโต๊ะ”
       
       อย่างไรก็ดี ทรัมป์ ได้สร้างความตกตะลึงต่อรัฐบาลโซลด้วยการเรียกร้องให้เกาหลีใต้จ่ายเงินค่าติดตั้งระบบ THAAD ถึง 1,000 ล้านดอลลาร์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
       
       “ผมได้แจ้งรัฐบาลเกาหลีใต้ไปแล้วว่า ถ้าพวกเขาจ่ายเงินก็จะเป็นการเหมาะสม ราคาอยู่ที่ 1,000 ล้านดอลลาร์”
       
       “มันเป็นระบบที่ยอดเยี่ยม สามารถยิงทำลายขีปนาวุธในอากาศได้เชียวนะ”
       
       โซลแย้งว่า ภายใต้ข้อตกลงกำกับภารกิจของทหารอเมริกันในเกาหลีใต้ (Status of Forces Agreement) รัฐบาลเกาหลีใต้มีหน้าที่จัดหาสถานที่ติดตั้ง THAAD รวมถึงโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ที่จำเป็น ส่วนสหรัฐฯ จะต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการขนส่งและใช้งาน
       
       เมื่อวันอาทิตย์ (30 เม.ย.) สำนักประธานาธิบดีเกาหลีใต้แถลงว่า ได้รับการยืนยันจากเอช. อาร์. แม็กมาสเตอร์ ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ ว่า อเมริกาจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายดังกล่าวเอง ทว่าในวันเดียวกัน แม็กมาสเตอร์ กลับกล่าวผ่านฟอกซ์นิวส์ว่า สิ่งสุดท้ายที่เขาจะทำก็คือโต้แย้งกับ ทรัมป์ และยังสำทับว่าจะมีการเจรจาใหม่เรื่องความสัมพันธ์เกี่ยวกับ THAAD และความสัมพันธ์ด้านกลาโหมกับประเทศพันธมิตรทั้งหมด
       
       โทมัส คาราโก ผู้อำนวยการโครงการป้องกันขีปนาวุธจากศูนย์เพื่อยุทธศาสตร์และระหว่างประเทศศึกษา (CSIS) ชี้ว่า การติดตั้งระบบ THAAD เพียงหมู่เดียวยังไม่มีประสิทธิภาพครอบคลุมดินแดนเกาหลีใต้ทั้งหมด ทว่าก็เป็นก้าวแรกที่สำคัญ
       
       “นี่ไม่ใช่การป้องกันอย่างสมบูรณ์แบบ หากแต่เป็นการซื้อเวลา และเพิ่มความน่าเชื่อถือให้แก่มาตรการป้องปรามโดยรวม” คาราโก บอกกับเอเอฟพี
       
       ล่าสุดเมื่อวานนี้ (1) ประธานาธิบดีทรัมป์ ได้สร้างความตกตะลึงอีกครั้ง ด้วยการประกาศว่าพร้อมจะพบกับผู้นำคิม จองอึน ภายใต้เงื่อนไขที่เหมาะสม
       
       “ถ้าผมควรที่จะพบเขา ผมก็จะไปพบแน่นอน และรู้สึกเป็นเกียรติที่จะได้ทำเช่นนั้น” ทรัมป์ ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวบลูมเบิร์ก

http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9600000044099
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่