แม่บ้านเฮ!! ..กบง. ปรับลดราคา lpg ลง 0.47 บาท/กก. ขายปลีกลด 7 บาท/ถัง มีผล 2 พ.ค.นี้

กระทู้ข่าว


นายทวารัฐ สูตะบุตร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) และโฆษกกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) เมื่อวันที่ 1 พ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งมี พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ รมว.พลังงาน เป็นประธาน ได้พิจารณาโครงสร้างราคาก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) เดือน พ.ค.2560 โดยสถานการณ์ราคาก๊าซแอลพีจี ตลาดโลก (CP) เดือน พ.ค.2560 ปรับตัวลดลงจากเดือนก่อน 72.50 เหรียญสหรัฐฯ/ตัน มาอยู่ที่ระดับ 387.50 เหรียญสหรัฐฯ/ตัน ประกอบกับอัตราแลกเปลี่ยนเฉลี่ยเดือน เม.ย.2560 แข็งค่าขึ้นจากเดือนก่อน 0.4546 บาท/เหรียญสหรัฐฯ มาอยู่ที่ 34.6130 บาท/เหรียญสหรัฐฯ ส่งผลให้ราคา ณ โรงกลั่นที่อ้างอิงราคานำเข้า (Import Parity) ซึ่งเป็นราคาซื้อตั้งต้นก๊าซแอลพีจี ปรับลดลง 2.5630 บาท/กิโลกรัม (กก.) จาก 17.6648 บาท เป็น 15.1018 บาท/กก.

‘ดังนั้น เพื่อให้ราคาสะท้อนต้นทุน และลดภาระค่าครองชีพของประชาชน ที่ประชุม กบง. จึงมีมติเห็นควรให้ปรับลดราคาขายปลีกก๊าซแอลพีจี เดือน พ.ค.2560 ลง 0.47 บาท/กก. จากเดิม 20.96 บาท/กก. เหลือ 20.49 บาท/กก. ส่งผลให้ราคาขายปลีกก๊าซแอลพีจี ขนาด 15 กก. ลดลง 7 บาท/ถัง โดยการลดราคาดังกล่าวเป็นการลดราคาต่ำสุดในรอบ 14 เดือน หลังจากที่ผ่านมามีการขึ้นและคงราคาอย่างต่อเนื่อง มีการขึ้นราคาครั้งล่าสุดเมื่อเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา ซึ่งราคาดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 2 พ.ค.2560 เป็นต้นไป’ นายทวารัฐ กล่าว

ทั้งนี้ ที่ประชุม กบง.ได้ปรับลดอัตราเงินชดเชยจากกองทุนน้ำมันลง 2.12 บาท/กก. ทำให้มีเงินชดเชยอยู่ที่ 1.59 บาท/กก. จากเดิมชดเชยอยู่ที่ 3.71 บาท/กก. ผลจากการปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันดังกล่าว ส่งผลให้มีรายรับและรายจ่ายสุทธิเป็นศูนย์ โดยฐานะสุทธิของกองทุน ณ วันที่ 30 เม.ย.2560 อยู่ที่ 4 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นบัญชีของก๊าซแอลพีจีอยู่ที่ 6,422 ล้านบาท และบัญชีของน้ำมันสำเร็จรูปอยู่ที่ 3.35 หมื่นล้านบาท

ส่วนแนวโน้มราคาแอลพีจีเดือนถัดไป กบง.ประเมินว่ายังอยู่ในช่วงขาลง เนื่องจากได้ผ่านพ้นช่วงฤดูหนาวของประเทศแถบตะวันตกไปแล้ว ซึ่งโดยปกติราคาแอลพีจีตลาดโลกจะอยู่ในช่วงต่ำสุดช่วงเดียวกันหรือประมาณไตรมาส 2-3 และจะปรับขึ้นอีกครั้งในช่วงไตรมาส 4 หรือช่วงเดือน ก.ย.-ต.ค.ของทุกปี

สำหรับแนวโน้มราคาน้ำมันในตลาดโลกในระยะต่อไปนั้น กบง.ได้มีการติดตามสถานการณ์ความไม่สงบในคาบสมุทรเกาหลีอย่างใกล้ชิด เนื่องจากเป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อราคาน้ำมันในตลาดโลกอย่างเห็นได้ชัด เห็นได้จากความไม่สงบของสถานการณ์ที่ตึงเครียดในช่วง 2 สัปดาห์ก่อนหน้านี้ ทำให้ราคาน้ำมันดิบตลาดดูไบปรับตัวขึ้นไปอยู่ที่ 57-58 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ราคาตลาดดูไบปรับขึ้นไปสูงกว่าตลาดเบรนต์ แต่หลังจากความตึงเครียดผ่อนคลายลง ราคาก็ปรับลดลงมาอยู่ที่ระดับต่ำกว่า 50 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล อย่างไรก็ดี ยังคงมีความเสี่ยงจากความไม่สงบในคาบสมุทรเกาหลี จะกลับมาตึงเครียดได้อีก ประกอบกับสหรัฐยังมีการผลิตน้ำมันจากชั้นหินดินดานออกมาต่อเนื่อง ขณะที่กลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันส่งออก (โอเปก) ยังเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ของโลก ล้วนเป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบทิศทางราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก เบื้องต้น กบง. จึงยังไม่มีการทบทวนประมาณการณ์ราคาน้ำมันปีนี้ใหม่ โดยยังคงกรอบราคาน้ำมันปีนี้ไว้ในระดับเดิมที่คาดอยู่ที่ 50-55 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล

http://www.naewna.com/business/268159
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่