A+++++++++++++ ไปดูเถิด แนะนำ
ออกตัวล่วงหน้าว่าการรีวิวเรื่องนี้ทำได้ยากมาก
ด้วยที่รู้ตัวดีกว่าความสามารถทางภาษาของเรา
ไม่มีวันที่จะพรรณาความงดงามของหนังเรื่องนี้ออกมาได้แม้ซักเสี้ยวหนึ่ง
แต่ก็ยังอยากเขียนอยู่ดี
"เพราะเจ้าของระเหยกลายเป็นไอ โรงอาบน้ำจึงไม่สามารถให้บริการได้ชั่วคราว"
เรื่องราวเริ่มต้นในแบบนี้
เมื่อฟุบาตะต้องกลายแม่เลี้ยงเดี่ยวอยู่กับลูกสาวเพียงสองคนเพราะสามีหายตัวไป
ชีวิตของสองแม่ลูกแม้จะมีปัญหาอยู่บ้าง แต่ก็ดำเนินไปด้วยดี
แต่ปัญหามาเริ่มเอาตอนที่ฟุบาตะมารู้ว่าเป็นมะเร็งระยะสุดท้ายและมีชีวิตเหลืออยู่เพียง 2 เดือน
เธอจึงตัดสินใจทำภารกิจสุดท้ายของชีวิต นั่นคือตามหาสามีให้กลับมาดูแลลูกๆ ฟื้นฟูกิจการโรงอาบน้ำ
ทำให้อาซึมิลูกสาวที่โดนแกล้งที่โรงเรียนเป็นประจำเติบโตอย่างเข้มแข็ง
และที่สำคัญคือการทำให้ทุกชีวิตยังคงเดินต่อไปได้ ในวันที่เธอต้องจากไป
น้ำตาไหลไม่ต่ำกว่า 6-7 รอบ
คิดดูเอาเถิด เรื่องนี้ทำให้ศักดิ์ศรีที่มีต่อน้ำตาลูกผู้ชายนั้นมลายหายไปสิ้น
จะว่าเศร้านั้นมันก็แสนเศร้า จะว่าซึ้งก็สุดซึ้งถึงก้นแห่งความรู้สึก
เป็นความโศกซึ่งที่บีบหัวใจให้คล้ำหม่นไปด้วยความเศร้า แต่ทว่าก็กระโดดโลดเต้นด้วยความสุขไปพร้อมๆ กัน
ชีวิตผู้คนก็เป็นเช่นนี้
ในทุกๆ ความเศร้าที่ก้าวผ่าน มีความรู้สึกประหลาดที่ทำให้หัวใจพองโตรอเราอยู่เสมอ
เป็นทั้งน้ำตาแห่งความเศร้าและน้ำตาแห่งความสุขในหยดเดียวกัน ยิ่งมีมุกตลกแทรกเข้ามาในจังหวะจะโคนที่ลงตัว
ทำให้เป็นหนังที่รสชาติกลมกล่อมราวกับชาบูญี่ปุ่นสูตรดั้งเดิม
เป็นความเศร้าที่แสนงดงาม
ความตายน่ากลัวไหม?
น่ากลัวสิ เราว่าใครๆ ต่างก็คงกลัวความตายกันทั้งนั้น
แต่สิ่งที่น่ากลัวกว่าความตาย อาจเป็นการมีชีวิตโดยปราศจากความหมาย เหมือนกับที่ฟุบาตะว่าไว้
"ฉันไม่อยากเสียความหมายของการมีชีวิตอยู่ เพียงเพื่อต่อชีวิตอันแสนสั้นนี้หรอก"
ก่อนความตายจะเข้ามาโอบกอด ก่อนที่เราจะสัมผัสกับห้วงสุดท้ายแห่งชีวิต
คำถามคือก่อนลมหายใจสุดท้ายมาถึง เราใช้ชีวิตอย่างมีความหมายมากแค่ไหน
ไม่ใช่แค่ความหมายต่อตัวเอง แต่หมายรวมถึงความหมายที่มีต่อผู้อื่น
สารภาพตามตรงว่าไม่ชอบชื่อภาษาไทยที่ทางผู้นำเข้าคิดมาเลย
ส่วนตัวอยากจะตั้งชื่อภาษาไทยเรื่องนี้ว่า
"จะโอบอุ้มพวกเธอด้วยไออุ่นแห่งรัก จนกว่าลมหายใจสุดท้ายจะมาถึง"
มันเสี่ยวเนอะ ยอมรับ
แต่แกนหลักที่ขับเคลื่อนทุกชีวิตที่ปวดร้าวในหนังเรื่องนี้ไม่ใช่อะไรอื่น
แต่เป็นความรักและความปรารถนาดีที่มนุษย์มีต่อมนุษย์
เป็นความรักที่ช่วยโอบอุ้มผู้คนขึ้นมาจากหุบเหวอันมืดมิด
ตัวละครทุกตัวในเรื่องต่างมีเงื่อนปมในหัวใจที่โดนใครบางคนมาผูกไว้
แต่ปมทั้งหลายก็ถูกคลี่คลายด้วยมือแห่งรักของฟุบาตะเอง
เป็นหนังที่ว่าด้วยการรับมือกับความตาย ด้วยความรักและความหวังดีที่มีต่อผู้อื่น
หากพวกเธอกำลังเฝ้าถามถึงความหมายของความรักและความหมายแห่งชีวิต
หากพวกเธออยากเติมพลังชีวิตและจิตวิญญาณที่สึกหรอจากการใช้ชีวิตในปัจจุบัน
ขอรับรองด้วยเกียรติของลูกผู้ชายที่เสียน้ำตา
ว่าหนังเรื่องนี้จะมอบอะไรบางอย่างให้กับเธอ
ปล่าวหรอก หนังเรื่องนี้ไม่มีคำตอบสำเร็จรูปอะไรแบบนั้นรออยู่หรอก
แต่คำตอบของคำถามเหล่านั้น
มันอาจจะผุดขึ้นมาจากก้นบึงหัวใจของพวกเธอหลังจากที่เรื่องนี้จบลง
แล้วเรื่องราวจบลงตรงที่
"แม้เจ้าของจะระเหยกลายเป็นไอ...
แต่โรงอาบน้ำและทุกชีวิตยังคงดำเนินต่อไปด้วยพลังแห่งไอรักนั้น"
-------
เขียนรีวิวเสร็จแล้วอ่านย้อนอยู่หลายรอบ
ก็พบว่าไม่สามารถบรรยายความรู้สึกตอนดูหนังออกมาได้หมดจริงๆ
เป็นหนังที่เศร้าที่สุดที่ได้ดูในรอบหลายปี
แต่ทว่าก็เป็นหนังที่งดงามที่สุดเรื่องหนึ่งที่เคยดูเช่นกัน
[Review] Her Love Boils Bathwaater, 60 วันเราจะมีกันตลอดไป A+++
ออกตัวล่วงหน้าว่าการรีวิวเรื่องนี้ทำได้ยากมาก
ด้วยที่รู้ตัวดีกว่าความสามารถทางภาษาของเรา
ไม่มีวันที่จะพรรณาความงดงามของหนังเรื่องนี้ออกมาได้แม้ซักเสี้ยวหนึ่ง
แต่ก็ยังอยากเขียนอยู่ดี
"เพราะเจ้าของระเหยกลายเป็นไอ โรงอาบน้ำจึงไม่สามารถให้บริการได้ชั่วคราว"
เรื่องราวเริ่มต้นในแบบนี้
เมื่อฟุบาตะต้องกลายแม่เลี้ยงเดี่ยวอยู่กับลูกสาวเพียงสองคนเพราะสามีหายตัวไป
ชีวิตของสองแม่ลูกแม้จะมีปัญหาอยู่บ้าง แต่ก็ดำเนินไปด้วยดี
แต่ปัญหามาเริ่มเอาตอนที่ฟุบาตะมารู้ว่าเป็นมะเร็งระยะสุดท้ายและมีชีวิตเหลืออยู่เพียง 2 เดือน
เธอจึงตัดสินใจทำภารกิจสุดท้ายของชีวิต นั่นคือตามหาสามีให้กลับมาดูแลลูกๆ ฟื้นฟูกิจการโรงอาบน้ำ
ทำให้อาซึมิลูกสาวที่โดนแกล้งที่โรงเรียนเป็นประจำเติบโตอย่างเข้มแข็ง
และที่สำคัญคือการทำให้ทุกชีวิตยังคงเดินต่อไปได้ ในวันที่เธอต้องจากไป
น้ำตาไหลไม่ต่ำกว่า 6-7 รอบ
คิดดูเอาเถิด เรื่องนี้ทำให้ศักดิ์ศรีที่มีต่อน้ำตาลูกผู้ชายนั้นมลายหายไปสิ้น
จะว่าเศร้านั้นมันก็แสนเศร้า จะว่าซึ้งก็สุดซึ้งถึงก้นแห่งความรู้สึก
เป็นความโศกซึ่งที่บีบหัวใจให้คล้ำหม่นไปด้วยความเศร้า แต่ทว่าก็กระโดดโลดเต้นด้วยความสุขไปพร้อมๆ กัน
ชีวิตผู้คนก็เป็นเช่นนี้
ในทุกๆ ความเศร้าที่ก้าวผ่าน มีความรู้สึกประหลาดที่ทำให้หัวใจพองโตรอเราอยู่เสมอ
เป็นทั้งน้ำตาแห่งความเศร้าและน้ำตาแห่งความสุขในหยดเดียวกัน ยิ่งมีมุกตลกแทรกเข้ามาในจังหวะจะโคนที่ลงตัว
ทำให้เป็นหนังที่รสชาติกลมกล่อมราวกับชาบูญี่ปุ่นสูตรดั้งเดิม
เป็นความเศร้าที่แสนงดงาม
ความตายน่ากลัวไหม?
น่ากลัวสิ เราว่าใครๆ ต่างก็คงกลัวความตายกันทั้งนั้น
แต่สิ่งที่น่ากลัวกว่าความตาย อาจเป็นการมีชีวิตโดยปราศจากความหมาย เหมือนกับที่ฟุบาตะว่าไว้
"ฉันไม่อยากเสียความหมายของการมีชีวิตอยู่ เพียงเพื่อต่อชีวิตอันแสนสั้นนี้หรอก"
ก่อนความตายจะเข้ามาโอบกอด ก่อนที่เราจะสัมผัสกับห้วงสุดท้ายแห่งชีวิต
คำถามคือก่อนลมหายใจสุดท้ายมาถึง เราใช้ชีวิตอย่างมีความหมายมากแค่ไหน
ไม่ใช่แค่ความหมายต่อตัวเอง แต่หมายรวมถึงความหมายที่มีต่อผู้อื่น
สารภาพตามตรงว่าไม่ชอบชื่อภาษาไทยที่ทางผู้นำเข้าคิดมาเลย
ส่วนตัวอยากจะตั้งชื่อภาษาไทยเรื่องนี้ว่า
"จะโอบอุ้มพวกเธอด้วยไออุ่นแห่งรัก จนกว่าลมหายใจสุดท้ายจะมาถึง"
มันเสี่ยวเนอะ ยอมรับ
แต่แกนหลักที่ขับเคลื่อนทุกชีวิตที่ปวดร้าวในหนังเรื่องนี้ไม่ใช่อะไรอื่น
แต่เป็นความรักและความปรารถนาดีที่มนุษย์มีต่อมนุษย์
เป็นความรักที่ช่วยโอบอุ้มผู้คนขึ้นมาจากหุบเหวอันมืดมิด
ตัวละครทุกตัวในเรื่องต่างมีเงื่อนปมในหัวใจที่โดนใครบางคนมาผูกไว้
แต่ปมทั้งหลายก็ถูกคลี่คลายด้วยมือแห่งรักของฟุบาตะเอง
เป็นหนังที่ว่าด้วยการรับมือกับความตาย ด้วยความรักและความหวังดีที่มีต่อผู้อื่น
หากพวกเธอกำลังเฝ้าถามถึงความหมายของความรักและความหมายแห่งชีวิต
หากพวกเธออยากเติมพลังชีวิตและจิตวิญญาณที่สึกหรอจากการใช้ชีวิตในปัจจุบัน
ขอรับรองด้วยเกียรติของลูกผู้ชายที่เสียน้ำตา
ว่าหนังเรื่องนี้จะมอบอะไรบางอย่างให้กับเธอ
ปล่าวหรอก หนังเรื่องนี้ไม่มีคำตอบสำเร็จรูปอะไรแบบนั้นรออยู่หรอก
แต่คำตอบของคำถามเหล่านั้น
มันอาจจะผุดขึ้นมาจากก้นบึงหัวใจของพวกเธอหลังจากที่เรื่องนี้จบลง
แล้วเรื่องราวจบลงตรงที่
"แม้เจ้าของจะระเหยกลายเป็นไอ...
แต่โรงอาบน้ำและทุกชีวิตยังคงดำเนินต่อไปด้วยพลังแห่งไอรักนั้น"
-------
เขียนรีวิวเสร็จแล้วอ่านย้อนอยู่หลายรอบ
ก็พบว่าไม่สามารถบรรยายความรู้สึกตอนดูหนังออกมาได้หมดจริงๆ
เป็นหนังที่เศร้าที่สุดที่ได้ดูในรอบหลายปี
แต่ทว่าก็เป็นหนังที่งดงามที่สุดเรื่องหนึ่งที่เคยดูเช่นกัน