สวัสดีค่ะ
เมื่อสงกรานต์ที่ผ่านมาไปเลห์ ลาดักห์ มาค่ะ ไปเที่ยวมาหลายที่แต่ไม่เคยได้รีวิวเลยเพราะขี้เกียจ ถ้าได้อ่านกระทู้นี้แปลว่าได้ทำกระทู้รีวิวท่องเที่ยวอันแรกสำเร็จแล้วค่ะ เย้ รออะไร ปรบมือสิคะ
คำเตือน ทริปนี้ไม่เน้นถูกที่สุด แต่ก็ไม่เอาแบบแพงนะ เราไม่เน้นสบาย แต่ลำบากเกินไปก็ไม่เอาเหมือนกัน เพราะฉะนั้นกระทู้นี้จะเน้นแบบเดินทางสายกลางนะคะ ปนๆกันไป
**ขอแก้ไข ฝากเพิ่มเติม video การท่องเที่ยวครั้งนี้ ฝีมือเพื่อนเราค่ะ ตอนนี้ไม่เซนเซอร์หน้าละ ได้รับอนุญาตให้ลงได้
https://www.facebook.com/youngerpersona/videos/1944404029114543/

จุดเริ่มต้นของทริปนี้เกิดขึ้นเมื่อสองปีก่อนเคยมีเพื่อนๆมาชวนกันไป เลห์ ลาดักห์ ทำให้เรารู้จักสถานที่ท่องเที่ยวนี้ เพราะพอเพื่อนชวนเราก็ไปกูเกิล ก็เออ สวยเนาะ อยากไปจัง แต่ตอนนั้นก็ไม่ได้ไป ติดงาน เงิน เวลา หลายๆอย่างเลยไม่ได้ไป และคนชวนเองก็ไม่ได้ไปเช่นกัน
อีกครั้งเมื่อกันยาปีที่แล้ว ก็มีเพื่อนไลน์มา บอกว่า กุมาชวนเที่ยว ไปอินเดียเหนือนะ บลาๆๆ นัดกันดิบดีแล้วเธอก็ล่มฉัน บอกว่าเธอจะเก็บตังค์ … เลห์ ลาดักห์ เลยติดอยู่ในใจเป็นสถานที่ที่จะไปก็ไม่ได้ไปสักที
จนเมื่อต้นปีที่ผ่านมาหาทริปสงกรานต์ค่ะ พนักงานออฟฟิศอย่างเราจะลายาวๆได้ไม่เดือดร้อนมาก ก็วันหยุดก็ช่วงสงกรานต์นี่แหละ เลยหาแนวร่วม เริ่มทำการไลน์ไปหาเพื่อนที่คิดว่าน่าจะไปกับเราได้ สงกรานต์ไปเลห์กัน ขอแบบไม่ล่มนะ 2 คนก็ไปนะ(จริงๆอยากไปหลายคนนะ แต่ความสะดวกที่ตรงกันของคนทำงานนี่ยากจริงๆ) เพื่อนโอเค เราโอเค ชวนเพื่อนผู้ชายไปได้อีกคนนึง ในที่สุดทริปนี้จึงบังเกิดขึ้น
ตั๋วเครื่องบิน
ทุกทริปของเราจะเริ่มต้นเมื่อเรามีตั๋ว เราจึงทำการเช็คราคาตั๋วจาก skyscanner หาเล่นๆอยู่ประมาณเดือนนึง ก็ได้ตั๋วของ Air India ในราคาที่พอใจแล้ว ไปกลับ รวมประมาณ 13,000 {BKK-DEL-LEH ,LEH-DEL-BKK} ซึ่งตั๋วนี้เรามีเวลาเที่ยวเดลี อยู่ประมาณครึ่งวัน เราจึงจัดการจองเลยค่ะ
โรงแรม
พอมีตั๋วเราก็เริ่มดูโรงแรม 1 คืนที่เดลี เราตัดสินใจนอนใกล้ Airport เพื่อจะได้ชัวร์ว่าไม่มีปัญหาในการไปขึ้นเครื่องในเช้ามืดวันรุ่งขึ้น แต่ก็มีอยู่ดี 555 เรานอนที่
Airport Hotel Park Blue
ส่วนที่เลห์ เราเลือกห้องที่นอนได้ 3คน เช็คกับ booking.com เลยจองที่ Yarab Tso ไป 5คืน เป็นโรงแรมใหม่ในเลห์ ตอนที่ดูไม่มีริวิวใน booking.comเลย เกิดความกลัวนิดๆ แต่รูปที่พักมันสวย แล้วพอเสิร์ชgoogle mapแล้วจากโรงแรมสามารถเดินไปLeh main market ได้ สายชอบเดินตลาดอย่างเราเลยโอเคกับจุดนี้เลยจองไป แต่จริงๆโรงแรมนี้มีสาขาที่Nubra Valley ซึ่งเปิดมานานแล้ว ซึ่งเราก็ได้ไปพักอยู่ 1คืน เจ้าของที่ดูแลทั้งสองที่ก็เป็นพี่น้องกันนี่แหละ
พอจองไปแล้วเราก็พึ่งมารุ้ว่าที่โรงแรม มีFREE AIRPORT PICK UP เลย whatsapp ไปขอใช้บริการสักหน่อยซึ่งเจ้าของชื่อ stanzin ก็ใจดีมาก ใครไม่รู้จะพักที่ไหนในเลห์ แล้วมองหาที่พักเห็นวิวภูเขาสวยงามตลอดเวลา มีอาหารเช้าฟรี รับส่งสนามบินฟรี หารถให้ จัดทัวร์ให้ เจ้าของใจดี ดูแลเหมือนเราเป็นญาติ แถมพนักงานก็น่ารัก ก็แนะนำที่นี่นะ ติดต่อตามด้านล่างเลย หรือ สงสัยอะไรสอบถามเรามาหลังไมค์ได้เลย
stanzin Namgyal
+91 9419977423
+91 9622820661

วิวจากห้องพัก คือนอนมองได้เลย
การทำวีซ่า
เราไปทำก่อนเดินทาง ประมาณเดือนกว่าๆ ยื่นเสร็จประมาณ3วัน ก็ไปรับเล่มได้แล้ว เราก็หาข้อมูลจากในเน็ตนี่แหละ แล้วก็ไปทำเองที่ ศูนย์รับยื่นวีซ่าอินเดีย
IVS Global Southeast Asia Co., Ltd. อาคาร P.S Tower อยู่แถวอโศกมนตรี เลยแกรมมี่ไปหน่อยนึง
เอกสารที่เราเตรียมไปก็มี
1. แบบฟอร์มที่กรอกข้อมูลแล้ว Print ออกมา ไปกรอกที่เว็บไซต์นี้
https://indianvisaonline.gov.in/visa/info1.jsp
2. Passport มีอายุเหลือเกิน6 เดือน เหลือหน้าว่างอย่างน้อย 2หน้า
3. รูปถ่ายสีพื้นขาว ขนาด 2 นิ้ว x 2 นิ้ว อายุไม่เกิน 3เดือน จำนวน 2 ใบ
4. สำเนาหน้าPASSPORT จำนวน 2 ชุด
5. สำเนาบัตรประชาชน จำนวน 1 ชุด
6. ใบจองตั๋วเครื่องบิน
7. ใบจองโรงแรมตลอดการเดินทาง
8. แผนการท่องเที่ยว
ค่าวีซ่าตอนที่เราทำเบ็ดเสร็จอยู่ที่ 1,700 กว่าบาท แต่ล่าสุดเห็นขึ้นค่าวีซ่าเป็น 4,100บาทแล้วนะ ก่อนจะไปยื่นลองเช็คดูรายละเอียดทั้งหมดที่เว็บไซต์สถานฑูตก่อนนะ มีรายละเอียดเอกสารและค่าวีซ่าบอกตามลิงค์นี้
http://www.indianembassy.in.th/pages.php?id=34
หรือมีข้อสงสัยอื่นๆลองโทรไปสอบถามดูที่ศูนย์รับยื่นวีซ่าอินเดีย เบอร์ 02 258 0684 -5
สิ่งที่ควรเตรียมตัวไป
1.เนื่องจากเลห์เป็นที่สูงจากน้ำทะเลมาก เราควรกินยา Diamox ไว้ก่อนล่วงหน้าประมาณ2วันเพื่อป้องกันอาการAMS ใครจะไปก็ลองศึกษาดู ถามแพทย์หรือเภสัชกรในรายละเอียดดูนะ แล้วก็ควรเตรียมยาพื้นฐานอื่นๆไปเผื่อกันไว้ฉุกเฉิน
2. ขึ้นชื่อว่าไปอินเดีย ใครคิดว่าไม่น่าจะเจริญอาหารอินเดีย ก็เตรียมอาหารกึ่งสำเร็จรูปหรือขนมไปก็จะดีนะ
3. ทิชชู่เปียก ทิชชู่แห้งก็เตรียมเอาไปก็ดีเพราะต้องมีการเข้าห้องน้ำระหว่างเดินทาง
4. ครีมที่ให้ความชุ่มชื้นแบบหนักๆเลย เพราะอากาศจะแห้งมากๆอาการหน้าแห้ง ผิวแห้งจะมาเลย แม้คุณจะเป็นคนผิวมันมากก็ตาม
นี่คือทริปเที่ยวจริงของเรา หลังจากเปลี่ยนแล้วเปลี่ยนอีก เปลี่ยนแม้กระทั่งตอนไปถึงอินเดียแล้ว
13/04/2017 : ถึงเดลีประมาณเที่ยง เอากระเป๋าเก็บโรงแรม ออกเที่ยวในเดลี มี Chandni Chowk market , Red Fort, India Gate
14/04/2017: วันร้ายๆที่ตกเครื่อง เลยนอนโง่ๆอยูในโรงแรม เพราะเกลียดเสียงแตรรถ อากาศ40องศา และการต่อรองราคาแท็กซี่ของอินเดีย
ตอนค่ำๆจึงเดินสำรวจวิถีอินเดียรอบๆโรงแรม ก็แปลกไปอีกแบบ
15/04/2017: เครื่องจะมาถึงเลห์ประมาณ9โมงเช้า วางทริปของวันพรุ่งนี้ ให้โรงแรมไปทำpass ไปpangongให้ นอนพักสามสี่ชั่วโมง
เเละเดิน Leh Main Market
16/04/2017: ออกเดินทาง 8โมงเช้า ไป Pangong จากนั้นไปนอนที่ Nubra Valley 1คืน
17/04/2017: ออกจากเดินทาง 8 โมงเช้า เที่ยวรอบๆ Nubra Valley
ไปบ่อน้ำร้อนที่ Hot Springs
ไป Samstanling Monastery
ไปDiskit Monastery
ไปขี่อูฐที่ทะเลทราย
กลับเลห์
18/04/2017: ไปเที่ยวรอบๆเลห์
19/04/2017: กลับ ไฟล์ท11โมง
เตรียมตัวคร่าวๆก็ประมาณนี้ ถ้าพร้อมแล้วไปเที่ยวเลห์กันเลยค่าาาา
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ทริปนี้เริ่มต้นวันปีใหม่ไทย วันสงกรานต์เลย เราไปเช็คอินของสายการบิน Air India แถว W ประตูทางเข้า 10นู้นเลย แรกๆก็กังวลนะว่าจะโอเคมั้ยสายการบินนี้ ซึ่งก็โอเคเลยไม่มีกลิ่น เครื่องออกตรงเวลา แต่จะตรวจเข้มหน่อย มีตรวจตรงหน้าGateก่อนขึ้นเครื่องด้วย ส่วนตอนเสิร์ฟอาหารเขาจะถามแค่ว่าเราป็น Vegetarian or Non Vegetarian ไม่มีถามช้อยส์อาหารเหมือนสายการบินทั่วๆไป



พอถึงสนามบินที่เดลีแล้ว เราก็ผ่าน ตม มาเพื่อเข้าประเทศและรับกระเป๋า ของเราจะพักที่เดลี 1คืน เลยรับกระเป๋า แล้วพรุ่งนี้ถึงจะมาเชคอินใหม่ สนามบินเดลี นี่ใหญ่โต สะอาดสะอ้านดีทีเดียวเลยนะ
พอรับกระเป๋าออกมาด้านนอกเราก็ได้พบกับชีวิตจริง อากาศที่เดลี 40องศานิดๆ เหมือนอยู่หน้าเตาอยู่ตลอดเวลา เราหารถแท็กซี่ไปโรงแรม ซึ่งเราดูมาแล้วว่าระยะทางขับรถประมาณ5นาทีถึงคิดว่าไม่น่าเกิน 150รูปี แต่พอไปถามซุ้ม prepaid taxi พนักงานบอก 250รูปีเราก็โอ้โหแพง เราก็ถามที่อื่นอีก สองสามที่โอ้โหแพงกว่า เราจึงกลับมาง้อคุณลุง แต่เรื่องไม่จบไม่สิ้นเมื่อ ขึ้นแท็กซี่มา แท็กซี่โทรไปถามโรงแรม โทรเสร็จบอกอยู่คนละทางต้องเพิ่มอีก 50รูปี เราก็แบบได้ไง แต่เพื่อนอยากถึงโรงแรมแล้ว จ่ายๆก็ได้ 25บาท

มาถึงโรงแรมด้วยสภาพเมาเสียงแตรรถ เราก็พักแป๊บนึง แล้วออกไปตะลุยเดลีกัน เราเลือกไปจุดสำคัญๆ อย่าง ตลาด Chandni Chowk market , Red Fort และ India Gate ระหว่างทางเที่ยวในเดลีนั้น คุณจะรู้สึกเหมือนเป็นญาญ่า เพราะทุกคนจะมองคุณเป็นดั่งของแปลก บางคนถึงขั้นจ้อง และบางคนทนไม่ไหวถึงขั้นมาขอถ่ายรูปเป็นที่ระทึก

ด้วยอากาศที่ร้อนมาก และในสถานที่ท่องเที่ยวไม่มีน้ำดื่มขายเลยนอกจากด้านหน้า ถ้าใครจะไปควรพกน้ำขวดไปด้วยนะ
ตอนนั้นพวกเรารู้สึกเหมือนคนกำลังจะขาดน้ำตายเลย
วันรุ่งขึ้นเราต้องขึ้นเครื่องไปเลห์ ตามกำหนดตั๋วที่ซื้อไว้ ซึ่งจะออกตอน 5.55 น. ตอนตีสี่เกือบครึ่งเราก็ลงมาเรียกรถแท็กซี่ แต่ตอนนั้นไม่มีแท็กซี่เลย เราจึงเรียกสามล้อแต่สามล้อเข้าสนามบินไม่ได้ รออยู่พักนึงเราจึงตัดสินใจใช้บริการแท็กซี่โรงแรง ซึ่งกว่าจะมาถึงก็เกือบจะตีห้า พอดีลุงแกขับอ้อมทางไปอีก พอเราไปถึงสนามบินอินเดียก็เกือบจะตีห้าสิบห้า แถมสนามบินอินเดียนั้นก่อนเข้าterminal ต้องตรวจเอกสารการเดินทาง ซึ่งแถวยาวมาก กว่าเราจะไปถึง เคาน์เตอร์เช็คอินก็ปิดไปแล้ว ซุปเปอร์ไวเซอร์ก็ให้เราไปถามที่เคาน์เตอร์ขายตั๋ว ซึ่งไฟล์ทที่ว่างเร็วสุดก็คือพรุ่งนี้เช้า และเราต้องซื้อตั๋วไปเลห์ใหม่ เราอยากได้ตั๋วที่ถูกที่สุด แต่ไม่มีเลย มิหนำซ้ำพอไปถามที่เคาน์เตอร์แอร์อินเดียอีกทีราคาก็ขึ้นแล้วและตั๋วมีไม่พอกับจำนวน3ที่อีกต่างหาก หันไปมองข้างๆมีกลุ่มคนไทยซึ่งตกเครื่องเหมือนกับเรา แต่ที่ไม่เหมือนคือกลุ่มนี้ตกเป็นครั้งที่สองแล้ว จุดนั้นเรารู้สึกว่าอย่างน้อยเราก็ไม่ได้เจอสถานการณ์ที่แย่นี่สุดนะ 555++ ตอนนั้นเราทำอะไรไม่ได้แล้ว เราจึงตัดสินใจยังไงเราต้องไปเลห์ภายในวันพรุ่งนี้ให้ได้ เราถาม counter สายการบิน Vistara ซึ่งได้ยินชื่อสายการบินนี้เป็นครั้งแรก แอบกลัวอยู่เหมือนกัน แต่ใจมันจะไป พอเขาบอกว่ามีที่เหลือพรุ่งนี้รอบ 7.20 เราจึงรีบซื้อ กลัวได้อยู่ที่เดลีนานกว่านี้ 555
จากนั้นเราก็จองโรงแรมที่เดลีใหม่ แถวๆสนามบินชื่อ Venus Hotelอีกคืนนึง ดูห้องแล้วน่านอนสบาย แล้วพวกเราก็นอนง่อยๆ อยู่ในโรงแรมทั้งวัน เพราะคิดสะระตะแล้วว่า ไม่อยากเจอความเดลีอีกแล้ว ขี้เกียจต่อราคาแท็กซี่ สามล้อ ขี้เกียจออกไปร้อน
พอตอนค่ำๆเราจึงพากันออกไปเดินสำรวจวิถีอินเดียตามตรอกซอกซอยแถวๆโรงแรม ก็แปลกใหม่ไปอีกแบบ



*ต่อกระทู้ในคอมเม้นท์ด้านล่างจ้า
[CR] [CR] REVIEW ทริปเลห์ ลาดักห์ [LEH LADAKH] ปลายหนาวก็เที่ยวได้ ช่วงสงกรานต์ 13-19 เมษายน 2560
เมื่อสงกรานต์ที่ผ่านมาไปเลห์ ลาดักห์ มาค่ะ ไปเที่ยวมาหลายที่แต่ไม่เคยได้รีวิวเลยเพราะขี้เกียจ ถ้าได้อ่านกระทู้นี้แปลว่าได้ทำกระทู้รีวิวท่องเที่ยวอันแรกสำเร็จแล้วค่ะ เย้ รออะไร ปรบมือสิคะ
คำเตือน ทริปนี้ไม่เน้นถูกที่สุด แต่ก็ไม่เอาแบบแพงนะ เราไม่เน้นสบาย แต่ลำบากเกินไปก็ไม่เอาเหมือนกัน เพราะฉะนั้นกระทู้นี้จะเน้นแบบเดินทางสายกลางนะคะ ปนๆกันไป
**ขอแก้ไข ฝากเพิ่มเติม video การท่องเที่ยวครั้งนี้ ฝีมือเพื่อนเราค่ะ ตอนนี้ไม่เซนเซอร์หน้าละ ได้รับอนุญาตให้ลงได้
https://www.facebook.com/youngerpersona/videos/1944404029114543/
จุดเริ่มต้นของทริปนี้เกิดขึ้นเมื่อสองปีก่อนเคยมีเพื่อนๆมาชวนกันไป เลห์ ลาดักห์ ทำให้เรารู้จักสถานที่ท่องเที่ยวนี้ เพราะพอเพื่อนชวนเราก็ไปกูเกิล ก็เออ สวยเนาะ อยากไปจัง แต่ตอนนั้นก็ไม่ได้ไป ติดงาน เงิน เวลา หลายๆอย่างเลยไม่ได้ไป และคนชวนเองก็ไม่ได้ไปเช่นกัน
อีกครั้งเมื่อกันยาปีที่แล้ว ก็มีเพื่อนไลน์มา บอกว่า กุมาชวนเที่ยว ไปอินเดียเหนือนะ บลาๆๆ นัดกันดิบดีแล้วเธอก็ล่มฉัน บอกว่าเธอจะเก็บตังค์ … เลห์ ลาดักห์ เลยติดอยู่ในใจเป็นสถานที่ที่จะไปก็ไม่ได้ไปสักที
จนเมื่อต้นปีที่ผ่านมาหาทริปสงกรานต์ค่ะ พนักงานออฟฟิศอย่างเราจะลายาวๆได้ไม่เดือดร้อนมาก ก็วันหยุดก็ช่วงสงกรานต์นี่แหละ เลยหาแนวร่วม เริ่มทำการไลน์ไปหาเพื่อนที่คิดว่าน่าจะไปกับเราได้ สงกรานต์ไปเลห์กัน ขอแบบไม่ล่มนะ 2 คนก็ไปนะ(จริงๆอยากไปหลายคนนะ แต่ความสะดวกที่ตรงกันของคนทำงานนี่ยากจริงๆ) เพื่อนโอเค เราโอเค ชวนเพื่อนผู้ชายไปได้อีกคนนึง ในที่สุดทริปนี้จึงบังเกิดขึ้น
ตั๋วเครื่องบิน
ทุกทริปของเราจะเริ่มต้นเมื่อเรามีตั๋ว เราจึงทำการเช็คราคาตั๋วจาก skyscanner หาเล่นๆอยู่ประมาณเดือนนึง ก็ได้ตั๋วของ Air India ในราคาที่พอใจแล้ว ไปกลับ รวมประมาณ 13,000 {BKK-DEL-LEH ,LEH-DEL-BKK} ซึ่งตั๋วนี้เรามีเวลาเที่ยวเดลี อยู่ประมาณครึ่งวัน เราจึงจัดการจองเลยค่ะ
โรงแรม
พอมีตั๋วเราก็เริ่มดูโรงแรม 1 คืนที่เดลี เราตัดสินใจนอนใกล้ Airport เพื่อจะได้ชัวร์ว่าไม่มีปัญหาในการไปขึ้นเครื่องในเช้ามืดวันรุ่งขึ้น แต่ก็มีอยู่ดี 555 เรานอนที่ Airport Hotel Park Blue
ส่วนที่เลห์ เราเลือกห้องที่นอนได้ 3คน เช็คกับ booking.com เลยจองที่ Yarab Tso ไป 5คืน เป็นโรงแรมใหม่ในเลห์ ตอนที่ดูไม่มีริวิวใน booking.comเลย เกิดความกลัวนิดๆ แต่รูปที่พักมันสวย แล้วพอเสิร์ชgoogle mapแล้วจากโรงแรมสามารถเดินไปLeh main market ได้ สายชอบเดินตลาดอย่างเราเลยโอเคกับจุดนี้เลยจองไป แต่จริงๆโรงแรมนี้มีสาขาที่Nubra Valley ซึ่งเปิดมานานแล้ว ซึ่งเราก็ได้ไปพักอยู่ 1คืน เจ้าของที่ดูแลทั้งสองที่ก็เป็นพี่น้องกันนี่แหละ
พอจองไปแล้วเราก็พึ่งมารุ้ว่าที่โรงแรม มีFREE AIRPORT PICK UP เลย whatsapp ไปขอใช้บริการสักหน่อยซึ่งเจ้าของชื่อ stanzin ก็ใจดีมาก ใครไม่รู้จะพักที่ไหนในเลห์ แล้วมองหาที่พักเห็นวิวภูเขาสวยงามตลอดเวลา มีอาหารเช้าฟรี รับส่งสนามบินฟรี หารถให้ จัดทัวร์ให้ เจ้าของใจดี ดูแลเหมือนเราเป็นญาติ แถมพนักงานก็น่ารัก ก็แนะนำที่นี่นะ ติดต่อตามด้านล่างเลย หรือ สงสัยอะไรสอบถามเรามาหลังไมค์ได้เลย
stanzin Namgyal
+91 9419977423
+91 9622820661
การทำวีซ่า
เราไปทำก่อนเดินทาง ประมาณเดือนกว่าๆ ยื่นเสร็จประมาณ3วัน ก็ไปรับเล่มได้แล้ว เราก็หาข้อมูลจากในเน็ตนี่แหละ แล้วก็ไปทำเองที่ ศูนย์รับยื่นวีซ่าอินเดีย
IVS Global Southeast Asia Co., Ltd. อาคาร P.S Tower อยู่แถวอโศกมนตรี เลยแกรมมี่ไปหน่อยนึง
เอกสารที่เราเตรียมไปก็มี
1. แบบฟอร์มที่กรอกข้อมูลแล้ว Print ออกมา ไปกรอกที่เว็บไซต์นี้ https://indianvisaonline.gov.in/visa/info1.jsp
2. Passport มีอายุเหลือเกิน6 เดือน เหลือหน้าว่างอย่างน้อย 2หน้า
3. รูปถ่ายสีพื้นขาว ขนาด 2 นิ้ว x 2 นิ้ว อายุไม่เกิน 3เดือน จำนวน 2 ใบ
4. สำเนาหน้าPASSPORT จำนวน 2 ชุด
5. สำเนาบัตรประชาชน จำนวน 1 ชุด
6. ใบจองตั๋วเครื่องบิน
7. ใบจองโรงแรมตลอดการเดินทาง
8. แผนการท่องเที่ยว
ค่าวีซ่าตอนที่เราทำเบ็ดเสร็จอยู่ที่ 1,700 กว่าบาท แต่ล่าสุดเห็นขึ้นค่าวีซ่าเป็น 4,100บาทแล้วนะ ก่อนจะไปยื่นลองเช็คดูรายละเอียดทั้งหมดที่เว็บไซต์สถานฑูตก่อนนะ มีรายละเอียดเอกสารและค่าวีซ่าบอกตามลิงค์นี้ http://www.indianembassy.in.th/pages.php?id=34
หรือมีข้อสงสัยอื่นๆลองโทรไปสอบถามดูที่ศูนย์รับยื่นวีซ่าอินเดีย เบอร์ 02 258 0684 -5
สิ่งที่ควรเตรียมตัวไป
1.เนื่องจากเลห์เป็นที่สูงจากน้ำทะเลมาก เราควรกินยา Diamox ไว้ก่อนล่วงหน้าประมาณ2วันเพื่อป้องกันอาการAMS ใครจะไปก็ลองศึกษาดู ถามแพทย์หรือเภสัชกรในรายละเอียดดูนะ แล้วก็ควรเตรียมยาพื้นฐานอื่นๆไปเผื่อกันไว้ฉุกเฉิน
2. ขึ้นชื่อว่าไปอินเดีย ใครคิดว่าไม่น่าจะเจริญอาหารอินเดีย ก็เตรียมอาหารกึ่งสำเร็จรูปหรือขนมไปก็จะดีนะ
3. ทิชชู่เปียก ทิชชู่แห้งก็เตรียมเอาไปก็ดีเพราะต้องมีการเข้าห้องน้ำระหว่างเดินทาง
4. ครีมที่ให้ความชุ่มชื้นแบบหนักๆเลย เพราะอากาศจะแห้งมากๆอาการหน้าแห้ง ผิวแห้งจะมาเลย แม้คุณจะเป็นคนผิวมันมากก็ตาม
นี่คือทริปเที่ยวจริงของเรา หลังจากเปลี่ยนแล้วเปลี่ยนอีก เปลี่ยนแม้กระทั่งตอนไปถึงอินเดียแล้ว
13/04/2017 : ถึงเดลีประมาณเที่ยง เอากระเป๋าเก็บโรงแรม ออกเที่ยวในเดลี มี Chandni Chowk market , Red Fort, India Gate
14/04/2017: วันร้ายๆที่ตกเครื่อง เลยนอนโง่ๆอยูในโรงแรม เพราะเกลียดเสียงแตรรถ อากาศ40องศา และการต่อรองราคาแท็กซี่ของอินเดีย
ตอนค่ำๆจึงเดินสำรวจวิถีอินเดียรอบๆโรงแรม ก็แปลกไปอีกแบบ
15/04/2017: เครื่องจะมาถึงเลห์ประมาณ9โมงเช้า วางทริปของวันพรุ่งนี้ ให้โรงแรมไปทำpass ไปpangongให้ นอนพักสามสี่ชั่วโมง
เเละเดิน Leh Main Market
16/04/2017: ออกเดินทาง 8โมงเช้า ไป Pangong จากนั้นไปนอนที่ Nubra Valley 1คืน
17/04/2017: ออกจากเดินทาง 8 โมงเช้า เที่ยวรอบๆ Nubra Valley
ไปบ่อน้ำร้อนที่ Hot Springs
ไป Samstanling Monastery
ไปDiskit Monastery
ไปขี่อูฐที่ทะเลทราย
กลับเลห์
18/04/2017: ไปเที่ยวรอบๆเลห์
19/04/2017: กลับ ไฟล์ท11โมง
เตรียมตัวคร่าวๆก็ประมาณนี้ ถ้าพร้อมแล้วไปเที่ยวเลห์กันเลยค่าาาา
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ทริปนี้เริ่มต้นวันปีใหม่ไทย วันสงกรานต์เลย เราไปเช็คอินของสายการบิน Air India แถว W ประตูทางเข้า 10นู้นเลย แรกๆก็กังวลนะว่าจะโอเคมั้ยสายการบินนี้ ซึ่งก็โอเคเลยไม่มีกลิ่น เครื่องออกตรงเวลา แต่จะตรวจเข้มหน่อย มีตรวจตรงหน้าGateก่อนขึ้นเครื่องด้วย ส่วนตอนเสิร์ฟอาหารเขาจะถามแค่ว่าเราป็น Vegetarian or Non Vegetarian ไม่มีถามช้อยส์อาหารเหมือนสายการบินทั่วๆไป
พอถึงสนามบินที่เดลีแล้ว เราก็ผ่าน ตม มาเพื่อเข้าประเทศและรับกระเป๋า ของเราจะพักที่เดลี 1คืน เลยรับกระเป๋า แล้วพรุ่งนี้ถึงจะมาเชคอินใหม่ สนามบินเดลี นี่ใหญ่โต สะอาดสะอ้านดีทีเดียวเลยนะ
พอรับกระเป๋าออกมาด้านนอกเราก็ได้พบกับชีวิตจริง อากาศที่เดลี 40องศานิดๆ เหมือนอยู่หน้าเตาอยู่ตลอดเวลา เราหารถแท็กซี่ไปโรงแรม ซึ่งเราดูมาแล้วว่าระยะทางขับรถประมาณ5นาทีถึงคิดว่าไม่น่าเกิน 150รูปี แต่พอไปถามซุ้ม prepaid taxi พนักงานบอก 250รูปีเราก็โอ้โหแพง เราก็ถามที่อื่นอีก สองสามที่โอ้โหแพงกว่า เราจึงกลับมาง้อคุณลุง แต่เรื่องไม่จบไม่สิ้นเมื่อ ขึ้นแท็กซี่มา แท็กซี่โทรไปถามโรงแรม โทรเสร็จบอกอยู่คนละทางต้องเพิ่มอีก 50รูปี เราก็แบบได้ไง แต่เพื่อนอยากถึงโรงแรมแล้ว จ่ายๆก็ได้ 25บาท
มาถึงโรงแรมด้วยสภาพเมาเสียงแตรรถ เราก็พักแป๊บนึง แล้วออกไปตะลุยเดลีกัน เราเลือกไปจุดสำคัญๆ อย่าง ตลาด Chandni Chowk market , Red Fort และ India Gate ระหว่างทางเที่ยวในเดลีนั้น คุณจะรู้สึกเหมือนเป็นญาญ่า เพราะทุกคนจะมองคุณเป็นดั่งของแปลก บางคนถึงขั้นจ้อง และบางคนทนไม่ไหวถึงขั้นมาขอถ่ายรูปเป็นที่ระทึก
ด้วยอากาศที่ร้อนมาก และในสถานที่ท่องเที่ยวไม่มีน้ำดื่มขายเลยนอกจากด้านหน้า ถ้าใครจะไปควรพกน้ำขวดไปด้วยนะ
ตอนนั้นพวกเรารู้สึกเหมือนคนกำลังจะขาดน้ำตายเลย
วันรุ่งขึ้นเราต้องขึ้นเครื่องไปเลห์ ตามกำหนดตั๋วที่ซื้อไว้ ซึ่งจะออกตอน 5.55 น. ตอนตีสี่เกือบครึ่งเราก็ลงมาเรียกรถแท็กซี่ แต่ตอนนั้นไม่มีแท็กซี่เลย เราจึงเรียกสามล้อแต่สามล้อเข้าสนามบินไม่ได้ รออยู่พักนึงเราจึงตัดสินใจใช้บริการแท็กซี่โรงแรง ซึ่งกว่าจะมาถึงก็เกือบจะตีห้า พอดีลุงแกขับอ้อมทางไปอีก พอเราไปถึงสนามบินอินเดียก็เกือบจะตีห้าสิบห้า แถมสนามบินอินเดียนั้นก่อนเข้าterminal ต้องตรวจเอกสารการเดินทาง ซึ่งแถวยาวมาก กว่าเราจะไปถึง เคาน์เตอร์เช็คอินก็ปิดไปแล้ว ซุปเปอร์ไวเซอร์ก็ให้เราไปถามที่เคาน์เตอร์ขายตั๋ว ซึ่งไฟล์ทที่ว่างเร็วสุดก็คือพรุ่งนี้เช้า และเราต้องซื้อตั๋วไปเลห์ใหม่ เราอยากได้ตั๋วที่ถูกที่สุด แต่ไม่มีเลย มิหนำซ้ำพอไปถามที่เคาน์เตอร์แอร์อินเดียอีกทีราคาก็ขึ้นแล้วและตั๋วมีไม่พอกับจำนวน3ที่อีกต่างหาก หันไปมองข้างๆมีกลุ่มคนไทยซึ่งตกเครื่องเหมือนกับเรา แต่ที่ไม่เหมือนคือกลุ่มนี้ตกเป็นครั้งที่สองแล้ว จุดนั้นเรารู้สึกว่าอย่างน้อยเราก็ไม่ได้เจอสถานการณ์ที่แย่นี่สุดนะ 555++ ตอนนั้นเราทำอะไรไม่ได้แล้ว เราจึงตัดสินใจยังไงเราต้องไปเลห์ภายในวันพรุ่งนี้ให้ได้ เราถาม counter สายการบิน Vistara ซึ่งได้ยินชื่อสายการบินนี้เป็นครั้งแรก แอบกลัวอยู่เหมือนกัน แต่ใจมันจะไป พอเขาบอกว่ามีที่เหลือพรุ่งนี้รอบ 7.20 เราจึงรีบซื้อ กลัวได้อยู่ที่เดลีนานกว่านี้ 555
จากนั้นเราก็จองโรงแรมที่เดลีใหม่ แถวๆสนามบินชื่อ Venus Hotelอีกคืนนึง ดูห้องแล้วน่านอนสบาย แล้วพวกเราก็นอนง่อยๆ อยู่ในโรงแรมทั้งวัน เพราะคิดสะระตะแล้วว่า ไม่อยากเจอความเดลีอีกแล้ว ขี้เกียจต่อราคาแท็กซี่ สามล้อ ขี้เกียจออกไปร้อน
พอตอนค่ำๆเราจึงพากันออกไปเดินสำรวจวิถีอินเดียตามตรอกซอกซอยแถวๆโรงแรม ก็แปลกใหม่ไปอีกแบบ
*ต่อกระทู้ในคอมเม้นท์ด้านล่างจ้า