[CR] พิสูจน์ตำนาน ร้าน MIZU สุดยอดเสต็กแห่งพัฒน์พงศ์ ร้านอาหารฝรั่งสไตล์ญี่ปุ่น ก่อนตายต้องมากินสักครั้ง

สวัสดีค่ะ วันนี้มีเรื่องจะมาเล่าให้ฟัง
ใครที่สนใจแต่รีวิวก็ข้ามไปดูรูปได้เลยนะคะ
แต่ถ่ายไม่ค่อยเก่งเท่าไหร่ ขอโทษด้วยค่ะ แฮะแฮะ

เมื่อหลายวันก่อน ได้บังเอิญไปกินสเต๊กร้านหนึ่งแถวพัฒน์พงศ์กับคุณป้าที่รู้จักกัน

คุณป้าได้พูดขึ้นมาว่า แต่ก่อนแถวนี้มีร้านอยู่ร้านหนึ่งอร่อยมาก
ใครอยากกินสเต๊กก็ต้องมากินที่นี่
ชื่อ “สาริกาสเต๊ก” คุณลองหาในมือถือดูสิ

พอเราลองหาดู ก็พบร้าน MIZU kitchen ที่มีเมนู สาริกาสเต๊ก
(ร้านชื่อ MIZU's kitchen แต่ในเฟซตัด 's ออก)

จำได้ว่า เพิ่งเดินผ่านมาเมื่อครู่นี้เอง หน้าร้านดูน่ากลัว แต่ก็น่าดึงดูด
(ไม่แน่ใจว่าจะเป็นร้านอะไรแปลก ๆ หรือเปล่า)

ที่สะดุดตาในรีวิวแต่แรกคือ รูปอาหารในเมนู
เฮ้ย นี่มันเหมือนร้านในประเทศญี่ปุ่นเลยนี่นา
เป็นอาหารฝรั่งสไตล์ญี่ปุ่น พวกแฮมเบิร์กอะไรอย่างนี้
(เพิ่งรู้ว่ามีชื่อเรียกเฉพาะด้วย ว่า Yoshoku)
ไม่เคยเห็นร้านในไทยที่ไหน ที่เป็นแบบนี้
สตูลิ้นวัว แค่เห็นรูปก็น้ำลายสอ
ยิ่งอ่านยิ่งพบว่าเป็นร้านในตำนาน

ตอนนั้นก็ตั้งปณิธานไว้ในใจแล้วว่า ฉันจะต้องไปกินร้านนี้ให้ได้ !!

วันนี้ได้ฤกษ์ ก็ได้ชวนคุณแม่ และคุณยายไปทานข้าวด้วยกัน พิกัดคือร้าน MIZU Kitchen
เมนูในใจที่ตั้งเป้าจะสั่งไว้จากการหาข้อมูลมาอย่างดี คือ

1. สเต๊กสาริกา (เนื้อ)
2. กราแตงมะกะโรนี
3. สตูลิ้นวัว

ที่เราไปกินเป็นมื้อกลางวัน ทีแรกคุณแม่ดูไม่อยากกินบอกให้ไปกินบุฟเฟ่ต์อาหารญี่ปุ่นแทนไหม
แต่สุดท้ายก็ยอมแพ้เพราะเห็นเราอยากไปกินจริง ๆ

คุณแม่โทรไปหาที่ร้าน ร้านบอกว่า แอร์เสีย แต่เราก็ดื้อจะไปกินให้ได้
ในที่สุดเราก็ไปถึงที่ร้าน จอดรถหน้าร้าน ร้านจะเปิดตั้งแต่ 11 โมง อยู่ที่ซอยพัฒน์พงศ์ 1
พัฒน์พงศ์ในตอนกลางวัน สงบมาก
ใครที่ไม่ชอบแสงสีเสียงยามราตรี แนะนำให้มาทานในมื้อกลางวันค่ะ
ถ้าเข้ามาจากสุรวงศ์ร้านจะอยู่ขวามือ แต่ถ้าเข้ามาจากสีลมร้านจะอยู่ทางซ้าย
ร้านอยู่ประมาณกลางซอย เป็นร้านเล็ก ๆ ระวังเดินเลยนะคะ

ตอนเราไป ประตูร้านเปิดรออยู่ (เพราะแอร์เสีย แต่ร้านบอกว่าจะซ่อมเสร็จพรุ่งนี้)
ก้าวแรกที่เข้าไป ได้กลิ่นอับเบา ๆ ลอยมา
ร้านเก่ามากแล้ว ที่รู้คือตั้งมาได้เกิน 50 ปีแล้ว
มีม่านสีแดงประดับอยู่ที่ร้าน โต๊ะไม้ปูผ้าลายสก๊อตขาวแดง



พี่ผู้หญิงพนักงาน เอาพัดลมมาเปิดให้ อากาศไม่ร้อน
ตอนเดินต้องระวังเหยียบแมว เพราะในร้านมีแมวอยู่หลายตัว
พาลให้นึกถึงร้านในตำนานอีกร้านที่เพิ่งปิดตัวไป ภัตตาคารสีลม ร้านนั้นก็แมวเยอะเหมือนกัน
(ขอแก้ไขตรงนี้นิดหนึ่งนะคะ คุณ veevaa บอกว่า สีลมภัตตาคาร ไม่ได้ปิด
แค่ย้ายไปตลิ่งชัน ดีจัง ถ้าไปแถวนั้นจะหาโอกาสไปรำลึกความหลังให้ได้เลย)

เมื่อมาถึงที่ร้านก็สั่งอาหาร เราสั่งตามที่เราค้นคว้ามา
สาริกาสเต๊กแบบมิเดียมแรร์ กราแตงมะกะโรนี สตูลิ้นวัว สามอย่างสามคนกำลังดี

ตอนแรกในเมนูเห็นแล้วอยากสั่ง ซุปหัวหอมสไตล์ฝรั่งเศส

แต่พอมองลักษณะร้าน คงไม่ใช่แบบที่อยากกิน
แบบที่เราชอบคือ มีขนมปังโปะชีสเยิ้ม ๆ ในซุป
แต่น่าจะเป็นซุปชืด ๆ ที่มีกลิ่นหืน แบบที่เคยกินบางที่
แต่แล้วคุณยายก็พูดชื่อเมนูนี้มาเหมือนกัน ก็เลยสั่งดู แล้วค่อยมาแบ่งกันกิน

คุณยายมองซ้ายมองขวาทั่วร้าน เงียบไปพักหนึ่งก่อนรำพึงขึ้นมา
“เมื่อก่อนตอนเด็ก ๆ xxxซังเคยพามากินอาหารฝรั่งร้านหนึ่ง
บรรยากาศแบบนี้ ชื่อร้านก็แบบนี้ ชื่ออะไรนะมิสุใช่ไหม”
(เราจำไม่ได้ว่า xxxซังชื่ออะไร คุณแม่มาบอกว่าเป็นพี่สาวกับพี่เขยของคุณยาย
คุณยายเราเป็นคนญี่ปุ่นที่เข้ามาไทยช่วงสงครามโลกค่ะ)

“ค่ะ ชื่อมิสุ” เราตอบ

“ร้านนี้เปิดมากี่ปีแล้ว” คุณยายว่าพลางมองรอบ ๆ เหมือนพยายามนึก

พี่ผู้หญิงที่ออกมาพร้อมขนมปังกับสลัด ก็ตอบคุณยาย “50 กว่าปีแล้วค่ะ”
พี่เขาเดินไปค้นรูปในลิ้นชัก

“แถวนี้มีร้านมิสุ ร้านนี้ร้านเดียวใช่ไหม” คุณยายถามอย่างมีความหวัง ดวงตาของคุณยายเป็นประกาย

“ก็มีร้านนี้ร้านเดียวล่ะค่ะ ร้านมิสุ” พี่ผู้หญิงส่งรูปร้านเมื่อก่อนมาให้คุณยายดู

“เมื่อก่อนเคยมา ที่เจ้าของร้านเป็นหนุ่มญี่ปุ่น...”

“ใช่ค่ะ ร้านนี้ แต่เจ้าของร้านเพิ่งเสียไป” พอพี่ผู้หญิงตอบ
เราสัมผัสได้ถึงลมหายใจที่ขาดช่วงของคุณยาย

คุณแม่เราหยิบรูปขึ้นมาดู พี่ผู้หญิงเดินหายไปหลังครัว

“เมื่อก่อน...” คุณยายขึ้นต้นประโยค “ที่นี่เป็นที่เดียวที่มีหอยนางรมนิวซีแลนด์ หากินที่อื่นไม่ได้เลย”

เรานึกภาพตาม เมื่อก่อนร้านคงมีคนเยอะมาก ส่วนตอนนี้เราเป็นโต๊ะเดียวที่นั่งอยู่

“จำได้ที่นี่สปาเกตตีอร่อยเชียว” คุณยายพูดต่อ

“แม่ ร้านนี้ไม่ใช่ 50 ปี รูปนี้ถ่าย 1958 ก่อนหนูเกิดเสียอีก” คุณแม่พูดด้วยความตื่นเต้น
“หนูว่าร้านนี้ล่ะที่แม่เคยกิน ตอนนั้นแม่น่าจะ 20 ยังไม่แต่งงาน”



ขนมปังและสลัดในเซตสเต๊กสาริกาและรูปร้านในอดีต


ซุปหัวหอมสไตล์ฝรั่งเศส เป็นจานแรกที่เราได้ลิ้มลอง

แค่เห็นหน้าตาก็ผิดหวังแล้ว ซุปสีน้ำตาลในชามแสตนเลสจะไปอร่อยได้ยังไง
ปกติเคยกินแต่ในชามกระเบื้อง ขนมปังชีสก็ไม่มี
ดีหน่อยคือที่มีควันฉุย ไม่ได้เย็นชืด



ซุปหัวหอมสไตล์ฝรั่งเศส ในชามแสตนเลส จานนี้ต้องสั่ง (65 บาท)


พอจานวางลง เรากับคุณยายก็หย่อนช้อนลงไปตักขึ้นมาซด ทำไงได้ก็สั่งมาแล้ว

ซู้ดดดดด

พระเจ้า !!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
อร่อยมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

ซุปร้อน ๆ รสกลมกล่อม หอมใหญ่ฝานกรุบ ๆ ที่สีกลืนไปกับน้ำซุป
โอ๊ยยยยยยย จานนี้เอาอะไรมาแลกก็ไม่ยอม

“อร่อยนี่” คุณยายอุทาน ทายว่าท่านก็คงตกใจเหมือนกัน
พอคุณแม่ชิม ก็เลยสั่งมาอีกชามเพราะชอบมาก

อาหารจานต่อมาคือสาริกาสเต๊ก มิเดียมแรร์
พี่ผู้หญิงเสิร์ฟที่ข้างหน้าคุณแม่
ในกระทะร้อน มีมันอบ ผักอบ และสเต๊กเนื้อ

พี่ผู้หญิงยกผ้าปูโต๊ะฝั่งคุณแม่ขึ้นสูง ก่อนราดซอสลงไป
เสียงซู่ดังขึ้น พร้อมควันโขมงเหมือนเล่นกล


ซู่ เสียงน้ำซอสกำลังระเหย



และเมื่อควันจางไป สเต๊กสาริการ้อน ๆ ก็พร้อมรับประทาน ทาด้าาาา


สเต๊กสาริกา จานเด็ดของร้าน จะหมูหรือเนื้อก็เลือกได้ (240 บาท ราคานี้พร้อมสลัดและขนมปัง)
"เอ๊ะ ฉันว่าจานนี้ ต้องเป็นของฉันนะ" คุณยายถามพร้อมพยายามเอื้อมคว้า


"จานนี้ของคุณยายใช่ไหม" คุณยายถาม เพราะคุณยายเป็นคนออกปากสั่งเมนูนี้
"เปล่าาาา ของทุกคน" เรารีบแย่งตอบ เพราะจะเอาทุกเมนูเป็นจานกลาง
"เอ๊ะ ฉันว่าจานนี้ ต้องเป็นของฉันนะ" คุณยายย้ำอีกที
ก่อนคุณยายจะพูดต่อ "แต่ฉันจะแบ่งให้ทุกคนกินก็แล้วกัน"

เรารับอาสาเป็นคนหั่นสเต๊ก
เนื้อไม่เหนียวเลย หั่นง่ายมาก
เพราะสั่งมีเดียมแรร์ข้างในยังคงแดงอยู่

ถามถึงรสชาติ เมื่อคุณแม่กิน ท่านก็พูดว่า
“สั่งมาอีกจานไหม” แค่นี้คงจะยืนยันเรื่องความอร่อยได้แล้วนะคะ

แต่เพราะยังเหลืออีกสองอย่างเลยไม่ได้สั่ง

ระหว่างที่รอจานต่อไป พี่ผู้หญิงก็เดินออกมา คุณยายก็เล่าให้พี่เขา และพวกเราฟัง
“เมื่อก่อนหัดกินสปาเกตตี ก็จากที่นี่” คุณยายหยิบส้อมขึ้นมาทำท่าประกอบ
“ต้องเอาส้อมมาหมุน หมุน หมุน กิน”

สมัยนี้เราได้กินสปาเกตตีกันตั้งแต่ยังเล็ก
ตัวเราจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเคยหัดกินตอนไหน

แต่คงเป็นหนังคนละม้วนกับสมัยก่อน...

ตอนนั้นเราก็นึกภาพ เมื่อหกสิบปีที่แล้ว
ที่นี่คงเป็นร้านอาหารฝรั่งร้านแรก ๆ

สมัยที่อาหารฝรั่งเพิ่งเข้ามา
และร้านนี้เป็นร้านแรกสำหรับเด็กหนุ่มและเด็กสาวมากหน้าหลายตาเข้ามาในร้านด้วยความตื่นเต้น

เรานึกภาพคุณยายวัยยี่สิบกำลังหัดกินสปาเกตตี เอาส้อมจิ้มแล้วหมุน หมุน หมุน
โดยมีพี่สาวและพี่เขยที่ตอนนี้ไม่อยู่แล้วกำลังช่วยสอนด้วยความเอ็นดู



คุณยายรำลึกความหลัง เมื่อฉันยังสาว ๆ


ภาพที่คุณยายเห็นตอนนี้อาจจะไม่ใช่ร้านในตอนนี้
แต่เป็นร้านเมื่อหกสิบปีที่แล้ว ที่คุณยายยังคงอยู่กับครอบครัว
คนที่นั่งตรงข้ามไม่ใช่คุณแม่แต่เป็นพี่สาวและพี่เขย

“มะกะโรนีกราแตงค่ะ” อาหารจานต่อมาวางบนโต๊ะ แป้งมีรู กุ้ง แฮม ชีส บนจานแสตนเลส


กราแตงมะกะโรนี ชีสเต็ม ๆ คำ (160 บาท)




จานนี้ขอบอกคอชีสห้ามพลาด กินคำแรกรู้สึกถึงรสชีสที่กระจายเต็มคำ
แต่สำหรับเราพอคำที่ห้า ที่หก เริ่มเลี่ยน
สรุป อร่อย แต่เป็นจานเดียวที่สามคนกินไม่หมด ปริมาณก็ค่อนข้างเยอะ

ระหว่างที่กินอยู่นั้นก็มีลูกค้าอีกกลุ่มเดินเข้ามา
เป็นคนไทยกับคนญี่ปุ่นมากันสามคน
แอบดูแอบฟังเห็นโต๊ะนั้นสั่งสาริกาสเต๊ก 2 ที่แบบมีเดียม
แสดงว่าของเขาดังจริง

ในที่สุดจานที่เรารอคอยก็มาถึง

“สตูลิ้นวัวค่ะ”
น้ำซอสสีน้ำตาลอมส้ม หอมใหญ่ที่ผัดจนใส มันบดกับผักอบ
ไม่พูดมาก ขอหม่ำเลยแล้วกัน


สตูลิ้นวัวที่รอคอย จานนี้ของจริง ไม่ต้องพูดเยอะ (180 บาท)



พอเข้าปากไปปุ๊บ ที่เหลือเชื่อคือความหอม
เฮ้ย มันหอมเนยด้วยอะ !
รสชาติหวานปะแล่ม ลิ้นวัวที่ละลายในปาก
พอกินกับขนมปังยิ่งลงตัว จานนี้เต็มสิบให้ร้อย
มันดีงามมากจริง ๆ

ขนาดคุณยายที่บอกไม่ชอบกินลิ้น ยังกินไปตั้งเยอะ


ในที่สุดคุณยายยิ้มยากก็ยิ้มแล้ว




สรุปรวมค่าเสียหายมื้อนี้สามคน 957 บาท (มี VAT 10%)


สรุปค่าอาหาร 957 บาท


ตอนจ่ายเงิน คุณแม่ก็ถามพี่ผู้หญิงว่า ตอนกลางคืนคนเยอะไหม
คำตอบที่ได้รับทำเอาหัวใจตกลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม “จะกี่โมงก็ไม่เยอะค่ะ ไม่เยอะมานานแล้ว”

ทั้ง ๆ ที่อาหารอร่อยขนาดนี้ และเคยรุ่งเรืองในระดับตำนาน
แต่สุดท้ายแล้วก็ต้องพ่ายแพ้กาลเวลา และยุคสมัย

ร้านที่เคยมีชื่อขนาดนั้น กลายเป็นร้านที่ตอนนี้เอ่ยชื่อไปก็แทบไม่มีคนรู้จัก

เฮ้อ

มันเป็นเรื่องน่าเสียดายมาก ที่ร้านดังในอดีตต่างทยอยปิดตัวลง
สำหรับร้านนี้ เราอยากให้อยู่ให้นานที่สุด

ในสมัยที่ยังไม่มีโทรศัพท์มือถือ และกล้องถ่ายรูปยังไม่เป็นที่นิยม
ร้านมิสุคือเครื่องบันทึกความทรงจำที่ไม่มีวันหวนคืนของคุณยาย
ที่ที่คุณยายได้หัดกินสปาเกตตี
ที่ที่คุณยายได้กินข้าวกับพี่สาว

ถ้าวันนี้ไม่ได้มา เครื่องบันทึกความทรงจำนี้คงไม่ได้ทำงาน
และเก็บเอาไว้ในความคิดส่วนลึกที่อาจจะไม่ได้นึกถึงตลอดชีวิต

ขอบคุณคุณป้าที่พูดถึงสาริกาสเต๊ก
ขอบคุณร้านมิสุที่วันนี้ยังตั้งอยู่ตรงนี้

หากวันหนึ่งข้างหน้า ถ้าร้านยังต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงของยุคสมัยได้
เรานึกภาพวันที่เราเป็นคุณยายแล้วพาหลานมากิน
เล่าให้เขาฟังว่า "ร้านนี้คุณยายของยายเคยมาหัดกินสปาเกตตี" คงจะดีไม่น้อย




"ก่อนเธอจะถ่าย เธอเคยบอกฉันก่อนไหม"
แอบถ่ายคุณยายกับหน้าร้านค่ะ อิอิ


แล้วพบกันใหม่








ใครสงสัยอะไรเกี่ยวกับร้านเพิ่มเติม เราขอลงไว้ตรงนี้นะคะ

ข้อมูลร้าน MIZU kitchen
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ชื่อสินค้า:   ร้าน MIZU kitchen
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่