สวัสดีคะ เพื่อนๆพี่น้องๆชาวพันทิปในห้องชานเรือน
เป็นกระทู้แรก. ที่ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะได้มาขอคำปรึกษา สุดจะทนมากแล้วคะ ยังไงช่วยแนะนำ ด้วยนะคะอาจเขียนผิดพลาด ยังไงขออภัย ไว้ ณ ที่นี่ด้วยนะคะ
ตามหัวข้อกระทู้ คือดิฉันมีพี่น้องร่วมสายเลือด 1 คน คือน้องสาวที่อายุห่างกัน 1 ปี น้องสาวตั้งแต่เด็กจนจบมหาลัยเป็นเด็กดีเชื่อฟัง พ่อ แม่ ดิฉันมาตลอด
พ่อ แม่ เลี้ยงลูก ให้โอกาสในการเรียน ในการเรียนรู้มาตลอด ไม่เคยห้ามสิ่งใด
จนดิฉันและน้องได้ทำงาน ก็ไม่มีปัญหาใดๆ จนเมื่อย้อนไป 3 ปี ที่แล้ว ภาวะทางครอบครัวต้องกู้หนี้ยืมสิน จนมีหนี้จำนวนมากอยู่
ตอนนั้นดิฉันอยู่กรุงเทพ ยังไม่ค่อยทราบจำนวนหนี้สักเท่าใด ทางเราจึงตัดสินใจให้น้องมาทำงานแถวบ้านที่ต่างจังหวัด. เพื่อลดค่าใช้จ่าย
แล้วพอปีถัดมา ดิฉันก็กลับมาทำงานแถวบ้าน เพราะอยากอยู่ใกล้ชิดกับพ่อ แม่ ปัญหาด้านการเงินก็เกิดตลอด จนเราค่อยๆแก้กันมา
จนปลายปี 2557 น้องดิฉันก็เริ่มรู้จักผู้ชายคนหนึ่งแบบลับๆ ไม่ได้เอ่ยบอกใครว่าคบคนนี้อยู่ อ่ะไม่เป็นไรโตแล้วจะคบใครก็ได้ แล้วผ่านมาจนปี 2558 น้องดิฉันก็กลับบ้านแล้วมาเกริ่นๆว่าจะโอนย้ายหนี้จากธนาคารหนึ่ง ไปอีกธนาคารหนึ่งเพื่อเพิ่มวงเงิน (สินทรัพย์ที่ใช้ยืนกู้เป็นชื่อน้อง ทางแม่ได้ไปยื่นกู้ตอนดิฉันอยู่กรุงเทพ ) น้องจึงมีสิทธิ์ในการย้ายได้ โดยเอาหน้าที่การงานค้ำประกัน ดิฉันพร้อมพ่อแม่ก็บอกไปแล้วว่าอย่าย้ายเลย ย้ายไปก็ต้องจ่ายเพิ่ม ผ่านไป3 เดือนมีเอกสารประกันของธนาคารส่งมาที่บ้าน ดิฉันและแม่ก็สงสัยว่าเอ๊ะทำไมเป็นชื่อน้องและเป็นของธนาคารใหม่ จึงได้ถามน้อง น้องก็ทำหน้าตกใจ จึงเริ่มมีน้ำโห จึงรู้ความจริงว่าย้ายและได้นำเงินโอนให้ผู้ชายไปลงทุนเกือบ ห้าแสน โอ้ ฉันเกือบเป็นลม โมโหมากกเกือบฆ่ากันตาย แม่พ่อก็ตกใจและเสียใจหนักมากแต่ก็ไม่ทำอะไร ดิฉันจึงบีบเค้นและด่าทอเตือนสติบอกให้เลิกกับผู้ชายที่แทบไม่เจอกันเชื่อทุกอย่างว่าเค้าล้มละลายเอาเงินไปลงทุนแต่ตัวเองตัองเป็นหนี้อดข้าวได้เงินเดือนก็โอนให้ผู้ชาย ดิฉันได้เคยโทรไปด่าไอ้ผู้ชายครั้งเดียวและครั้งสุดท้าย

หลอกเงินให้ความหวังลมๆแล้งๆว่ารักน้องแต่ขอเวลา คนไม่เคยแม้จะมาให้ทางฝ่ายหญิงเห็นหน้าพ่อแม่ไม่รับรู้ นี้เหรอน้องจะฝากชีวิตด้วย. จากไม่เคยโกหกก็โกหกว่าเลิกติดต่อแต่ก็ติดต่อกัน โอนเงินให้กันเหมือนเดิม. ส่วนหนี้ทางครอบครัวดิฉันก็แบ่งกันชำระแล้ว คือดิฉันเสียความรู้สึกมากว่าจะรักจะหลงยอมให้ตัวเองลำบากไปทำไม พ่อแม่บอกก็ไม่ฟัง.
ดิฉันจะทำอย่างไรดีคะ. ดิฉันเอือมระอาเวทนาว่านี่หรือน้อง ใครมองก็รู้ว่าผู้ชายหลอก ดิฉันควรจะปล่อยวางแล้วย้ายไปหางานที่กรุงเทพเช่นเดิม อยู่คนเดียวนานๆทีกลับแค่มาเยี่ยมพ่อกับแม่
ช่วยแนะนำด้วยนะคะ หรือใครเคยประสบเหตุการณ์อย่างนี้ขอคำแนะนำด้วยคะ
น้องหลงผู้ชายมากกว่าคนในครอบครัว
เป็นกระทู้แรก. ที่ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะได้มาขอคำปรึกษา สุดจะทนมากแล้วคะ ยังไงช่วยแนะนำ ด้วยนะคะอาจเขียนผิดพลาด ยังไงขออภัย ไว้ ณ ที่นี่ด้วยนะคะ
ตามหัวข้อกระทู้ คือดิฉันมีพี่น้องร่วมสายเลือด 1 คน คือน้องสาวที่อายุห่างกัน 1 ปี น้องสาวตั้งแต่เด็กจนจบมหาลัยเป็นเด็กดีเชื่อฟัง พ่อ แม่ ดิฉันมาตลอด
พ่อ แม่ เลี้ยงลูก ให้โอกาสในการเรียน ในการเรียนรู้มาตลอด ไม่เคยห้ามสิ่งใด
จนดิฉันและน้องได้ทำงาน ก็ไม่มีปัญหาใดๆ จนเมื่อย้อนไป 3 ปี ที่แล้ว ภาวะทางครอบครัวต้องกู้หนี้ยืมสิน จนมีหนี้จำนวนมากอยู่
ตอนนั้นดิฉันอยู่กรุงเทพ ยังไม่ค่อยทราบจำนวนหนี้สักเท่าใด ทางเราจึงตัดสินใจให้น้องมาทำงานแถวบ้านที่ต่างจังหวัด. เพื่อลดค่าใช้จ่าย
แล้วพอปีถัดมา ดิฉันก็กลับมาทำงานแถวบ้าน เพราะอยากอยู่ใกล้ชิดกับพ่อ แม่ ปัญหาด้านการเงินก็เกิดตลอด จนเราค่อยๆแก้กันมา
จนปลายปี 2557 น้องดิฉันก็เริ่มรู้จักผู้ชายคนหนึ่งแบบลับๆ ไม่ได้เอ่ยบอกใครว่าคบคนนี้อยู่ อ่ะไม่เป็นไรโตแล้วจะคบใครก็ได้ แล้วผ่านมาจนปี 2558 น้องดิฉันก็กลับบ้านแล้วมาเกริ่นๆว่าจะโอนย้ายหนี้จากธนาคารหนึ่ง ไปอีกธนาคารหนึ่งเพื่อเพิ่มวงเงิน (สินทรัพย์ที่ใช้ยืนกู้เป็นชื่อน้อง ทางแม่ได้ไปยื่นกู้ตอนดิฉันอยู่กรุงเทพ ) น้องจึงมีสิทธิ์ในการย้ายได้ โดยเอาหน้าที่การงานค้ำประกัน ดิฉันพร้อมพ่อแม่ก็บอกไปแล้วว่าอย่าย้ายเลย ย้ายไปก็ต้องจ่ายเพิ่ม ผ่านไป3 เดือนมีเอกสารประกันของธนาคารส่งมาที่บ้าน ดิฉันและแม่ก็สงสัยว่าเอ๊ะทำไมเป็นชื่อน้องและเป็นของธนาคารใหม่ จึงได้ถามน้อง น้องก็ทำหน้าตกใจ จึงเริ่มมีน้ำโห จึงรู้ความจริงว่าย้ายและได้นำเงินโอนให้ผู้ชายไปลงทุนเกือบ ห้าแสน โอ้ ฉันเกือบเป็นลม โมโหมากกเกือบฆ่ากันตาย แม่พ่อก็ตกใจและเสียใจหนักมากแต่ก็ไม่ทำอะไร ดิฉันจึงบีบเค้นและด่าทอเตือนสติบอกให้เลิกกับผู้ชายที่แทบไม่เจอกันเชื่อทุกอย่างว่าเค้าล้มละลายเอาเงินไปลงทุนแต่ตัวเองตัองเป็นหนี้อดข้าวได้เงินเดือนก็โอนให้ผู้ชาย ดิฉันได้เคยโทรไปด่าไอ้ผู้ชายครั้งเดียวและครั้งสุดท้าย
ดิฉันจะทำอย่างไรดีคะ. ดิฉันเอือมระอาเวทนาว่านี่หรือน้อง ใครมองก็รู้ว่าผู้ชายหลอก ดิฉันควรจะปล่อยวางแล้วย้ายไปหางานที่กรุงเทพเช่นเดิม อยู่คนเดียวนานๆทีกลับแค่มาเยี่ยมพ่อกับแม่
ช่วยแนะนำด้วยนะคะ หรือใครเคยประสบเหตุการณ์อย่างนี้ขอคำแนะนำด้วยคะ