12 สาเหตุ (พึงระวัง) ที่ทำให้คนตกเครื่องโดยไม่รู้ตัว

สวัสดีครับ วันนี้ขออนุญาตนำข้อมูลที่เป็นประโยชน์มาแชร์ในพันทิป เกี่ยวกับเรื่องสาเหตุต่างๆที่ทำให้คนตกเครื่อง และมักจะเป็นสาเหตุที่เรามักจะไม่รู้ตัว ทั้งหมดรวบรวมมาจากประสบการณ์ตรงที่เคยพบเห็นจากผู้โดยสารทั้งรู้จักบ้างไม่รู้จักบ้าง ทั้งเพื่อนๆ ญาติๆ และบุคคลใกล้ตัว ท่านไหนพอทราบอยู่แล้วก็ขออภัยด้วยครับ ส่วนท่านไหนมีเรื่องราวการตกเครื่องของตัวเองที่อยากจะนำมาแชร์ ก็ยินดีเป็นอย่างยิ่งครับผม


-----12 สาเหตุ (พึงระวัง) ที่ทำให้คนตกเครื่องโดยไม่รู้ตัว-----
ยาวหน่อยแต่มีประโยชน์แน่ครับ

1.ไปไม่ทันเวลา - แน่นอนที่สุดครับเหตุผลยอดฮิตอันดับต้นๆที่ทำให้ผู้โดยสารตกเครื่องคือการไปเชคอินโหลดกระเป๋าช้าหรือไปถึงประตูขึ้นเครื่องสาย จึงทำให้ถูกปฏิเสธการเดินทาง หลายท่านเดินทางบ่อยจนเกิดความเคยชินว่าไม่ต้องเผื่อเวลาก็ได้ แต่บางครั้งอาจต้องเผชิญกับเหตุการณ์ฉุกเฉินไม่ว่าจะเป็นรถติด อุบัติเหตุบนท้องถนน หรือการที่สนามบินมีจำนวนผู้โดยสารมากกว่าปกติในช่วงเทศกาลทำให้ต้องใช้เวลาบริเวณด่านตรวจคนเข้าเมืองและด่านตรวจ x-ray รักษาความปลอดภัยยาวนานกว่าที่เคยเป็น สุดท้ายจึงไปไม่ทันเวลาเครื่องออก แอดมินแนะนำว่าให้ปฏิบัติตามกฎของสายการบินอย่างเคร่งครัดโดยที่เผื่อเวลาไว้อย่างต่ำ 2-3 ชั่วโมงสำหรับเที่ยวบินระหว่างประเทศและ 1.5 ชั๋วโมงสำหรับเที่ยวบินภายในประเทศ และไม่ลืมที่จะตรวจสอบเวลาเรียกขึ้นเครื่อง (Boarding Time) และเวลาที่ประตูทางออกปิด (Gate Closing Time) ที่ระบุไว้บนบอร์ดดิ้งพาสด้วยทุกครั้ง ซึ่งแต่ละสายการบินก็มีนโยบายที่แตกต่างกันออกไป

2.ไปผิดสนามบินหรือใช้บริการผิดอาคาร - เมืองที่มีการจราจรทางอากาศแออัดหรือมีเที่ยวบินขึ้นลงอย่างหนาแน่นมักจะมีสนามบินมากกว่า 1 แห่ง บางแห่งมีมากกว่า 1 อาคาร (Terminal) ไว้รองรับให้เพียงพอต่อจำนวนเที่ยวบินและจำนวนผู้โดยสาร การตรวจสอบสนามบินให้ถูกต้องว่าเที่ยวบินของเราเดินทางออกจากที่ไหน อาคารที่เท่าไรเป็นเรื่องที่สมควรอย่างยิ่ง หลายครั้งที่ผู้โดยสารไปผิดสนามบิน และส่วนมากแต่ละสนามบินก็ไม่ได้ตั้งอยู่ใกล้กันเลย เมื่อตรวจสอบสนามบินเรียบร้อยแล้วก็ควรตรวจสอบเบอร์อาคารด้วย มีหลายประเทศที่แต่ละอาคารในสนามบินเดียวกันไม่ได้เชื่อมต่อกัน โดยเฉพาะสนามบินใหญ่ๆในต่างประเทศซึ่งบางแห่งมีมากถึง 7 อาคารภายในสนามบินเดียว จึงจำเป็นต้องเผื่อเวลาไว้สักนิดสำหรับการเดินทางจากอาคารสู่อาคาร

3.ดูวันและเวลาบนตั๋วผิด - หนึ่งในอีกสาเหตุยอดฮิตที่ทำให้คนตกเครื่องคือการไปสนามบินผิดวัน โดยเฉพาะเที่ยวบินที่ออกในช่วงเช้าตรู่หลังเที่ยงคืนเป็นต้นไป ตัวอย่างเช่น ถ้าเที่ยวบินระบุเวลาออก 00.30 (เที่ยงคืนครึ่ง) ของวันที่ 25 เมษายน นั่นหมายความผู้โดยสารจะต้องไปทำการเชคอินตั้งแต่ค่ำคืนของวันที่ 24 เมษายน พอผ่านพ้นหลังเที่ยงคืนไปก็จะกลายเป็นวันใหม่ ซึ่งตรงกับที่ตั๋วระบุไว้ว่าเครื่องออกวันที่ 25 นั่นเอง หลายท่านเข้าใจผิดว่า พอตั๋วระบุ 00.30 ของวันที่ 25 จึงไปสนามบินในคืนวันที่ 25 ซึ่งความจริงคือเครื่องได้ออกไปเรียบร้อยแล้วทำให้ต้องตกเครื่องไปโดยปริยาย อีกกรณีหนึ่งที่คนมักเข้าใจผิดคือรูปแบบการแจ้งเวลาเครื่องออก ซึ่งแต่ละสายการบินและเอเย่นนั้นอาจใช้ไม่เหมือนกัน ตัวอย่างเช่นถ้าบนตั๋วระบุว่าเครื่องออก 01.00 ผู้โดยสารควรเชคให้มั่นใจว่าสายการบินหมายถึง 01.00 pm (13.00) หรือ 01.00 am (ตีหนึ่ง) เป็นต้น

4.ขอวีซ่ามาผิดประเภทหรือผิดประเทศ - ผู้โดยสารควรที่จะต้องขอวีซ่ามาให้ตรงกับวัตถุประสงค์ของการเดินทาง เช่นไปท่องเที่ยวก็ต้องของวีซ่าท่องเที่ยว ไปทำงานก็ต้องขอวีซ่าทำงาน อันนี้อาจจะเป็นเรื่องที่เข้าใจง่ายและทุกคนก็พร้อมจะปฏิบัติตามแต่ปัญหามักเกิดขึ้นจากการเดินทางเข้าเป็นครั้งที่สองเป็นต้นไป ตัวอย่างเช่น เคยไปทำงานจึงมีวีซ่าทำงานที่ยังไม่หมดอายุค้างอยู่ในเล่ม ผู้โดยสารไม่อยากที่จะขอวีซ่าใหม่ให้เสียเวลาและเสียสตางค์เพิ่ม จึงใช้วีซ่าทำงานอันเดิมที่มีอยู่เดินทางไปท่องเที่ยว สุดท้ายถูกพนักงานสายการบินปฏิเสธการขึ้นเครื่องเนื่องจากใช้วีซ่าผิดวัตถุประสงค์ นอกจากนี้จากประสบการณ์ตรงของแอดมินยังมีผู้โดยสารจำนวนมากที่ขอวีซ่ามาผิดประเทศ ตัวอย่างเช่นในอดีตผู้โดยสารต้องการเดินทางไปไต้หวันแต่ดันขอวีซ่าประเทศจีนมาแทน จึงทำให้ไม่สามารถเดินทางได้ (ปัจจุบันคนไทยเดินทางเข้าไต้หวันในบางจุดประสงค์ไม่ต้องใช้วีซ่าแล้ว)

5. มีคดีความติดตัว - กรณีนี้สำหรับเที่ยวบินระหว่างประเทศ เนื่องจากผู้โดยสารหลายท่านมีคดีความติดตัวและมีคำสั่งห้ามออกนอกประเทศโดยที่ไม่รู้ตัว ทำให้ไม่สามารถเดินทางได้ จึงต้องยกเลิกทริปไปโดยปริยาย โดยข้อมูลเชิงลึกในประเด็นนี้ แอดมินแนะนำให้ศึกษาเพิ่มเติมได้จากข้อกฎหมายหรือผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านโดยตรง ทางเราเป็นเพจท่องเที่ยวไม่ต้องการที่จะให้ข้อมูลแบบผิดๆไป จึงขอชี้นำในส่วนของหัวข้อเท่านั้น

6.ดูบัตรขึ้นเครื่องผิดใบ - กรณีนี้มักจะเกิดกับผู้โดยสารที่มีการเชคทรู ตัวอย่างเช่น เดินทางจากกรุงเทพไปโตเกียว โดยแวะทรานสิทที่ไทเป เมื่อทำการเชคอินโหลดกระเป๋าที่ต้นทางแล้วจึงได้บัตรขึ้นเครื่องมาถือไว้สองใบ ใบแรกคือกรุงเทพไทเป และใบที่สองคือไทเปบินเข้าญี่ปุ่น เมื่อตรวจสอบเลขประตูขึ้นเครื่องจากบัตรที่นั่งดันไปดูอันที่ใช้สำหรับเที่ยวบินถัดไป ไม่ใช่เที่ยวบินที่ออกจากกรุงเทพ จึงไปนั่งคอยยังที่ผิดประตูทางออก กว่าจะรู้ตัวก็อาจสายเกินไปแล้ว เหตุผลนี้ทำให้ผู้โดยสารตกเครื่องมาค่อนข้างมาก จึงเห็นพนักงานสายการบินชอบวงกลมหรือไฮไลท์ประตูทางออกที่ถูกต้องบนบัตรขึ้นเครื่องด้วยปากกาเป็นการเน้นย้ำอีกครั้งหนึ่งให้ผู้โดยสารทราบอยู่เสมอ

7.ประตูทางออกเปลี่ยน (Gate Changed) - หลายครั้งหลายหนที่ทางสนามบินไม่สามารถหมุนเวียนประตูทางออกขึ้นเครื่องมาให้เครื่องบินจอดได้ทัน ไม่ว่าจะเป็นเหตุผลของเที่ยวบินที่ใช้หลุมจอดก่อนหน้าขัดข้องหรือดีเลย์ ทำให้เที่ยวบินถัดๆไปมีความจำเป็นต้องเปลี่ยนประตูทางออกกระทันหัน บางครั้งอาจจะเปลี่ยนไปยังอันข้างๆซึ่งก็สะดวกสบายแก่ผู้โดยสารหน่อย ไม่ต้องเดินไกล แต่บางครั้งถ้าสนามบินเต็มจริงๆก็คงต้องเปลี่ยนไปยังประตูทางออกที่ว่าง ซึ่งอาจจะอยู่ไกลกว่าอันเดิมมาก ผู้โดยสารควรที่จะต้องคอยฟังประกาศหรือเชคหน้าจอแสดงผลเป็นระยะๆ จนกว่าจะมั่นใจว่าเที่ยวบินของเราจะทำการออกจากประตูขึ้นเครื่องที่เราไปรออยู่แน่ๆเพื่อป้องกันการตกเครื่องที่อาจเกิดขึ้นได้

8.เที่ยวบินเปลี่ยนเวลาออกกระทันหัน (Re-time) - มีเหตุผลหลายประการที่สายการบินจำเป็นต้องเปลี่ยนเวลาออกกระทันหัน ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของเครื่องเสีย เที่ยวบินขาเข้าล่าช้า หรือเหตุผลทางด้านการตลาด ทั้งนี้ทั้งนั้นส่วนมากจะเป็นการเลื่อนเวลาออกให้ช้าลง ซึ่งผู้โดยสารมักจะได้รับการแจ้งล่วงหน้าทุกครั้ง อาจจะหงุดหงิดกวนใจบ้างแต่ก็ไม่ได้เป็นปัญหาอะไร ส่วนในกรณีที่เครื่องต้องออกเร็วขึ้นกระทันหัน (Early Re-time) ก็มีให้พบเห็นอยู่เป็นประจำ ซึ่งมักจะเกิดขึ้นในภาวะที่ประเทศปลายทางมีการพยากรณ์เกี่ยวกับภัยธรรมชาติ เช่น การเกิดพายุ เป็นต้น กรณีนี้สายการบินอาจได้รับการแจ้งว่ามีความจำเป็นต้องนำเครื่องลงจอดภายในเวลาที่กำหนด กัปตันจึงต้องตัดสินใจกระทันหันนำเครื่องออกก่อนเวลาเพื่อเหตุผลทางด้านความปลอดภัย และเนื่องจากเป็นเหตุสุดวิสัยบางครั้งผู้โดยสารจึงไม่ได้รับการแจ้งล่วงหน้า จริงอยู่ว่าทั้งหมดต้องเป็นความรับผิดชอบของสายการบินเพราะผู้โดยสารไม่ได้ผิดอะไร แต่ถ้าเครื่องออกไปแล้วเราก็คงทำอะไรไม่ได้มาก นอกจากรอการจัดหาจากสายการบินให้โดยสารไปในเที่ยวบินถัดไปซึ่งอาจจะเป็นวันรุ่งขึ้นหรืออีก 3 วันข้างหน้า เพื่อป้องกันปัญหาที่เกิดขึ้น จึงแนะนำให้ผู้โดยสารหมั่นฟังประกาศและเชคหน้าจอแสดงผลของสถานะเที่ยวบินอยู่เป็นประจำเมื่ออยู่ที่สนามบิน

9.หนังสือเดินทางหายหรือชำรุด - อย่างที่ทุกท่านทราบกันดีว่าหนังสือเดินทางเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งในการเดินทางเข้าออกสำหรับเที่ยวบินระหว่างประเทศ ผู้โดยสารจึงควรเก็บไว้ใกล้ชิดกับตัวด้วยความระมัดระวัง อย่างไรก็ตามหลังจากที่เชคอินโหลดกระเป๋าแล้วผู้โดยสารบางท่านวางหนังสือเดินทางไว้บนรถเข็นหรือตามโต๊ะอาหารโดยที่ไม่รู้ตัว ถ้ามีคนเก็บไว้ให้ก็โชคดีไป แต่บางครั้งโชคไม่ดีอาจโดนมิจฉาชีพที่แฝงตัวมาเป็นผู้โดยสารหยิบไปเพื่อจำหน่ายต่อหรือนำไปทำหนังสือเดินทางปลอม กรณีศึกษาแบบนี้มีให้พบเห็นอยู่บ่อยครั้ง หรือแม้กระทั่งบางทีผู้โดยสารทำหนังสือเดินทางตกในห้องน้ำระหว่างที่ทำธุระ จึงเปียกและชำรุดทำให้ไม่สามารถเดินทางต่อได้เพราะเอกสารการเข้าเมืองไม่สมบูรณ์

10.หลับเพลิน - ไม่ว่าจะเป็นเที่ยวบินกลางดึก เที่ยวบินเช้าตรู่ ผู้โดยสารเปลี่ยนเครื่องเป็นเวลานาน และภาวะ Jet lag มักเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ผู้โดยสารตัดสินใจงีบตามส่วนต่างๆของสนามบิน ซึ่งบางครั้งด้วยความที่เหนื่อยมากๆจึงหลับเพลินไม่ได้ฟังประกาศหรือการเรียกขึ้นเครื่องของพนักงาน สุดท้ายทำให้ต้องตกเครื่องไปโดยปริยาย กรณีที่ต้องการพักสายตาจริงๆแนะนำให้นั่งหรือนอนในบริเวณที่พนักงานสายการบินสามารถมองเห็นได้ชัดเพื่อการตามตัวได้อย่างทันท่วงทีในกรณีที่ถึงเวลาเรียกขึ้นเครื่อง

11.ช๊อปปิ้งเพลิน - กรณีนี้อาจฟังดูเป็นสาเหตุที่ไม่น่าเกิดขึ้นได้ แต่ความจริงแล้วคือเกิดขึ้นให้เห็นอยู่บ่อยครั้งที่ผู้โดยสารเดินช๊อปปิ้งอยู่ในสนามบินเพลินจนลืมเวลาเรียกขึ้นเครื่อง โดยเฉพาะในสนามบินต่างประเทศที่มีร้านค้าปลอดภาษี แบรนด์เนม ยี่ห้อต่างๆมาล่อตาล่อใจขาช๊อปชาวไทย กรณีนี้รวมไปถึงการเข้าคิวขอภาษีคืนที่สนามบิน (Vat Refund) ซึ่งมักใช้เวลานานและมีขั้นตอนที่ทำให้เสียเวลา ด้วยความที่ซื้อของไปเป็นจำนวนมากและมีมูลค่ามหาศาล ผู้โดยสารบางท่านจึงจำเป็นต้องรับเงินภาษีคืนให้ได้ จึงต้องเลือกที่จะตกเครื่องและเลื่อนตั๋วไปยังเที่ยวบินถัดไปแทน ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับการพิจารณาเป็นการส่วนตัวของแต่ละท่านว่าแบบไหนจะเสียหายมากหรือน้อยกว่า อย่างไรก็ตามอย่าลืมว่าทุกครั้งทีต้องมีการขอภาษีคืน ผู้โดยสารควรเผื่อเวลาการไปถึงสนามบินให้มากกว่าเดิม

12. การต่อเครื่องอย่างกระชั้นชิด - ทุกสนามบินบนโลกจะมีการกำหนดระยะเวลาเปลี่ยนเครื่องขั้นต่ำที่ผู้โดยสารต้องมีหรือที่เราเรียกเป็นภาษาอังกฤษว่า Minimum Connecting Time (MCT) โดยแบ่งออกเป็นหลายๆเกณฑ์เช่น เที่ยวบินระหว่างประเทศต่อเที่ยวบินระหว่างประเทศ เที่ยวบินระหว่างประเทศต่อเที่ยวบินในประเทศ หรือเที่ยวบินในประเทศต่อเที่ยวบินในประเทศก็ว่ากันไป ทั้งนี้ทุกเกณฑ์คำนวนมากจากพื้นที่ของอาคารสนามบิน ระยะทางการเดิน ขั้นตอนการผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง ขั้นตอนการผ่านด่าน x-ray และความหนาแน่นของจำนวนผู้โดยสาร ซึ่งแต่ละสายการบินก่อนที่จะทำการขายตั๋วให้ผู้โดยสารนั้นจะมีการคำนวนเวลาเปลี่ยนเครื่องออกมาว่าเพียงพอต่อกฎ MCT ของสนามบินนั้นๆหรือไม่ กรณีนี้จึงไม่น่าเป็นห่วงเท่าไร แต่ในกรณีที่ผู้โดยสารทำการจองตั๋วแยกกันเองสองฉบับเพื่อมาใช้เดินทางต่อกันเนื่องจากบางทีราคาออกมาถูกกว่ามาก จึงจำเป็นต้องศึกษากฎสำหรับเวลาเปลี่ยนเครื่องขั้นต่ำของสนามบินกลางทางนั้นๆให้ถี่ถ้วนว่าเพียงพอหรือไม่ เราอาจจะหยุดใช้คำถามและความรู้สึกส่วนตัวที่ว่าเปลี่ยนเครื่องที่นี่ที่นั่นที่โน่น 2 ชั่วโมงพอหรือไม่ 3 ชั่วโมงพอหรือไม่ เป็น Minimum Connecting Time ของสนามบินนั้นกำหนดไว้เท่าไร แล้วจึงปฎิบัติตามอย่างเคร่งครัดเพื่อป้องกันการตกเครื่องที่อาจเกิดขึ้นได้

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่