มีหลายเรื่องราวที่ซ่อนอยู่หลังภาพ ที่คิดแค่เพียงว่า อยากจะถ่ายมาเพื่ออวดเพื่อนๆ


แต่ก่อนผมเป็นคนที่ชอบเห่อถ่ายภาพตามแนวสมัยนิยม
ที่ผ่านมา หนึ่งในแนวภาพ ที่เพื่อนๆนักถ่ายภาพในกลุ่มของผมมักจะนิยมถ่าย
ก็คือภาพผู้คนจากสถานที่ต่างๆ โดยเน้นไปที่ ผู้คนที่มีบุคลิกภาพที่ดูแปลกตา
โดยเฉพาะเด็กๆ และ ภาพเด็กที่ดูมอมแมม...หน่อย..
ผมมักจะไม่ค่อยพลาดที่จะถ่ายเก็บเอามาไว้โชว์เพื่อนๆ
ซึ่งภาพนี้ เพื่อนๆผมเขาก็ชอบกันมากพอสมควร
แต่มันมีเรื่องราว ที่อีกหลายคนไม่เคยรู้ เพราะผมไม่ค่อยอยากจะเล่า
มันไม่ใช่แค่ภาพ เด็กมอมแมม  ที่ถ่ายให้แค่ดูสวยงาม

แต่เป็นภาพของเด็ก ที่ "โอกาสทางสังคม" ไม่เคยส่งลงมาถึ่ง
การดิ้นรนเอาชีวิตรอด ไปวันวัน...แบบไม่มีอนาคต
การถูกเอารัดเอาเปรียบแบบไม่มีการแยกแยะว่าเด็กหริอคนแก่
และบทลงโทษของสังคมที่ช่างโหดร้าย

สรุปว่า...... ในครั้งนั้น ถ้าผมรู้ว่า....
การให้เงิน  มันอาจจะไม่ได้ เป็นการให้แค่ การสร้างโอกาส
แต่มันก็ทำให้เกิดประสบการณ์อันเลวร้าย ให้ผลที่สะเทือนใจ ตามมาด้วยเหมือนกัน

(จะเล่ายาวแล้วนะครับ)  ถ้าไม่ขี้เกียจ อ่าน ก็ค่อยๆ อ่านไปนะครับ....
... เรื่องมันมีอยู่ว่า ครั้งหนึ่ง.....
ผมเคยให้โอกาสกับเด็กน้อยที่หิวโหย ที่เดินขอเงิน นักท่องเที่ยว
อยู่แถวๆตลาดใหญ่ (ตลาดจันปัท) กลางกรุง เดลลี ประเทศอินเดีย
ด้วยการ สละเงินจำนวนหนึ่ง ไปซื้อของบางอย่างให้เด็กคนนั้น...

เหตุการในตอนนั้น .. มันเริ่มจาก การที่....
มีเด็ก วิ่งเข้ามาขอเงิน กับผม...และ ผมก็ได้ให้เงิน(2-3 รูปี) กับเด็กคนนั้น...ซึ่งก็ไม่มากอะไร
ที่จริงก่อนหน้านี้... เพื่อนๆและรุ่นพี่ ก็เคยเตือนผมแล้ว...ว่า.....
ถ้าเด็ก หญิงอุ้มลูก หรือ ขอทานแก่ ๆ... เดินเข้ามาขอเงิน "ต้องใจแข็ง อย่าให้" .....
เดี๋ยวจะแห่กันมาลุม  ...  และ ถ้าเดินหนีไม่ทัน...
เหตุการณ์ ที่ดูเหมือนจะอันเลวร้าย อาจจะเกิดขึ้น ได้ เช่น...
โดนขอทาน หรือ เด็กมอมแมม...โผเข้ากอด
เวลาที่ ตื้อแล้วยังเฉย..ไม่ตอบสนอง...
เวลาที่ ให้คนหนึ่งแล้ว ไม่ให้อีกคนหนึ่ง....หรือ
ให้เงินน้อยเกินไป ... บางคนก็ขอเป็น 10 รูปีขึ้นก็มี
แต่จริงๆแล้ว ผมต้องโทษ เจ้าเพื่อนผม ที่ไปด้วยกัน ...
"ดันแต่งตัว ด้วยแฟชั่นอันสุดหรู"
เหมือนกับเดินอยู่แถว กรุงปารีส.... ทั้งสีสันก็สะดุดตาสุดๆ...
จึงไม่น่าสงสัยว่า... ทำไม ขอทานและเด็กๆ จึงปรี่เข้ามาหา ผมกับเพื่อน...
แทบตลอดทาง... เดินตลาด...
ในทันทีที่ก้าวเท้า ย่ำลงบน อาณาบริเวณของ ตลาดจันปัท....

สำหรับเด็ก คนที่ผม อดใจไม่ได้ ที่จะสละเงินจำนวนหนึ่งไปให้เอาไว้ซื้อขนมกิน
ก็เพราะว่า.. ถูกใจที่พูดภาษาอังกฤษ คล่องดี...คล่องจนน่าแปลกใจ
ว่าทำไม เด็ก ที่ดูยากจน ไม่น่าจะพูดภาษาอังกฤษได้ดีขนาดนี้
ถึงว่าจะไม่เป๊ะ มาก แต่ก็สื่อสารกันได้รู้เรื่องกันดีเลยทีเดียว

และ ก็เพราะว่า พูดภาษาอังกฤษคล่องมาก...
เขาก็ได้บอกผม ต่อไปว่า... "ถ้าเขามีกล่องไม้ ที่เป็นเครื่องมือสำหรับขัดรองเท้า"
(ตามรูปที่โพสต์)
มันคงจะดีกับชีวิตเขามาก เขาจะมีงาน มีเงินประทังชีวิต
ดีกว่าเร่ไปขอเศษเงิน จากนักท่องเที่ยว...

และในขณะนั้นเอง ความคิดดีดี  ก็ได้บรรเจิดขึ้นมาในใจของผม
เหมือนกับมหาเศษฐี มหาราชา กำลังจะมอบมหาทานให้กับผู้ยากไร้ที่โชคดี...อะไรประมาณนั้น...
และเด็กคนนี้ ก็จะเป็นด็กผู้โชคดี... คนที่ผมกำลังจะมอบ ของขวัญอันมีค่าให้กับเขา..

เพียงเพราะคาดหวังว่า...
สิ่งที่ผมกำลังจะทำต่อไปนี้...
มันน่าจะกลายเป็นเรื่องราวแห่งความประทับใจ
สามารถเก็บเอาไว้เล่าให้ใครต่อใครฟังไปอีกนาน

และ เมื่อหันไปมองสบ ตากับเพื่อนที่เดินไปเที่ยวตลาดด้วยกัน
เขาเองก็ไม่ได้เอ่ย อะไร ในเชิงห้ามปราม
ตอนนั้น ....เรื่อง การถูกเด็กหลอก  หรือ เรื่องสิ้นเปลือง ผมไม่คิดครับ..
ได้แต่คิดในใจว่า มันคงจะดีมากแค่ไหน
ถ้าเด็กด้อยโอกาสคนหนึ่งได้รับโอกาสที่จะเปลี่ยนชีวิต
ถึงแม้ว่า จะไม่ใช่เรื่องที่ยิ่งใหญ่เหมือนกับการให้ทุนการศึกษา
แต่อย่างน้อย โอกาสทางอาชีพน่าจะช่วยให้เขามีกินไปตลอด
ผมตัดสินใจ สอบถามหาแหล่งซื้อ อุปกรณ์ จากเด็กคนนั้น...
หลังจากซื้อไอติมเลี้ยง เด็กน้อยที่โชคดีจนอิ่มแล้ว
ผมก็ลงทุนนั่งรถ3ล้อตุ๊กตุ๊ก โดยไม่คิดกลัวว่าจะถูกเด็กหลอก
เพราะว่า.. มีเพื่อนชายหนุ่ม ไปด้วย...
เด็กน้อย...ก็ได้เป็นคนเรียกรถ ตุ๊กตุ๊ก บุกตลุยเข้าไปถึงย่ายชุมชนแออัด
หนทางไกลมาก ๆ หลายแยก หลายโค้งเลยทีเดียว...
แต่ ค่ารถ ตุ๊กๆเสียไปแค่ 25 รูปี (เอง)
ราคาเมื่อ 20 ปีที่แล้ว สำหรับคนยากจน ผมก็ว่า สมราคา อยู่
แต่สำหรับนักท่องเที่ยว ผมลองเปรียบเทียบดูแล้ว
แค่นั่งจากโรงแรมที่พัก ไปตลาด หรือ ไปห้าง เพื่อช็อปปิ้ง..
แค่ไปไม่ถึงกิโล  ก็โดนฟันราคาไป 50 กว่า รูปี แล้ว...

เด็กน้อย พาผมเข้าไปในสลัม พาไปถึงแหล่งที่เขาทำ กล่องไม้ขาย
ผมพยายามปลอบใจตัวเองว่า... ผมคงจะไม่โดนหลอก...
หลังจาก ได้พิจารณา ดูสถานที่โดยรวม...
มีการทำ กล่อง ขัดรองเท้าเอาไว้หลายอันอยู่  
และ สังเกตเห็นว่า...ทั้งผู้ใหญ่ และเด็กๆแถวตลาด
ก็มีสะพายกล้องขัดรองเท้ากันอยู่หลายคนเช่นเดียวกัน
และ ก็เดาเอาว่า ไม้ที่อินเดีย น่าจะหายาก ราคาเลยแพง
และ ใครใคร ที่อยากทำอาชีพนี้ ก็เลยจะต้องเสียค่าต้นทุนที่ค่อนข้าสูง
แต่จะเสียค่าเจ้าที่ (ด้วยหรือเปล่า) อันนี้ผมไม่รู้


รู้อย่างเดียวว่า "ค่ากล่องขัดรองเท้าที่ทำจากเศษไม้เก่าๆเยินๆ
พร้อมด้วยอุปกรณ์ กีวี่ แปรงขัดเล็ก จะราคาสูงถึง 500 รูปี"

สมันนั้น คิดถึงมูลค่าเงิน ก็น่าจะ แพงอยู่
แต่สำหรับผม คิดว่าสู้ไหว...คิดแค่ว่าวันนั้น ผมจะเทหมด หน้าตัก
เงินที่แลกจะมาซื้ออาหารซื้อผ้าอินเดีย...กลับบ้าน
ผมยอม...เทให้ กับเด็กน้อยผู้โชคดี ผู้ที่ผมได้เลือก

ส่วนจะถือว่าเราโดนหลอกหรือเปล่านั้น
อย่างที่กล่าวเอาไว้ตอนต้น...ผมไม่ได้คิดแล้ว
มาถึงที่แล้ว  ต้องจ่ายอย่างเดียว.....
หลังจากได้ของ (กล่องขัดรองเท่าพร้อมอุปกรณ์)
เจ้าเด็กน้อย ที่ผมช่วย  ดูเหมือนว่า เขาจะดีใจมากมาย
พาผมกับเพื่อนนั่งรถกลับไปที่ เดิม ... ("ตลาดจันปัท" ) ที่ที่เราเจอกันครั้งแรก
ดูเหมือนว่า เด็กน้อยพร้อมที่จะเริ่มงานแล้ว
แต่ก็นั่แหละครับ เด็กน้อยไม่ได้อยู่ตามลำพัง ยังมีเด็ก คนอื่นๆอยู่แถวนั้นด้วย
แต่พอ เด็กน้อยที่ได้ของ เจอเพื่อนๆ เขาก็ไม่ลังเลที่จะโชว์ของ...ที่เขาได้จากผม...
เท่านั้นแหละครับ  ....
เด็กคนอื่นๆ วิ่งกรูเข้ามาหาผมกับเพื่อนๆ
และ ร้องขอในสิ่งเดียวกัน กับที่ผมให้กับเด็กคนแรก
เด็ก เด็ก ห้อมล้อม ดึงแขน และ ต่างก็ตะโกนเป็นภาษาอังกฤษ
แต่ในช่วงนั้น ผมรู้สึกว่า..สถานะการณ์ ไม่ค่อยจะดีซะแล้ว
เพื่อนผม ส่งสัญญาณว่า ... พวกเราควรรีบไปกันเถอะ...
แต่ ยังไม่ทันจะก้าวเท้า .....
มีชายร่างใหญ่ แต่งตัว ในเครื่องแบบ...เหมือนข้าราชการ
ปรี่ เข้ามาคว้าแขนของเด็กคนนึ่ง แล้วกระชากออกไป
พร้อมกับ ตะหวาด ด้วยเสียงอันหน้ากลัว
ประมาณว่า อย่าไปยุ่งกับนักท่องเที่ยว
แต่ไม่ใช่แค่นั้น  ภาพที่ผมได้เห็น มันคือ
เด็ก โดน ตีด้วยไม้เรียว (ยาวประมาณเมตรกว่า) แรงๆ แบบไม่มียั้งมือ
ไปประมาณหนึ่งชุดใหญ่ (นับไม่ถ้วนครับ)

เด็กคนนั้น ร้องไห้ ด้วยความกลัว และ ความเจ็บ ...เป็นภาษาฮินดี...
ผมฟังไม่ออกครับ รู้แต่ว่ามันโหยหวน น่าสลดใจมากๆ
ส่วน เด็กคนอื่นๆ ก็วงแตก.... วิ่งหาย...วับไปกลับตา...
เหลือแต่เพียง ความรู้สึกสะเทือนใจ ที่ได้เห็นความรุนแรงต่อหน้าต่อตา
เพื่อนผม ลาก ผมออกมาจากสถานที่นั้น ในทันที....โดยไม่มองเหลียวหลัง

จาก ครั้งแรก ที่ยังคงมีแต่ ความกระหยิ่ม ยิ้มย่องอยู่ในใจ
และฝันหวาน ในสิ่งที่ได้คิด เอาไว้ตั้งแต่ต้น...ว่า...
วันนี้ขอเป็น ฮีโร่นิระนาม ช่วยเหลือเด็กด้อยโอกาส ซักวัน...
แต่ ทะว่า... คืนนั้นทั้งคืน ....
ผมคิดถึงแต่ ภาพของเด็กที่ ร้องไห้อย่างน่าเวทนา ที่ทั้งกลัวและทั้งเจ็บ
และ กับเงิน... ๕๐๐ รูปี ที่ผมเสียไป
ที่ในที่สุด  ... ก็ไม่ได้สร้างความปลื้มใจให้ กับผมเลย....

และสุดท้าย...มีแต่ภาพชายร่างยักษ์ ที่แต่งเครื่องแบบ กระชากแขนเด็กน้อย ลากไปหวด..ด้วยไม้เรียว
ทุกครั้งที่ได้มองเห็นภาพภาพนี้ครับ.....
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่