JJNY : เสดตะกิดดี๊ดี...ซี้จุกสูญ เอกชนซีด 10 ปมเสี่ยงทุบส่งออก

กระทู้คำถาม


เอกชนจับตา 10 ปัจจัยเสี่ยงใหม่ กระทบเศรษฐกิจ-การค้าไทยเผชิญความไม่แน่นอน ส่อชะลอตัว "อภิรดี"สั่ง 65 ทูตพาณิชย์เกาะติดสถานการณ์คู่ค้าใกล้ชิดหวั่นทุบส่งออก กกร.ยันเศรษฐกิจไทยปีนี้ยังขยายตัวได้ 3.5-4% ส่งออกโต 1-3% เอดีบีชี้ยังมีปัจจัยบวก

เศรษฐกิจ และการส่งออกของไทยนับจากนี้ยังต้องเผชิญกับปัจจัยเสี่ยง ทั้งปัจจัยภายในและภายนอกที่ไม่สามารถควบคุมได้ ซึ่งจะส่งผลให้เป้าหมายทางเศรษฐกิจในหลายด้านของไทยตั้งอยู่บนความไม่แน่นอน ภาคเอกชนและภาครัฐได้จับตาและเตรียมพร้อมรับมือ

นายวัลลภ วิตนากร รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.)เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ"ว่า ปัจจัยเสี่ยงต่อเศรษฐกิจ และการส่งออกของไทยนับจากนี้ ในส่วนของปัจจัยเสี่ยงภายนอก 5 อันดับแรกได้แก่
1.การก่อการร้ายที่ขยายตัวในยุโรปจะกระทบต่อบรรยากาศการค้าในสหภาพยุโรป(อียู)ชะลอตัว และอาจกระทบต่อการส่งออกของไทย
2.ความตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลี กรณีสหรัฐฯ-เกาหลีเหนือ ที่ทั่วโลกจับตาเหตุการณ์จะพัฒนาไปอย่างไร จากความไม่แน่นอนของเหตุการณ์จะส่งผลให้การค้า การลงทุน ค่าเงินของโลกมีความผันผวน
3.การเมืองในยุโรปที่หลายประเทศจะมีการเลือกตั้งใหม่ เช่น ฝรั่งเศส เยอรมนี เนเธอร์แลนด์ อิตาลี รวมถึงกรณีอังกฤษเตรียมยุบสภาเพื่อเลือกตั้งใหม่ในเดือนมิถุนายนนี้ จะส่งผลต่อนโยบายการค้า การลงทุนของประเทศเหล่านี้เปลี่ยนแปลงไป และอาจกระทบไทย
4.กรณีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯได้มีคำสั่งให้มีการตรวจสอบการขาดดุลการค้าของสหรัฐฯกับ 16 ประเทศซึ่งรวมทั้งไทยใน 90 วัน ไทยเสี่ยงถูกตอบโต้ทางการค้า และ
5.ธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟดมีเป้าหมายจะปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอีก อาจมีผลต่อเงินทุนต่างชาติไหลออกจากไทยอีกระลอก กระทบตลาดหุ้น ค่าเงินผันผวน

ส่วนปัจจัยเสี่ยงภายใน 5 อันดับแรกได้แก่
1.ต้นทุนการผลิตของภาคเอกชนมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นตามราคาน้ำมัน และค่าไฟฟ้า
2.เงินบาทผันผวนในทิศทางแข็งค่า จากต้นปีถึงปัจจุบันแข็งค่าขึ้น 4% มาอยู่ที่ระดับ 34 บาทกว่าต่อดอลลาร์สหรัฐฯ กระทบภาคการส่งออกจากราคาสินค้าสูงขึ้น
3.ความคาดหวังเอกชนขยายการลงทุนในโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก(อีอีซี)ในอุตสาหกรรมเป้าหมายยังล่าช้า ไม่แน่นอน
4.ความเชื่อมั่นการบริโภคของประชาชนยังไม่ดีเท่าที่ควร และ
5.ยังมีความขัดแย้งและเห็นต่างทางการเมืองในประเทศ

"ณ ปัจจุบันโลกเปราะบางมาก ความขัดแย้งในหลายพื้นที่เริ่มรุนแรง มหาอำนาจปะลองกำลัง เช่นกรณีในซีเรีย ในคาบสมุทรเกาหลี ทรัมป์จะมีมาตรการตอบโต้ทางการค้าอย่างไร ผู้ประกอบการต่างรอดูเพราะกระทบเราทั้งทางตรงและทางอ้อม"

สอดคล้องกับนายชิงชัย หาญเจนลักษณ์ รองประธานกรรมการหอการค้าไทย ที่มองปัจจัยเสี่ยงภายนอกและภายในที่อาจกระทบต่อเศรษฐกิจ และการส่งออกของไทยนับจากนี้คล้ายกัน แต่ที่เพิ่มเติมปัจจัยเสี่ยงภายนอกคือกรณีเศรษฐกิจของจีนที่ชะลอตัว ปีนี้อาจขยายตัวเพียง 6% จะกระทบต่อการส่งออกของไทยไปจีนได้

เช่นเดียวกับนายเกรียงไกร เธียรนุกูล ประธานสภาธุรกิจไทย-รัสเซียที่มองปัจจัยเสี่ยงใกล้เคียงกัน ซึ่งปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ข้างต้นเอกชนไทยต้องเร่งปรับตัว เช่นผลิตสินค้าให้ได้มาตรฐานสากล มีมูลค่าเพิ่มสูง และเร่งหาตลาดใหม่ๆ ที่มีศักยภาพเช่นอินเดีย แอฟริกา รวมถึงหาช่องทางเพิ่มการส่งออกไปยังตลาดจีนและญี่ปุ่นที่ยังมีช่องทางโอกาสอีกมาก

นายวิชัย อัศรัสกร รองประธานกรรมการหอการค้าไทย กล่าวว่า แม้จะมีความเสี่ยงอยู่มาก แต่เบื้องต้นทางคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน(กกร.)ยังคงเป้าหมายการส่งออกของไทยในปีนี้ขยายตัวที่ 1-3% และเศรษกิจไทยขยายตัวได้ 3.5-4% ขณะที่นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เผยว่า ล่าสุด ได้สั่งการให้สำนักงานพาณิชย์ไทยในต่างประเทศ 65 แห่ง ตรวจสอบสถานการณ์ทางเศรษฐกิจในพื้นที่ความรับผิดชอบอย่างรอบด้าน เช่น การค้า การลงทุน การเมือง และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นปัจจัยที่จะส่งผลกระทบต่อการค้าระหว่างไทยกับประเทศคู่ค้าต่างๆ เหล่านี้ได้

ด้านดร.ลัษมณ อรรถาพิช เศรษฐกรอาวุโสของธนาคารพัฒนาเอเชีย (เอดีบี) ประจำประเทศไทย เปิดเผยว่า ในปีนี้เอดีบีคาดหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจไทยที่อัตรา 3.5% และเพิ่มขึ้นเป็น 3.6 % ในปี 2561 (จากปี 2559 ขยายตัว 3.2%) มีหลายปัจจัยบวก ได้แก่ การขยายตัวที่ดีขึ้นของเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมหลัก ประกอบกับการบริโภคภายในประเทศที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ทั้งยังจะได้แรงขับเคลื่อนจากการดำเนินโครงการลงทุนขนาดใหญ่ของภาครัฐในด้านโครงสร้างพื้นฐาน

อย่างไรก็ตาม ปัจจัยเสี่ยงยังคงมีอยู่ โดยปัจจัยภายนอกนั้นจะมีผลกระทบไปทั่วโลก ไม่เพียงเฉพาะแต่กับไทย ซึ่งก็ได้แก่นโยบายการค้าและการลงทุนของสหรัฐฯ ที่มีลักษณะกีดกันทางการค้า แต่ยังไม่รู้ว่าผลกระทบดังกล่าวจะมีมากน้อยแค่ไหน หรือจะเป็นอย่างไรต่อไปเพราะยังไม่มีความชัดเจนมากนัก อีกปัจจัยคือความการเผชิญหน้าระหว่างสหรัฐฯและเกาหลีเหนือ ที่เชื่อว่าไม่น่าจะก่อให้เกิดสงครามขึ้นมา แต่ก็เป็นประเด็นที่ต้องจับตา ทั้งนี้ทั้ง 2 ปัจจัยเสี่ยงตั้งอยู่บนความไม่แน่นอน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่