มิได้ออก จากบ้าน มานานนัก
ใจสมัคร แน่วแน่ ไม่แปรผัน
ใครจะไป ที่ไหน ไม่สำคัญ
แต่ข้านั้น จากกระบี่ ไปปีนัง
ตื่นขึ้นมา ตรงใบหน้า หาใช่ม่าน
เป็นสะพาน สานต่อไป ให้ถึงฝั่ง
นำพาไป ถึงเกาะเก่า อันโด่งดัง
ไม่ชิงชัง เกาะปีนัง ต่างรู้ดี
ข้าตื่นเต้น มิใช่น้อย ได้เห็นตึก
สุดพิลึก นึกถึงวัน อันสุขี
หากวันนี้ เธอมาด้วย ก็ยินดี
เวลานี้ ข้าเศร้าหมอง มองระทม
ข้าจะเศร้า ไปไย ให้เสียสุข
ต้องสนุก เบิกบาน และสุขสม
อีกไม่นาน ก็พานพบ ที่บรรทม
ช่างเหมือนลม โบกสะบัด พัดผ่านมา
ข้าวมื้อแรก กว่าได้มา น่าสลด
มิได้ปด มันช่าง ยากหนักหนา
ถามอังกฤษ ไยท่านตอบ มาเลย์มา
สรุปว่า ข้าต้องใช้ ภาษาใด
อิ่มท้องแล้ว ต้องไม่แคล้ว แมวในภาพ
เหมือนโดนฉาบ ทาบไว้ ไม่ไปไหน
บิดคอหน่อย มองบน ไม่สนใคร
แล้วเมื่อไหร่ เราจะพบ สบตากัน
ข้าเดินไป เตร็ดเตร่ เท่ไม่น้อย
สุดละห้อย กระต่ายน้อย เธอแปรผัน
ยามข้ามา เธอกระโดด หันหลังพลัน
ถ้าข้านั้น ดีไม่พอ ขอแก้ตัว
เดินจากไป ด้วยใจ คะนึงนิจ
ขอหยุดคิด คิดไป ให้เวียนหัว
เจอตัวเขียว ตาโต ช่างน่ากลัว
ใจระรัว มัวหมอง มองเป็นเธอ
คงไม่ผิด ถ้าข้า จะมีรัก
คอยฟูมฟัก ปกปัก รักเสมอ
แมวตัวนี้ ดูเศร้าไป ใจละเมอ
เหมือนเจอะเจอ ตัวข้า ในเงาจันทร์
ข้ารู้ตัว ว่าข้า นั้นต่ำต้อย
แต่ยังคอย ดอกฟ้า จากสวรรค์
เจ้าเด็กน้อย เอื้อมกำแพง อันสูงชัน
เดี๋ยวข้านั้น ช่วยเจ้า เราแลกกัน
มาประสบ พบเจอ สองคนนี้
เสี้ยวนาที คงได้ ของในฝัน
ช่างโชคดี กว่าข้า เป็นร้อยพัน
ส่วนข้านั้น เอื้อมแล้วไซร้ ไยจากลา
จะคิดไป ทำไม ให้ใจหมอง
กินลอดช่อง ใส่น้ำแข็ง เย็นชิวหา
หวานจับใจ เธอชอบไหม โอ้กานดา
ถ้าเธอมา ข้านี้ ช่างดีใจ
ข้าเหมือนคน โดนคุมขัง ภวังค์รัก
สุดจะหัก ห้ามจิต เธอคิดไหม
เหมือนโดนเพลง สะกดจิต มิให้ไป
เหมือนเปลไกว กล่อมข้า ทุกคืนวัน
เธออาจดู เหมือนว่า มันตลก
สกปรก รกตา พาขบขัน
คนอย่างข้า นี้หรือ มีรางวัล
ความเงียบนั้น นั่นแหละ คือความจริง
ข้าเหนื่อยล้า เรื่องวันวาน มานานแล้ว
ขอเพริศแพร้ว สักครา หน้าตลิ่ง
ลมปะหน้า แสงปะใจ ไม่ประวิง
ใจข้านิ่ง ลอยละลิ่ว ปลิวเปรมปรีดิ์
ร้องโอ้โห นี่หรือ คือคอมต้า
ตั้งสง่า สูงเด่น เป็นศักดิ์ศรี
ข้ามิได้ มารอ รถเมล์ฟรี
สองศูนย์สี่ ที่คอย ทยอยมา
ข้านั่งไกล จ่ายไป สองริงกิต
ประตูปิด ชิดใน ไกลหนักหนา
นั่งคอยดู คอยถ้า คอยเวลา
ในไม่ช้า ถึงที่หมาย คลายกังวล
รถไฟราง เคลื่อนไป ใจตุ้บตั้บ
พร้อมขยับ ขับไป ใช่ล่องหน
ยิ่งขึ้นไป วิวยิ่งกว้าง ดั่งต้องมนต์
ใครสักคน เคียงข้าง มิร้างใจ
ลอดอุโมงค์ ใกล้ใกล้ ให้ตื่นเต้น
ใจทะเล้น ลุ้นขอ พอกษัย
มิได้กลัว มองข้างหลัง ยังมีไฟ
แค่อยากไป ให้ถึงยอด ปลอดภัยเทอญ
จากพื้นหญ้า ขึ้นมา สู่บรรพต
หยาดน้ำหยด มดไต่ วิหคเหิน
สกายวอล์ค ยื่นไป ให้คนเดิน
ขอเชื้อเชิญ ถ่ายภาพ อาบหมอกควัน
เดินวนไป ได้รอบ มีขอบชิด
มัสยิด ยังมี นี่แหละฝัน
ทั้งวัดแขก ร้านค้า พัลวัน
พิพิธภัณฑ์ ยังมี ที่ได้ชม
เดินตามทาง เยื้อนย่าง อย่างมีรัก
แต่ประจักษ์ พบว่า ไม่สุขสม
เห็นกุญแจ ซุ้มหัวใจ ให้อกตรม
นั่งระทม ก้มหน้า ข้าอาดูร
ถึงจะเศร้า เท่าไหร่ ก็หิวโซ
เดินอย่างโก้ โอ้โห ไม่เสียศูนย์
ถึงเวลา ได้หม่ำ ข้าวจานพูน
ช่างสมบูรณ์ รสชาติ แค่ขาดเธอ
ระหว่างทาง พลางไป ที่รางรถ
ชมภาพสด แสงสาดส่อง สวยเสมอ
ยืนเคียงคู่ ดูไป ใจละเมอ
คิดว่าเธอ มาด้วยกัน ฝันมลาย
ยิ่งอยู่ไป ก็ยิ่ง พาลพาเศร้า
กลับมาเหย้า วันหลัง ยังไม่สาย
แต่ขาดเธอ มันช่าง น่าเสียดาย
ยังมิวาย หายไป ในฤดี
แต่วันวาน ผันผ่าน มานานแล้ว
โอ้ดวงแก้ว งานแต่งเธอ ดูสุขี
เรื่องของเรา เป็นเพียง อนุสาวรีย์
ยามราตรี ข้าตื่นมา น้ำตาคลอ
[CR] นิราศเมืองปีนัง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แต่ตอนนี้ผมว่างแล้ว เลยมาแต่งต่อให้จบ ก็ขอเชิญทุกท่านสดับรับชมได้ ณ บัดนี้
ใจสมัคร แน่วแน่ ไม่แปรผัน
ใครจะไป ที่ไหน ไม่สำคัญ
แต่ข้านั้น จากกระบี่ ไปปีนัง
เป็นสะพาน สานต่อไป ให้ถึงฝั่ง
นำพาไป ถึงเกาะเก่า อันโด่งดัง
ไม่ชิงชัง เกาะปีนัง ต่างรู้ดี
สุดพิลึก นึกถึงวัน อันสุขี
หากวันนี้ เธอมาด้วย ก็ยินดี
เวลานี้ ข้าเศร้าหมอง มองระทม
ต้องสนุก เบิกบาน และสุขสม
อีกไม่นาน ก็พานพบ ที่บรรทม
ช่างเหมือนลม โบกสะบัด พัดผ่านมา
มิได้ปด มันช่าง ยากหนักหนา
ถามอังกฤษ ไยท่านตอบ มาเลย์มา
สรุปว่า ข้าต้องใช้ ภาษาใด
เหมือนโดนฉาบ ทาบไว้ ไม่ไปไหน
บิดคอหน่อย มองบน ไม่สนใคร
แล้วเมื่อไหร่ เราจะพบ สบตากัน
สุดละห้อย กระต่ายน้อย เธอแปรผัน
ยามข้ามา เธอกระโดด หันหลังพลัน
ถ้าข้านั้น ดีไม่พอ ขอแก้ตัว
ขอหยุดคิด คิดไป ให้เวียนหัว
เจอตัวเขียว ตาโต ช่างน่ากลัว
ใจระรัว มัวหมอง มองเป็นเธอ
คอยฟูมฟัก ปกปัก รักเสมอ
แมวตัวนี้ ดูเศร้าไป ใจละเมอ
เหมือนเจอะเจอ ตัวข้า ในเงาจันทร์
แต่ยังคอย ดอกฟ้า จากสวรรค์
เจ้าเด็กน้อย เอื้อมกำแพง อันสูงชัน
เดี๋ยวข้านั้น ช่วยเจ้า เราแลกกัน
เสี้ยวนาที คงได้ ของในฝัน
ช่างโชคดี กว่าข้า เป็นร้อยพัน
ส่วนข้านั้น เอื้อมแล้วไซร้ ไยจากลา
กินลอดช่อง ใส่น้ำแข็ง เย็นชิวหา
หวานจับใจ เธอชอบไหม โอ้กานดา
ถ้าเธอมา ข้านี้ ช่างดีใจ
สุดจะหัก ห้ามจิต เธอคิดไหม
เหมือนโดนเพลง สะกดจิต มิให้ไป
เหมือนเปลไกว กล่อมข้า ทุกคืนวัน
สกปรก รกตา พาขบขัน
คนอย่างข้า นี้หรือ มีรางวัล
ความเงียบนั้น นั่นแหละ คือความจริง
ขอเพริศแพร้ว สักครา หน้าตลิ่ง
ลมปะหน้า แสงปะใจ ไม่ประวิง
ใจข้านิ่ง ลอยละลิ่ว ปลิวเปรมปรีดิ์
ตั้งสง่า สูงเด่น เป็นศักดิ์ศรี
ข้ามิได้ มารอ รถเมล์ฟรี
สองศูนย์สี่ ที่คอย ทยอยมา
ประตูปิด ชิดใน ไกลหนักหนา
นั่งคอยดู คอยถ้า คอยเวลา
ในไม่ช้า ถึงที่หมาย คลายกังวล
พร้อมขยับ ขับไป ใช่ล่องหน
ยิ่งขึ้นไป วิวยิ่งกว้าง ดั่งต้องมนต์
ใครสักคน เคียงข้าง มิร้างใจ
ใจทะเล้น ลุ้นขอ พอกษัย
มิได้กลัว มองข้างหลัง ยังมีไฟ
แค่อยากไป ให้ถึงยอด ปลอดภัยเทอญ
หยาดน้ำหยด มดไต่ วิหคเหิน
สกายวอล์ค ยื่นไป ให้คนเดิน
ขอเชื้อเชิญ ถ่ายภาพ อาบหมอกควัน
มัสยิด ยังมี นี่แหละฝัน
ทั้งวัดแขก ร้านค้า พัลวัน
พิพิธภัณฑ์ ยังมี ที่ได้ชม
แต่ประจักษ์ พบว่า ไม่สุขสม
เห็นกุญแจ ซุ้มหัวใจ ให้อกตรม
นั่งระทม ก้มหน้า ข้าอาดูร
เดินอย่างโก้ โอ้โห ไม่เสียศูนย์
ถึงเวลา ได้หม่ำ ข้าวจานพูน
ช่างสมบูรณ์ รสชาติ แค่ขาดเธอ
ชมภาพสด แสงสาดส่อง สวยเสมอ
ยืนเคียงคู่ ดูไป ใจละเมอ
คิดว่าเธอ มาด้วยกัน ฝันมลาย
กลับมาเหย้า วันหลัง ยังไม่สาย
แต่ขาดเธอ มันช่าง น่าเสียดาย
ยังมิวาย หายไป ในฤดี
โอ้ดวงแก้ว งานแต่งเธอ ดูสุขี
เรื่องของเรา เป็นเพียง อนุสาวรีย์
ยามราตรี ข้าตื่นมา น้ำตาคลอ