สวัสดีอีกครั้งครับ กับชาวพันทิป ก่อนอื่นอาการผม ดูได้จากกะทู้เเก่าๆ เลยครับ อาการ กลัวอ้วน อาการจิตตก วิตกกังวล
ตอนนี้หายเเล้วครับ เเล้วคิดว่าจะไม่กลับไปเป็นเเล้ว เเน่นอน ตลอดเวลาที่ผ่านมา 3 ปี ไม่เคยได้กินอะไรดั่งใจ เลย ครับ มีเเต่อดๆ เเล้วดูคนอื่นกิน
ออกกำลังกายทุกวัน ไม่ได้ออกวันไหนจะเครียด จิตตก อยากฆ่าตัวตาย กินอะไรผิดสำเเดงนิดๆ จะเครียดมาก เก็บกด ปิดกั้นตัวเอง ออกห่างจากสังคม เดียวดาย จะฆ่าตัวตายหลายครั้ง การเรียนล้มเหลว ชีวิตพังพินาศ ซึ่ง ผมเป็นตั้งเเต่ เรียน ม2 ยัน ม5 เทอม 1 เเรกๆ เริ่ม มันไม่เท่าไร ครับ พอนานๆ เข้ายิ่งเป็นหนัก ยิ่งตอน ม5 ที่ถึงจุดพีค คือผมหนัก 43 ทั้งๆ ที่สูง 171 มันผอม เเบบ นอนตะเเคงไม่ได้ นอนหงายต้องเอา หมอนรอง มันผอมมาก จนเเม่ร้องไห้ครับ ซึ่งตอนที่หนักๆ ม5 นี่เเหละครับ ซึ่งตอนนั้นรู้สึกทรมานตัวเอง ทั้งๆ ที่อยากหาย อยากกินเยอะ เเต่มันทำไม่ได้ครับ มันทำไม่ได้สักที ตอนนั้น กินวันละ 1200 เเคล ครับ มาตลอด รู้สึกเบลอๆ ตลอดวัน เดินขึ้นบันไดยังเหนื่อย เสื้อผ้าหลวมทุกตัว เเต่ไม่รู้ทำไม ยิ่งผอมยิ่งดีใจ
ตอนนั้น ความดันผมต่ำมาก ต่ำจนหมอตกใจ ไปโรงเรียน มีเเต่คนทัก ปิดกั้นตัวออกจากเพื่อน เรียน นศท.ก็ไม่จบ เพราะโรคบ้าๆ นี่ ไปโรงเรียนรู้สึกทรมาน อยากกลับ บางทีเเอบหนี โรงเรียนกลับบ้าน โกหกครู ว่า มีธุระโน่นนี่นั่น จิงตอนนั้นรู้สึกจะเรียนไม่ได้เเล้วครับ อยากไปเรียนที่อื่น ร้องไห้ทุกวัน เคยหนีออกจากบ้านไปกรุงเทพ น้อยใจ พ่อเเม่ (จิงๆ พ่อเเม่ไม่เคยรู้ว่าเป็นไม่เคยบอกใคร) ว่าจะไปเรียนต่อนู้น พออยู่ได้2 วัน เพื่อน พ่อเเม่ วอนไห้กลับ ก็กลับมาเรียนต่อได้ สัก หลายเดือน เริ่มรู้สึกอยากออก อีกเเล้ว คุยกะเเม่ อยากไปเรียนต่อกรุงเทพ เเม่ก็ไม่ขัดเห็นเราอยากเรียน น้าๆ อาๆ ก็สนับสนุนเต็มที่( เเต่ด้วยความที่ไม่เคยบอกใครว่าเป็น ) หลังจากนั้นตัดสินใจลาออก เพื่อนร่ำไห้ร่ำร้อง ตัวองก็เเอบร้องไห้ครับ
พอไปถึงกรุงเทพ อาบอกทำไมอยากมาเรียนนี่ เล่ามาไห้ชัดๆ ทั้งๆที่เรียนที่นครศรี ก็ดีอยู่เเล้ว เกรดก็สูง จึงเล่าไปไห้อาฟังทั้งหมดว่าเป็นไร เล่าไปเล่ามา เเกบอกเเกก็เป็นอยู่ เเต่คนล่ะด้านกัน มันเป็นเกี่ยวกับจิตใจเหมือนกัน เเกเข้าใจดีมาก จนพูดไปร้องไป อาบอกเเน่ใจน่ะ จะเรียนต่อนี่จริงๆ ด้วยความที่ไม่ชัวร์ในใจเท่าไหร่ เเต่อยากเรียนต่อทดเเทน บุญคุณ พ่อเเม่ ตลอดเวลาที่ผ่านมาอยู่เเต่กับหมอตลอก เเมพาไปตลอด เดี่ยวเป็นนู้นนี่นั่น เเม่น่าสงสารมาก เเม่หมดกะผมเยอะมาก ผมเรียนห้องคิงด้วย ค่าเทอมก็เเพง ไปต่างประเทศเเม่ก็หาเงินมาไห้ ผมสงสารเเม่มากครับ พอตัดสินใจจะเรียน อาก็พาไปติดต่อ ซึ่งตอนนั้นเป็นกลางเทอม ถามไถ่ไป เค้าบอกต้องเสีย 20000 สองหมื่น อาบอกถ้าเเน่ใจ เเกเสียไห้ ผมบอกเเน่ใจ วันถัดมาก็ไปเสียตังค์ ซื้อชุด ซื้อรองเท้า พอจะไป โรงเรียนวันเเรก ดันมีอาการอีกกลัวๆ จึงไม่ไป จึงล้มเหลว อีก ตังค์ก็เสียไปเเล้ว พังพินาศหมด จนคิดว่าจะพักเรียนสักปี มาพักที่บ้าน เเต่รู้สึกละอายใจ พักไห้พ่อเเม่เลี้ยง
ช่วงที่ ชีวิตจะหาย<<<<<<<
วั้นนั้น เพื่อนเลี้ยงส่ง ทั้งห้องไปกินหมูกะทะ ทั้งๆ ที่ไม่เคยเเตะมาหลายปี ก็จัดเต็มมาก ตบะเเตกก็ว่าได้ กินจาก 4โมงเย็น ยัน 5 ทุ่ม เลิกกินหลังเพื่อน กินจน บอกไม่ถูก เหมือนความอดที่สะสมมา มากินทีเดียวหมด ตอนก่อนกินหนัก 43 กินเส็ดหนัก 49 อิอิ ช้างหรือคน กินเส็ด กลับมาบ้านนอนไม่ได้
เเน่น เเต่ในใจบอกกะตัวเองว่ากูจะไม่จิตตก จะไม่เครียดพอตื่นมาวันรุ่งขึ้น เเม่ยิ้ม ทำไมรู้สึก มีน้ำมีเนื้อ กว่าเดิมน่ะ ทีนี้หล่ะเครียด ไป ฟิสเนส ไปวิ่งบนลู่ด้วยความเร็ว 10 ด้วยระยะทาง 10 กิโลเมตร เหนื่อยมาก จะวูบเเต่ต้องไห้ได้เป้า พอดูตัวเองในกระจก ยังเครียดอีก รู้สึกบวมขึ้นจริง เครียดมาก นั่งร้องไห้ จะฆ่าตัวตาย เครียดบอกไม่ถูกไมมีหนทาง วันถัดมาพ่อเเม่ไปทำงาน คิดว่าอยากจะหนีออกจากบ้าน วันนั้นยายอยู่บ้าน เห็นเราเก็บเสื้อผ้า เเกนั่งร้องไห้ เเล้วร้องไห้หนักมากก จะรั้งเเต่เราวิ่ง ไปจับรถเเล้วไป ขึ้นรถไฟ จะหนีไปหาดใหญ่ พอไปถึงรู้สึกไม่มีที่พัก รู้สึกกูจะมาทำไร มีคิวรถกลับพอดี เอ้ากลับ มาถึงบ้าน บอกยายบอกเเม่ จะไม่เป็นเเบบนี้ อีกเเล้ว
หลังจากนั้น นั่งสมาธิ ทำใจกูจะต้องอ้วนต้องหาย เเบบวาจะตั้งสติไห้ยอมรับในตัวเองไม่ว่าจะเป็นยังไง ตัดสินใจ อยากกินไรก็กิน ชีวิตมีความสุขจ้าา ไม่เเคร์ ไม่สนใจ อารมณ์ดี เเต่ด้วยเนื่อง ลาออกจาก รร เเล้ว ตัดสินใจมาทำงานที่ภูเก็ต ด้วยความที่ว่ามันล้มเหลวไปเเล้ว
วันมาภูเก็ต>>>>
ตอนนั้น หนัก 52เเล้ว กินระเบิดทุกวัน เเต่ก็ เข้าใจว่าเป็นบูลิเมียอยู่ โรคพีน้องมันนั่นเเหละ เเตก็ ไม่สนใจ ก่อนมากอดเเม่ กอดพ่อ กอดยาย กอดตา มาอยู่กะน้าทีภูเก็ต (ภูเก็ตเป็นจังหวัดเดียวในภาคใต้ที่ไมเคยไป) มาอยู่ที่ ป่าตองน่ะครับ
ระหว่างทางมาคิดเยอะมาก หลายเรื่อง จนมาถึงภูเก็ต มาถึงตอนค่ำ รู้สึกดีมาก ไม่เคยมา เเสงสี เต็มไปหมด (ป่าตองน่ะ) รู้สึกโลกกว้าง มีทะเลสวยๆ เหมือนเป็นเมือง 24 ชั่มโมง ภูมิใจ เลยสมัครงาน ร้านสะดวกซื้อเเห่งหนึ่ง เป็นพนักงานพาร์ทไทม์ มาทำงานวันเเรกเกร็งๆ เเต่เจอเพื่อน มีเพื่อน รุ่นๆ เดียวกัน ผ่านชีวิต เเสนอนาจ มาเหมือนกัน เลยทำไปๆ รู้สึกดี เจอมิตรภาพ หัวเราะตลอดเวลา มีเพื่อนหลายคนๆ ไปไหนมาไหนด้วยกัน ไม่มีใครเห็นเเก่ตัว รู้สึกเเบบดีมาก ลืมเรื่องโรคตัวเองไปเลย อยู่ไป อยู่ไป สักเดือน ต้องย้ายร้าน ร้องไห้หนักมาก ไม่อยากจากเพื่อน เลย เเต่ ไม่ไกลกัน เเต่ไม่เป็นอย่างที่คิด อยู่คนล่ะร้านก็ สัมพันธ์กันเเบบเดิม เเต่ยิ่งกว่า เดิม เรานัดกันไปเที่ยว รู้สึกไปไหนมาไหน เเล้วอบอุ่น จนทำไปๆ มันรู้สึกหายเเล้วอะ
ชีวิตในการทำงาน <<<<<
พักอยู่หอพนักงาน ที่ค่อนข้าง ทุรกันดารนิดๆ เนื่องจากมันเเก่าเเละนานมากก ตลอดการทำงาน เราเป็นคนทีตั้งใจทำงานมาก มีผลงานหลายอย่าง หลายด้าน ประกอบกะความรู้ตอนเรียนห้องคิง เรื่องการใช้คอม เราเทพมากก ด้านเอกสาร ด้านลายมือ ตอนนั้นมีเเต่คนต้องการตัว ผู้ใหญ่ เห็นความตั้งใจ ของเราจึงสั่งสอนสั่งเสีย เราทั้งหมด ถายทอดไห้หมดด้วยความรู้ที่เขามี จึงทำไปหลายเดือน เริ่มเดนกว่าคนอื่นทุกด้าน จึงมีเเต่คนเรียกว่า ผู้การ ทางผู้ใหญ่ จึง จะปรับตำเเหน่งไห้ รู้สึกภูมิใจ มาก ที่ได้ตอบเเทนพ่อเเม่ เเม้เงินเดินจะน้อยนิดตอนนั้น ผ่อนรถไห้เเม่ เเม้จะเป็น มอไซต์ ก็ภูมิใจ
ชีวิตปัจจุบัน <<<<<
ได้มาเจอกะคนๆ คนหนึ่งที่รักเรามากกก เขาก็เดียวดาย เราก็โดดเดี่ยว เนื่องจากตอนนี้ ห่างเพื่อนเเล้ว ต่างคนต่างมีที่ไปที่ดี ตอนนี้ ผมพักอยู่คอนโด ผมได้มาเจอคนๆ นึง เรารักกันมากครับ ช่วยกันทำงานเก็บเงิน มาตลอดประหยัด จ่ายที่จำเป็น ตอนนี้ มีรถเก๋ง มีบ้าน ช่วยกันผ่อน มีครบทุกอย่างครับ
ตอนนี้ ชีวิตผมสะดวกสะบาย ได้ ตอบเเทนคุณพ่อเเม่ เเล้วต่อๆไป มันต้องดีกว่านี้ เเน่นอน ตอนนี้ คิดว่า จะทำธุรกิจส่วนตัว เปิดรีสอร์ท มีทีดินครับ เเต่ต้องรอไห้บ้านหมดก่อน เหลืออีก ล้าน ต้นๆ รถหมดไปเเล้วครับ
สุดท้ายชีวิตบางทีชีวิต ไม่ได้จบที่การเรียนสูงๆ เรียนมันก็ดีอะครับ เเต่อยู่ที่ว่าเรียน เเล้วเอาความรู้มาต่อยอดด้านการทำงานหรือไม่ ใช้ไห้เกิดประโยชน์มากเเค่ไหน มันต้องจบที่ มีจุดยืนได้ ตอบเเทนบุญคุณพ่อเเม่ได้ มีหน้าที่การงานที่มั่นคง ซื่อสัตย์ สุจริต นี้เป็นเนวคิดของผมครับ เคยมีคนดูถูกครอบครัวผมเยอะมากครับ ว่าจน ไม่มีไร เเต่ผมคนนี้เเหละ จะทำไห้ครอบครัวไม่มีใครดูถูกเองครับ
สุดท้ายตอนนี้ ผมหายเเล้วครับ ผมเป็นคนปกติ ตอนนี้หนัก 59 เเล้วครับ สูง 173 ก็พยายาม ออกกำลังกาย กินอาหารที่มีประโยนช์ ชีวิตเเฮปปี้ มีทุกอย่าง พร้อม รู้สึก อยากมีลูกด้วย อิอิ
<<<ขอบคุณที่อ่านจบครับ เขียนไม่ค่อยเป็นเท่าไหร
3 ปีเต็ม กับอนอเร็กเซีย หายเเล้ว เเต่เกือบตายมาหลายครั้ง
ตอนนี้หายเเล้วครับ เเล้วคิดว่าจะไม่กลับไปเป็นเเล้ว เเน่นอน ตลอดเวลาที่ผ่านมา 3 ปี ไม่เคยได้กินอะไรดั่งใจ เลย ครับ มีเเต่อดๆ เเล้วดูคนอื่นกิน
ออกกำลังกายทุกวัน ไม่ได้ออกวันไหนจะเครียด จิตตก อยากฆ่าตัวตาย กินอะไรผิดสำเเดงนิดๆ จะเครียดมาก เก็บกด ปิดกั้นตัวเอง ออกห่างจากสังคม เดียวดาย จะฆ่าตัวตายหลายครั้ง การเรียนล้มเหลว ชีวิตพังพินาศ ซึ่ง ผมเป็นตั้งเเต่ เรียน ม2 ยัน ม5 เทอม 1 เเรกๆ เริ่ม มันไม่เท่าไร ครับ พอนานๆ เข้ายิ่งเป็นหนัก ยิ่งตอน ม5 ที่ถึงจุดพีค คือผมหนัก 43 ทั้งๆ ที่สูง 171 มันผอม เเบบ นอนตะเเคงไม่ได้ นอนหงายต้องเอา หมอนรอง มันผอมมาก จนเเม่ร้องไห้ครับ ซึ่งตอนที่หนักๆ ม5 นี่เเหละครับ ซึ่งตอนนั้นรู้สึกทรมานตัวเอง ทั้งๆ ที่อยากหาย อยากกินเยอะ เเต่มันทำไม่ได้ครับ มันทำไม่ได้สักที ตอนนั้น กินวันละ 1200 เเคล ครับ มาตลอด รู้สึกเบลอๆ ตลอดวัน เดินขึ้นบันไดยังเหนื่อย เสื้อผ้าหลวมทุกตัว เเต่ไม่รู้ทำไม ยิ่งผอมยิ่งดีใจ
ตอนนั้น ความดันผมต่ำมาก ต่ำจนหมอตกใจ ไปโรงเรียน มีเเต่คนทัก ปิดกั้นตัวออกจากเพื่อน เรียน นศท.ก็ไม่จบ เพราะโรคบ้าๆ นี่ ไปโรงเรียนรู้สึกทรมาน อยากกลับ บางทีเเอบหนี โรงเรียนกลับบ้าน โกหกครู ว่า มีธุระโน่นนี่นั่น จิงตอนนั้นรู้สึกจะเรียนไม่ได้เเล้วครับ อยากไปเรียนที่อื่น ร้องไห้ทุกวัน เคยหนีออกจากบ้านไปกรุงเทพ น้อยใจ พ่อเเม่ (จิงๆ พ่อเเม่ไม่เคยรู้ว่าเป็นไม่เคยบอกใคร) ว่าจะไปเรียนต่อนู้น พออยู่ได้2 วัน เพื่อน พ่อเเม่ วอนไห้กลับ ก็กลับมาเรียนต่อได้ สัก หลายเดือน เริ่มรู้สึกอยากออก อีกเเล้ว คุยกะเเม่ อยากไปเรียนต่อกรุงเทพ เเม่ก็ไม่ขัดเห็นเราอยากเรียน น้าๆ อาๆ ก็สนับสนุนเต็มที่( เเต่ด้วยความที่ไม่เคยบอกใครว่าเป็น ) หลังจากนั้นตัดสินใจลาออก เพื่อนร่ำไห้ร่ำร้อง ตัวองก็เเอบร้องไห้ครับ
พอไปถึงกรุงเทพ อาบอกทำไมอยากมาเรียนนี่ เล่ามาไห้ชัดๆ ทั้งๆที่เรียนที่นครศรี ก็ดีอยู่เเล้ว เกรดก็สูง จึงเล่าไปไห้อาฟังทั้งหมดว่าเป็นไร เล่าไปเล่ามา เเกบอกเเกก็เป็นอยู่ เเต่คนล่ะด้านกัน มันเป็นเกี่ยวกับจิตใจเหมือนกัน เเกเข้าใจดีมาก จนพูดไปร้องไป อาบอกเเน่ใจน่ะ จะเรียนต่อนี่จริงๆ ด้วยความที่ไม่ชัวร์ในใจเท่าไหร่ เเต่อยากเรียนต่อทดเเทน บุญคุณ พ่อเเม่ ตลอดเวลาที่ผ่านมาอยู่เเต่กับหมอตลอก เเมพาไปตลอด เดี่ยวเป็นนู้นนี่นั่น เเม่น่าสงสารมาก เเม่หมดกะผมเยอะมาก ผมเรียนห้องคิงด้วย ค่าเทอมก็เเพง ไปต่างประเทศเเม่ก็หาเงินมาไห้ ผมสงสารเเม่มากครับ พอตัดสินใจจะเรียน อาก็พาไปติดต่อ ซึ่งตอนนั้นเป็นกลางเทอม ถามไถ่ไป เค้าบอกต้องเสีย 20000 สองหมื่น อาบอกถ้าเเน่ใจ เเกเสียไห้ ผมบอกเเน่ใจ วันถัดมาก็ไปเสียตังค์ ซื้อชุด ซื้อรองเท้า พอจะไป โรงเรียนวันเเรก ดันมีอาการอีกกลัวๆ จึงไม่ไป จึงล้มเหลว อีก ตังค์ก็เสียไปเเล้ว พังพินาศหมด จนคิดว่าจะพักเรียนสักปี มาพักที่บ้าน เเต่รู้สึกละอายใจ พักไห้พ่อเเม่เลี้ยง
ช่วงที่ ชีวิตจะหาย<<<<<<<
วั้นนั้น เพื่อนเลี้ยงส่ง ทั้งห้องไปกินหมูกะทะ ทั้งๆ ที่ไม่เคยเเตะมาหลายปี ก็จัดเต็มมาก ตบะเเตกก็ว่าได้ กินจาก 4โมงเย็น ยัน 5 ทุ่ม เลิกกินหลังเพื่อน กินจน บอกไม่ถูก เหมือนความอดที่สะสมมา มากินทีเดียวหมด ตอนก่อนกินหนัก 43 กินเส็ดหนัก 49 อิอิ ช้างหรือคน กินเส็ด กลับมาบ้านนอนไม่ได้
เเน่น เเต่ในใจบอกกะตัวเองว่ากูจะไม่จิตตก จะไม่เครียดพอตื่นมาวันรุ่งขึ้น เเม่ยิ้ม ทำไมรู้สึก มีน้ำมีเนื้อ กว่าเดิมน่ะ ทีนี้หล่ะเครียด ไป ฟิสเนส ไปวิ่งบนลู่ด้วยความเร็ว 10 ด้วยระยะทาง 10 กิโลเมตร เหนื่อยมาก จะวูบเเต่ต้องไห้ได้เป้า พอดูตัวเองในกระจก ยังเครียดอีก รู้สึกบวมขึ้นจริง เครียดมาก นั่งร้องไห้ จะฆ่าตัวตาย เครียดบอกไม่ถูกไมมีหนทาง วันถัดมาพ่อเเม่ไปทำงาน คิดว่าอยากจะหนีออกจากบ้าน วันนั้นยายอยู่บ้าน เห็นเราเก็บเสื้อผ้า เเกนั่งร้องไห้ เเล้วร้องไห้หนักมากก จะรั้งเเต่เราวิ่ง ไปจับรถเเล้วไป ขึ้นรถไฟ จะหนีไปหาดใหญ่ พอไปถึงรู้สึกไม่มีที่พัก รู้สึกกูจะมาทำไร มีคิวรถกลับพอดี เอ้ากลับ มาถึงบ้าน บอกยายบอกเเม่ จะไม่เป็นเเบบนี้ อีกเเล้ว
หลังจากนั้น นั่งสมาธิ ทำใจกูจะต้องอ้วนต้องหาย เเบบวาจะตั้งสติไห้ยอมรับในตัวเองไม่ว่าจะเป็นยังไง ตัดสินใจ อยากกินไรก็กิน ชีวิตมีความสุขจ้าา ไม่เเคร์ ไม่สนใจ อารมณ์ดี เเต่ด้วยเนื่อง ลาออกจาก รร เเล้ว ตัดสินใจมาทำงานที่ภูเก็ต ด้วยความที่ว่ามันล้มเหลวไปเเล้ว
วันมาภูเก็ต>>>>
ตอนนั้น หนัก 52เเล้ว กินระเบิดทุกวัน เเต่ก็ เข้าใจว่าเป็นบูลิเมียอยู่ โรคพีน้องมันนั่นเเหละ เเตก็ ไม่สนใจ ก่อนมากอดเเม่ กอดพ่อ กอดยาย กอดตา มาอยู่กะน้าทีภูเก็ต (ภูเก็ตเป็นจังหวัดเดียวในภาคใต้ที่ไมเคยไป) มาอยู่ที่ ป่าตองน่ะครับ
ระหว่างทางมาคิดเยอะมาก หลายเรื่อง จนมาถึงภูเก็ต มาถึงตอนค่ำ รู้สึกดีมาก ไม่เคยมา เเสงสี เต็มไปหมด (ป่าตองน่ะ) รู้สึกโลกกว้าง มีทะเลสวยๆ เหมือนเป็นเมือง 24 ชั่มโมง ภูมิใจ เลยสมัครงาน ร้านสะดวกซื้อเเห่งหนึ่ง เป็นพนักงานพาร์ทไทม์ มาทำงานวันเเรกเกร็งๆ เเต่เจอเพื่อน มีเพื่อน รุ่นๆ เดียวกัน ผ่านชีวิต เเสนอนาจ มาเหมือนกัน เลยทำไปๆ รู้สึกดี เจอมิตรภาพ หัวเราะตลอดเวลา มีเพื่อนหลายคนๆ ไปไหนมาไหนด้วยกัน ไม่มีใครเห็นเเก่ตัว รู้สึกเเบบดีมาก ลืมเรื่องโรคตัวเองไปเลย อยู่ไป อยู่ไป สักเดือน ต้องย้ายร้าน ร้องไห้หนักมาก ไม่อยากจากเพื่อน เลย เเต่ ไม่ไกลกัน เเต่ไม่เป็นอย่างที่คิด อยู่คนล่ะร้านก็ สัมพันธ์กันเเบบเดิม เเต่ยิ่งกว่า เดิม เรานัดกันไปเที่ยว รู้สึกไปไหนมาไหน เเล้วอบอุ่น จนทำไปๆ มันรู้สึกหายเเล้วอะ
ชีวิตในการทำงาน <<<<<
พักอยู่หอพนักงาน ที่ค่อนข้าง ทุรกันดารนิดๆ เนื่องจากมันเเก่าเเละนานมากก ตลอดการทำงาน เราเป็นคนทีตั้งใจทำงานมาก มีผลงานหลายอย่าง หลายด้าน ประกอบกะความรู้ตอนเรียนห้องคิง เรื่องการใช้คอม เราเทพมากก ด้านเอกสาร ด้านลายมือ ตอนนั้นมีเเต่คนต้องการตัว ผู้ใหญ่ เห็นความตั้งใจ ของเราจึงสั่งสอนสั่งเสีย เราทั้งหมด ถายทอดไห้หมดด้วยความรู้ที่เขามี จึงทำไปหลายเดือน เริ่มเดนกว่าคนอื่นทุกด้าน จึงมีเเต่คนเรียกว่า ผู้การ ทางผู้ใหญ่ จึง จะปรับตำเเหน่งไห้ รู้สึกภูมิใจ มาก ที่ได้ตอบเเทนพ่อเเม่ เเม้เงินเดินจะน้อยนิดตอนนั้น ผ่อนรถไห้เเม่ เเม้จะเป็น มอไซต์ ก็ภูมิใจ
ชีวิตปัจจุบัน <<<<<
ได้มาเจอกะคนๆ คนหนึ่งที่รักเรามากกก เขาก็เดียวดาย เราก็โดดเดี่ยว เนื่องจากตอนนี้ ห่างเพื่อนเเล้ว ต่างคนต่างมีที่ไปที่ดี ตอนนี้ ผมพักอยู่คอนโด ผมได้มาเจอคนๆ นึง เรารักกันมากครับ ช่วยกันทำงานเก็บเงิน มาตลอดประหยัด จ่ายที่จำเป็น ตอนนี้ มีรถเก๋ง มีบ้าน ช่วยกันผ่อน มีครบทุกอย่างครับ
ตอนนี้ ชีวิตผมสะดวกสะบาย ได้ ตอบเเทนคุณพ่อเเม่ เเล้วต่อๆไป มันต้องดีกว่านี้ เเน่นอน ตอนนี้ คิดว่า จะทำธุรกิจส่วนตัว เปิดรีสอร์ท มีทีดินครับ เเต่ต้องรอไห้บ้านหมดก่อน เหลืออีก ล้าน ต้นๆ รถหมดไปเเล้วครับ
สุดท้ายชีวิตบางทีชีวิต ไม่ได้จบที่การเรียนสูงๆ เรียนมันก็ดีอะครับ เเต่อยู่ที่ว่าเรียน เเล้วเอาความรู้มาต่อยอดด้านการทำงานหรือไม่ ใช้ไห้เกิดประโยชน์มากเเค่ไหน มันต้องจบที่ มีจุดยืนได้ ตอบเเทนบุญคุณพ่อเเม่ได้ มีหน้าที่การงานที่มั่นคง ซื่อสัตย์ สุจริต นี้เป็นเนวคิดของผมครับ เคยมีคนดูถูกครอบครัวผมเยอะมากครับ ว่าจน ไม่มีไร เเต่ผมคนนี้เเหละ จะทำไห้ครอบครัวไม่มีใครดูถูกเองครับ
สุดท้ายตอนนี้ ผมหายเเล้วครับ ผมเป็นคนปกติ ตอนนี้หนัก 59 เเล้วครับ สูง 173 ก็พยายาม ออกกำลังกาย กินอาหารที่มีประโยนช์ ชีวิตเเฮปปี้ มีทุกอย่าง พร้อม รู้สึก อยากมีลูกด้วย อิอิ
<<<ขอบคุณที่อ่านจบครับ เขียนไม่ค่อยเป็นเท่าไหร