ชีวิต ดี้ดี ที่ปรึกษานายกฯ แจง ไล่ออก "ธาริต" ตามมติ ป.ป.ช.สาเหตุร่ำรวยผิดปกติ

กระทู้สนทนา

    กุนซือนายกฯ ส่งหนังสือแจงคำสั่งไล่ออก อดีตอธิบดีDSI เผยดำเนินการตาม ป.ป.ช. หลังมีมติชี้ร่ำรวยผิดปกติกว่า 300 ล. รับปรึกษาหน่วยเกี่ยวข้องมาตลอดเพื่อให้ความเป็นธรรม จนเห็นสอดคล้องให้ไล่ออก
    
     วันนี้ (24เม.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล หลังจากกรณีที่ คณะกรรมการป้องกันแบะปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แจ้งมติให้ผู้บังคับบัญชาสูงสุดของนายธาริต เพ็งดิษฐ์ ที่ปรึกษาประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กรณีความผิดฐานร่ำรวยผิดปกติและถูกอายัดทรัพย์ โดยพิจารณาโทษไล่ออกว่า ล่าสุดเมื่อเวลา 10.15 น. พล.อ.วิลาศ อรุณศรี เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้บังคับบัญชาของนายธาริต ส่งหนังสือชี้แจงการมีคำสั่งลงโทษไล่ออกจากราชการกรณีนายธาริต เพ็งดิษฐ์ ถึงสื่อมวลชนประจำทำเนียบรัฐบาลว่า
    
     ​​" ​​เรื่องนี้เป็นการดำเนินการตามที่ประธานกรรมการ ป.ป.ช. แจ้งว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช. ไต่สวนข้อเท็จจริงและมีมติว่า นายธาริต เพ็งดิษฐ์ ร่ำรวยผิดปกติ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ โดยมีทรัพย์สินมากผิดปกติ หรือมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นมากผิดปกติ และมีหนี้สินลดลงผิดปกติ รวมมูลค่า 346,652,588 บาท ซึ่งเป็นกรณีการดำเนินการตามมาตรา 80(4)แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกัน
     และปราบปรามทุจริต พ.ศ. 2542 ที่กำหนดว่า เมื่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ไต่สวนข้อเท็จจริงและมีมติแล้ว ให้ประธานกรรมการ ป.ป.ช. แจ้งให้ผู้บังคับบัญชาของผู้ถูกกล่าวหาดำเนินการ สั่งลงโทษไล่ออกหรือปลดออก โดยถือว่ากระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่
    
     ​​แต่เดิมนายธาริต เพ็งดิษฐ์ ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ต่อมาเมื่อ 24 พ.ค. 57 คสช. ได้มีคำสั่งให้ย้ายมาปฏิบัติหน้าที่ในสำนักนายกรัฐมนตรี และเมื่อ 27 มิ.ย. 57 จึงได้มีคำสั่งแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง ที่ปรึกษาประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สังกัดสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ตามลำดับ เรื่องนี้จึงเป็นอำนาจของเลขาธิการนายกรัฐมนตรีในฐานะผู้บังคับบัญชาที่จะเป็นผู้ออกคำสั่ง
    
     ​​สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี (สลน.) ได้รับเรื่องดังกล่าวจากสำนักงาน ป.ป.ช. ในช่วงปีที่ผ่านมา และได้ตรวจสอบประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการกรณีดังกล่าวโดยได้มีการหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งสำนักงาน ป.ป.ช. สำนักงาน ก.พ. และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา มาโดยตลอด เพื่อให้เกิดความชัดเจนในข้อกฎหมายและเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่ผู้ถูกกล่าวหา ทั้งนี้ หน่วยงานดังกล่าวข้างต้นได้ให้ความเห็นสอดคล้องไปในแนวทางเดียวกันว่า กรณีนี้เป็นอำนาจของผู้บังคับบัญชาในการพิจารณาลงโทษตามที่กำหนดในมาตรา 80(4) แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 โดยไม่ต้องดำเนินการตามกฎหมายอื่น ประกอบกับที่ผ่านมาได้มีมติคณะรัฐมนตรีกำหนดไว้ว่า การทุจริตต่อหน้าที่ราชการเป็นความผิดร้ายแรง ควรลงโทษไล่ออกจากราชการ จึงได้มีคำสั่งลงโทษไล่ออกจากราชการเมื่อวันที่ 3 เม.ย. 60ที่ผ่านมา"
http://manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9600000041144

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
ลมเปลี่ยนทิศ ธาริตเปลี่ยนสี ?
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่