อนิเมนอกสายตา ไม่เคยดูPVหรือหาข้อมูลมาก่อน เลือกดูเพราะลายเส้นล้วนๆ แต่มันกลับจับเราได้อยู่หมัดเลยค่ะ CGไม่ได้แย่หรือรู้สึกขัดๆแต่อย่างใด

จุดเด่นที่ทำให้เรื่องนี้น่าติดตามคงจะเป็นการที่สร้างคาแรคเตอร์สิ่งมีชีวิตนอกโลกอย่าง Yaha-kui zaShunina ออกมาได้ลึกลับและสมกับเป็นเอเลี่ยน ไม่ใช่โผล่มาก็พูดภาษาญี่ปุ่นได้เลยแต่เลือกสื่อสารด้วยคลื่นการรับรู้ทุกโสตประสาท(?)ที่ทำเอาชินโดเกือบตาย ซาชุนินะมองว่าการจำกัดการสื่อสารด้วยภาษาของมนุษย์ทำให้การส่งผ่านมีความคลาดเคลื่อนและเกิดความเข้าใจผิด แค่คำว่า “คุณไม่เหมาะกับเก้าอี้พับเลย” ก็ทำให้ซาชุนินะถึงกับวิเคราะห์คำพูดนั้นอย่างมาก
ความตั้งใจของทีมงานที่จะเปรียบซาชุนินะเป็นพระเจ้า เช่น ความเชื่อมั่นในคอนเซ็ปต์ของการแบ่งปัน การใช้ขนมปังเป็นสื่อ และนี่อาจจะเป็นความรู้สึกของเรานะคะ แต่เราเปรียบเครื่องบินซึ่งมีผู้โดยสาร 251 คนในคาโดะเป็นเรือโนอาห์ เพราะได้รับการดูแลและปกป้องจากโลกภายนอกซึ่งกำลังวุ่นวายเต็มที่
เช่นเดียวกับชินโด สองคนนี้มีทัศนคติเหมือนกันหลายๆจุดเกี่ยวกับมนุษย์ ชินโดเป็นอีกหนึ่งคนที่เรายังไม่รู้ว่าอะไรทำให้เขาเชื่อมั่นในความคิดของซาชุนินะ และทำไมถึงยอมรับปรับตัวได้ดีขนาดนั้น
ในตอนนี้ เราพอจะเห็นสกิลการเจรจาของชินโดแล้ว เขาพยายามใช้คำที่เข้าใจง่ายมากกว่าคำที่มีความหมายถูกต้อง เพื่อความกระชับและชักจูงคู่เจรจาเป็นไปในทิศทางของเขาและซาชุนินะ
โดยรวมแล้ว จุดแข็งของเรื่องที่ทำให้น่าติดตามก็คือ ความลึกลับและแนวคิดของซาชุนินะนี่แหละ
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การมอบวาม(Wam) พลังงานไฟฟ้าไม่มีขีดจำกัดให้มนุษย์ นี่อาจจะเป็นบททดสอบบทแรกที่ซาชุนินะให้ก็ได้
มนุษย์บอกว่า การที่พวกเขาไม่มอบขนมปังให้กับคนที่ขาดแคลนขนมปัง หาใช่เพราะพวกเขาใจร้าย แต่เป็นเพราะขนมปังมีจำกัด ซาชุนินะจึงมอบบททดสอบแรก นั่นคือ หากมนุษย์มีขนมปังไม่จำกัดจำนวนล่ะ พวกเขาจะทำยังไง
ได้ยินเสียงประเทศสมาชิก UN ในตอนต่อไปร้องระงมเลยค่ะ ถ้าญี่ปุ่นรับพลังนี้ไป เราเห็นภาพสงคราม คนที่ทำอาชีพเกี่ยวกับพลังงานอาจจะตกงานเพียบ เสียงหุ้นร่วงกราว แต่ในขณะเดียวกัน หากแบ่งขนมปังนี้ให้ทุกคน และทุกคนรู้จักใช้ เทคโนโลยีก็จะก้าวกระโดด มนุษย์มีความรอบรู้อยู่แล้ว ขาดแต่พลังงานที่จะปั้นความรู้นั้นเป็นตัวเท่านั้น
เราคิดว่า พลังงานไฟฟ้าไร้ขีดจำกัดไม่ใช่ “ ความก้าวหน้า” ที่ซาชุนินะตั้งใจจะมอบให้มนุษย์ แต่เป็นคำตอบของมนุษย์และการแก้บททดสอบของพวกเขาต่างหาก
จุดประสงค์ของซาชุนินะที่มอบพลังนี้ให้คืออะไร จะเป็น the right answer หรือไม่ เขาดูท่าทางสนใจคำตอบของมนุษย์มากเลย
รู้สึกว่านอกจาก Sci-fi แล้ว เรื่องนี้ควรจัดในหมวดหมู่ philosophy ด้วยนะ
เรื่องจิ้นก็จิ้นได้ค่ะ เราจิ้นชินโดกับฮานาโมริถึงฝ่ายหลังจะไม่ค่อยมีบทก็เถอะ ถ้าเป็นเพื่อนกันคงไม่ถอดเสื้อตอนนอนให้หรอก จะปล่อยให้นอนไปทั้งอย่างนั้นแหละ และเท่าที่เราจำได้ ในห้องมีเตียงแค่เตียงเดียวด้วย
[spoil] Seikaisuru Kado ep.3 แค่ฟังตัวละครคุยกันก็hypeได้
จุดเด่นที่ทำให้เรื่องนี้น่าติดตามคงจะเป็นการที่สร้างคาแรคเตอร์สิ่งมีชีวิตนอกโลกอย่าง Yaha-kui zaShunina ออกมาได้ลึกลับและสมกับเป็นเอเลี่ยน ไม่ใช่โผล่มาก็พูดภาษาญี่ปุ่นได้เลยแต่เลือกสื่อสารด้วยคลื่นการรับรู้ทุกโสตประสาท(?)ที่ทำเอาชินโดเกือบตาย ซาชุนินะมองว่าการจำกัดการสื่อสารด้วยภาษาของมนุษย์ทำให้การส่งผ่านมีความคลาดเคลื่อนและเกิดความเข้าใจผิด แค่คำว่า “คุณไม่เหมาะกับเก้าอี้พับเลย” ก็ทำให้ซาชุนินะถึงกับวิเคราะห์คำพูดนั้นอย่างมาก
ความตั้งใจของทีมงานที่จะเปรียบซาชุนินะเป็นพระเจ้า เช่น ความเชื่อมั่นในคอนเซ็ปต์ของการแบ่งปัน การใช้ขนมปังเป็นสื่อ และนี่อาจจะเป็นความรู้สึกของเรานะคะ แต่เราเปรียบเครื่องบินซึ่งมีผู้โดยสาร 251 คนในคาโดะเป็นเรือโนอาห์ เพราะได้รับการดูแลและปกป้องจากโลกภายนอกซึ่งกำลังวุ่นวายเต็มที่
เช่นเดียวกับชินโด สองคนนี้มีทัศนคติเหมือนกันหลายๆจุดเกี่ยวกับมนุษย์ ชินโดเป็นอีกหนึ่งคนที่เรายังไม่รู้ว่าอะไรทำให้เขาเชื่อมั่นในความคิดของซาชุนินะ และทำไมถึงยอมรับปรับตัวได้ดีขนาดนั้น
ในตอนนี้ เราพอจะเห็นสกิลการเจรจาของชินโดแล้ว เขาพยายามใช้คำที่เข้าใจง่ายมากกว่าคำที่มีความหมายถูกต้อง เพื่อความกระชับและชักจูงคู่เจรจาเป็นไปในทิศทางของเขาและซาชุนินะ
โดยรวมแล้ว จุดแข็งของเรื่องที่ทำให้น่าติดตามก็คือ ความลึกลับและแนวคิดของซาชุนินะนี่แหละ
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การมอบวาม(Wam) พลังงานไฟฟ้าไม่มีขีดจำกัดให้มนุษย์ นี่อาจจะเป็นบททดสอบบทแรกที่ซาชุนินะให้ก็ได้
มนุษย์บอกว่า การที่พวกเขาไม่มอบขนมปังให้กับคนที่ขาดแคลนขนมปัง หาใช่เพราะพวกเขาใจร้าย แต่เป็นเพราะขนมปังมีจำกัด ซาชุนินะจึงมอบบททดสอบแรก นั่นคือ หากมนุษย์มีขนมปังไม่จำกัดจำนวนล่ะ พวกเขาจะทำยังไง
ได้ยินเสียงประเทศสมาชิก UN ในตอนต่อไปร้องระงมเลยค่ะ ถ้าญี่ปุ่นรับพลังนี้ไป เราเห็นภาพสงคราม คนที่ทำอาชีพเกี่ยวกับพลังงานอาจจะตกงานเพียบ เสียงหุ้นร่วงกราว แต่ในขณะเดียวกัน หากแบ่งขนมปังนี้ให้ทุกคน และทุกคนรู้จักใช้ เทคโนโลยีก็จะก้าวกระโดด มนุษย์มีความรอบรู้อยู่แล้ว ขาดแต่พลังงานที่จะปั้นความรู้นั้นเป็นตัวเท่านั้น
เราคิดว่า พลังงานไฟฟ้าไร้ขีดจำกัดไม่ใช่ “ ความก้าวหน้า” ที่ซาชุนินะตั้งใจจะมอบให้มนุษย์ แต่เป็นคำตอบของมนุษย์และการแก้บททดสอบของพวกเขาต่างหาก
จุดประสงค์ของซาชุนินะที่มอบพลังนี้ให้คืออะไร จะเป็น the right answer หรือไม่ เขาดูท่าทางสนใจคำตอบของมนุษย์มากเลย
รู้สึกว่านอกจาก Sci-fi แล้ว เรื่องนี้ควรจัดในหมวดหมู่ philosophy ด้วยนะ
เรื่องจิ้นก็จิ้นได้ค่ะ เราจิ้นชินโดกับฮานาโมริถึงฝ่ายหลังจะไม่ค่อยมีบทก็เถอะ ถ้าเป็นเพื่อนกันคงไม่ถอดเสื้อตอนนอนให้หรอก จะปล่อยให้นอนไปทั้งอย่างนั้นแหละ และเท่าที่เราจำได้ ในห้องมีเตียงแค่เตียงเดียวด้วย