หลังจากเทรดหุ้นมาไม่มากไม่น้อยประมาณ 12-13 ปี ก็มีความรู้สึกว่ามีบางสิ่งที่สำคัญมากๆที่ในช่วงเวลาที่ผ่านมาทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นและบางอย่างก็รู้สึกแย่ลง แต่โดยรวมก็รู้สึกว่ายังมีอีกหลายสิ่งหลายอย่างต้องแก้ไขปรับปรุงไปพร้อมๆกัน ผมเองหลังจากออกจากงานประจำมาเทรดหุ้นหาเลี้ยงชีพเองครบ 2 ปีพอดี และที่ผ่านมาก็ทำสิ่งที่น่าเสียใจและน่าพอใจมาหลายต่อหลายครั้ง บางทีนึกแล้วก็อยากกลับไปแก้ไขอดีตที่น่าเสียใจอีกครั้ง แต่ก็ต้องยอมรับให้มันเป็นแผลเป็นไว้เตือนสติเราเอง
Pressure
เนื่องด้วยการแบกความกดดันไว้เต็มบ่า ทำให้เกิดความคาดหวังสูงจากทั้งเราเองและคนที่เกี่ยวข้องที่ต้องการผลตอบแทนโดยเร็ว แต่พบว่ายิ่งตั้งใจมากเท่าไหร่ Performance ยิ่งแย่ลงเรื่อยๆ ในช่วง 6 เดือนแรกนั้นยอมรับว่าเครียดมาก เพราะการที่เงินลงทุนส่วนหนึ่งเป็นเงินกู้จากธนาคารดอกเบี้ย MLR-1 แต่พอไม่สามารถทำกำไรได้ก็เหมือนโดน 2 เด้งทั้งขาดทุนจากหุ้นและยังต้องเสียดอกเบี้ยอีก ซ้ำยังไม่มีรายได้จากงานประจำอีกต่อไปแล้ว ที่กดดันมากอีกส่วนหนึ่งเพราะตลาดช่วงปี58 เป็นขาลงตลอดทั้งปีซ้ำร้ายยิ่งเสียก็เหมือนทำให้เรายิ่งอยากเอาคืนด้วยการเร่งเทรด ทำให้ค่าโบรกกินไปหนักมาก
Down Trend
ในช่วงแรกหลังจากเสียเงินไปกับหุ้นหลายตัว เข้าๆออกๆ เล่นสั้นๆ ด้วยสัญญาณ 60 นาทีเป็นหลัก แต่ตลาดไม่อำนวยเลยขาดทุนไปประมาณ 10-15% ในเวลาเพียงครึ่งปี ตัวที่เป็นขาขึ้นเราก็ไม่กล้าเก็บหุ้นไว้นานเพราะเห็นว่าขึ้นมาเยอะแล้ว ส่วนตัวที่เป็นขาลงก็เล่นแค่เด้งเพราะกลัวจะลงไปต่อ จนมาพลาดหนักๆอีกครั้งเมื่อหลวมตัวไปเข้าหุ้นแบบหนักๆในหุ้นขาลงอย่าง sappe ด้วยหวังแค่การรีบาวด์แต่ก็ผิดพลาดอีกเพราะหุ้นไม่ยอมรีบาวด์เลยทั้งๆที่ลงมา 30% อย่างต่อเนื่องแล้ว แต่เหมือนแรงขายก็ยังไม่หมดยังลงต่ออีก 30% เลยตัดสินใจคัทแบบเสียหายไปไม่น้อย ทำให้ขาดทุนไปเกือบๆ20% ของพอร์ตรอง
Over Trade
จากนั้นยังไม่เข็ด ยังเข้าไปจับหุ้น K ซึ่งเป็นไอพีโอที่พึ่งเข้าตลาดวันแรก จำได้ว่าโดนไปวันเดียวของพอร์ตรองประมาณ 10% โดยอาศัยสัญญาณ 5 นาที แต่ไม่ได้ศึกษาให้ดี โดนสัญญาณซื้อระยะสั้นหลอกเอา แต่ก็โชคดีที่คัททันเลยไม่เจ็บไปมากกว่านี้ แต่ก็ทำให้จิตตกลงไปพักใหญ่เลย ยังดีที่กลับมาเทรดได้กำไรหุ้นในช่วงเดือนสุดท้ายจาก TKN TACC INTUCH และ SIM ในไม้ใหญ่ๆเลยตีตื้นพอร์ตเหลือเพียงลบประมาณ 10% แต่สิ่งที่น่าตกใจคือยอดเทรดมากกว่ามูลค่าพอร์ตถึงกว่า 60เท่า และค่าธรรมเนียมซื้อขายกว่า 10 % ของมูลค่าพอร์ต ส่วนพอร์ตหลักที่จริงก็ไม่แตกต่างกันนักแต่เนื่องจากเทรดน้อยกว่า เน้นลงทุนมากกว่า ทำให้ยังประคองตัวเอาตัวรอดเมื่อรวมกันยังสามารถสร้างผลตอบแทนได้เป็นบวกประมาณ 23% ในปี 58
Money Management
ยิ่งกว่านั้นเมื่อเริ่มปี 59 ได้ไม่นาน ก็มาเสียหายหนักกับหุ้นขาลงทั้ง SIM และหุ้นที่จบขาขึ้นและเปลี่ยนเป็นขาลงเต็มตัวอย่าง TASCO จนรู้สึกว่ากระทบกระเทือนใจมากที่สุดครั้งหนึ่งตั้งแต่เทรดหุ้นมาเพราะถึงกับทำให้ต้องหยุดเทรดและทบทวนตัวเอง อีกทั้งรู้สึกว่าต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการเทรดหุ้นของตัวเองใหม่ ถ้าไม่อยากให้เกิดความเสียหายของพอร์ตมากไปกว่านี้ โดยครั้งนี้กระทบทั้งพอร์ตหลักและพอร์ตรอง ทำให้ขาดทุนไปอีกร่วมๆ 20 % ของพอร์ตรอง เพราะใช้เงินจำนวนมากในความเสี่ยงที่สูงเกินไป
Discipline
แต่หลังจากหยุดพักไปร่วม 2-3 สัปดาห์ ก็ปรับวินัย ระบบการเทรดใหม่หมดด้วยการควบคุมโวลุ่มการเทรด เลือกเล่นหุ้นขาขึ้น ใช้วินัยการเทรดอย่างเคร่งครัดมากขึ้น ก็สามารถค่อยๆฟื้นผลตอบแทนมาเป็นบวกได้แต่ก็มาเจอเหตุการณ์สะเทือนใจ 13 ตุลาคม 59 เข้าให้อีก เลยทำให้โดยรวมผลตอบแทนติดลบอยู่ดี แต่โชคดีที่พอร์ตหลักยังทำได้ดีทำให้ผลตอบแทนปีที่แล้ว โดยสร้างผลตอบแทนได้อีก 25 % เอาตัวรอดไปได้อีกปี
Over Confidence
หลังจากได้ผ่านเหตุการณ์สะเทือนใจเมื่อปลายที่ 59 ทำให้พยายามทบทวนตัวเองและมีการปรับการเล่นครั้งใหญ่อีกครั้ง โดยหันมาเน้นหุ้นรายตัวมากขึ้น มองหุ้นแบบการลงทุนมากขึ้น ปรับระบบการเทรดใหม่ให้ยาวขึ้น ใช้ Time Frameใหญ่ขึ้นเพื่อให้เหมาะสมกับสถานการณ์ ก็หวังว่าน่าจะเอาตัวรอดได้ดีขึ้น แม้ว่าผลตอบแทนข้างต้นดูเหมือนน่ายินดีที่สร้างผลตอบแทนเป็นบวกมา 8 ปีติดต่อกัน แต่สิ่งที่ผ่านมาทำให้ตะหนักเลยว่าตลาดหุ้นเป็นสิ่งที่ประมาทไม่ได้ ไม่ว่าคุณจะอยู่ในตลาดมากี่ปี คุณยังมีสิ่งที่ต้องเรียนรู้และพิสูจน์ตัวเองต่อไป ความสำเร็จกับความล้มเหลวที่จริงมันมีเพียงเส้นบางๆกั้นอยู่เท่านั้น หากคุณคิดว่าคุณเก่ง ดี เหนือกว่า คุณสามารถแพ้ภัยตัวเองได้ตลอดเวลา
หมายเหตุ -หากสนใจและเห็นว่ามีประโยชน์ ช่วยกด
ด้วยนะครับ เพื่อแบ่งปันและกระจายโอกาสในการเรียนรู้ต่อไป ส่วนหนังสืออีบุค การวิเคราะห์เทคนิคฉบับสมบูรณ์ของของอาจารย์สุรชัย ไชยรังสินันท์ 240 หน้า หากใครสนใจยังไม่เคยมีให้ลงชื่อไว้ในกระทู้นะครับ ทั้งหมดจะส่งลิ้งไปทางหลังไมค์ และอุทิศความดีทั้งหมดให้แก่ผู้แต่งด้วยเพราะหลังจากท่านเขียนเสร็จอย่างสมบูรณ์ก็เสียชีวิตอย่างสงบทิ้งสมบัติและวิทยาทานที่เป็นประโยชน์อย่างสมบูรณ์แบบไว้ให้รุ่นหลังไว้ได้ศึกษา





แชร์ประสบการณ์ขาดทุนพร้อมแบ่งปันคู่มือการใช้เทคนิคฟรี
Pressure
เนื่องด้วยการแบกความกดดันไว้เต็มบ่า ทำให้เกิดความคาดหวังสูงจากทั้งเราเองและคนที่เกี่ยวข้องที่ต้องการผลตอบแทนโดยเร็ว แต่พบว่ายิ่งตั้งใจมากเท่าไหร่ Performance ยิ่งแย่ลงเรื่อยๆ ในช่วง 6 เดือนแรกนั้นยอมรับว่าเครียดมาก เพราะการที่เงินลงทุนส่วนหนึ่งเป็นเงินกู้จากธนาคารดอกเบี้ย MLR-1 แต่พอไม่สามารถทำกำไรได้ก็เหมือนโดน 2 เด้งทั้งขาดทุนจากหุ้นและยังต้องเสียดอกเบี้ยอีก ซ้ำยังไม่มีรายได้จากงานประจำอีกต่อไปแล้ว ที่กดดันมากอีกส่วนหนึ่งเพราะตลาดช่วงปี58 เป็นขาลงตลอดทั้งปีซ้ำร้ายยิ่งเสียก็เหมือนทำให้เรายิ่งอยากเอาคืนด้วยการเร่งเทรด ทำให้ค่าโบรกกินไปหนักมาก
Down Trend
ในช่วงแรกหลังจากเสียเงินไปกับหุ้นหลายตัว เข้าๆออกๆ เล่นสั้นๆ ด้วยสัญญาณ 60 นาทีเป็นหลัก แต่ตลาดไม่อำนวยเลยขาดทุนไปประมาณ 10-15% ในเวลาเพียงครึ่งปี ตัวที่เป็นขาขึ้นเราก็ไม่กล้าเก็บหุ้นไว้นานเพราะเห็นว่าขึ้นมาเยอะแล้ว ส่วนตัวที่เป็นขาลงก็เล่นแค่เด้งเพราะกลัวจะลงไปต่อ จนมาพลาดหนักๆอีกครั้งเมื่อหลวมตัวไปเข้าหุ้นแบบหนักๆในหุ้นขาลงอย่าง sappe ด้วยหวังแค่การรีบาวด์แต่ก็ผิดพลาดอีกเพราะหุ้นไม่ยอมรีบาวด์เลยทั้งๆที่ลงมา 30% อย่างต่อเนื่องแล้ว แต่เหมือนแรงขายก็ยังไม่หมดยังลงต่ออีก 30% เลยตัดสินใจคัทแบบเสียหายไปไม่น้อย ทำให้ขาดทุนไปเกือบๆ20% ของพอร์ตรอง
Over Trade
จากนั้นยังไม่เข็ด ยังเข้าไปจับหุ้น K ซึ่งเป็นไอพีโอที่พึ่งเข้าตลาดวันแรก จำได้ว่าโดนไปวันเดียวของพอร์ตรองประมาณ 10% โดยอาศัยสัญญาณ 5 นาที แต่ไม่ได้ศึกษาให้ดี โดนสัญญาณซื้อระยะสั้นหลอกเอา แต่ก็โชคดีที่คัททันเลยไม่เจ็บไปมากกว่านี้ แต่ก็ทำให้จิตตกลงไปพักใหญ่เลย ยังดีที่กลับมาเทรดได้กำไรหุ้นในช่วงเดือนสุดท้ายจาก TKN TACC INTUCH และ SIM ในไม้ใหญ่ๆเลยตีตื้นพอร์ตเหลือเพียงลบประมาณ 10% แต่สิ่งที่น่าตกใจคือยอดเทรดมากกว่ามูลค่าพอร์ตถึงกว่า 60เท่า และค่าธรรมเนียมซื้อขายกว่า 10 % ของมูลค่าพอร์ต ส่วนพอร์ตหลักที่จริงก็ไม่แตกต่างกันนักแต่เนื่องจากเทรดน้อยกว่า เน้นลงทุนมากกว่า ทำให้ยังประคองตัวเอาตัวรอดเมื่อรวมกันยังสามารถสร้างผลตอบแทนได้เป็นบวกประมาณ 23% ในปี 58
Money Management
ยิ่งกว่านั้นเมื่อเริ่มปี 59 ได้ไม่นาน ก็มาเสียหายหนักกับหุ้นขาลงทั้ง SIM และหุ้นที่จบขาขึ้นและเปลี่ยนเป็นขาลงเต็มตัวอย่าง TASCO จนรู้สึกว่ากระทบกระเทือนใจมากที่สุดครั้งหนึ่งตั้งแต่เทรดหุ้นมาเพราะถึงกับทำให้ต้องหยุดเทรดและทบทวนตัวเอง อีกทั้งรู้สึกว่าต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการเทรดหุ้นของตัวเองใหม่ ถ้าไม่อยากให้เกิดความเสียหายของพอร์ตมากไปกว่านี้ โดยครั้งนี้กระทบทั้งพอร์ตหลักและพอร์ตรอง ทำให้ขาดทุนไปอีกร่วมๆ 20 % ของพอร์ตรอง เพราะใช้เงินจำนวนมากในความเสี่ยงที่สูงเกินไป
Discipline
แต่หลังจากหยุดพักไปร่วม 2-3 สัปดาห์ ก็ปรับวินัย ระบบการเทรดใหม่หมดด้วยการควบคุมโวลุ่มการเทรด เลือกเล่นหุ้นขาขึ้น ใช้วินัยการเทรดอย่างเคร่งครัดมากขึ้น ก็สามารถค่อยๆฟื้นผลตอบแทนมาเป็นบวกได้แต่ก็มาเจอเหตุการณ์สะเทือนใจ 13 ตุลาคม 59 เข้าให้อีก เลยทำให้โดยรวมผลตอบแทนติดลบอยู่ดี แต่โชคดีที่พอร์ตหลักยังทำได้ดีทำให้ผลตอบแทนปีที่แล้ว โดยสร้างผลตอบแทนได้อีก 25 % เอาตัวรอดไปได้อีกปี
Over Confidence
หลังจากได้ผ่านเหตุการณ์สะเทือนใจเมื่อปลายที่ 59 ทำให้พยายามทบทวนตัวเองและมีการปรับการเล่นครั้งใหญ่อีกครั้ง โดยหันมาเน้นหุ้นรายตัวมากขึ้น มองหุ้นแบบการลงทุนมากขึ้น ปรับระบบการเทรดใหม่ให้ยาวขึ้น ใช้ Time Frameใหญ่ขึ้นเพื่อให้เหมาะสมกับสถานการณ์ ก็หวังว่าน่าจะเอาตัวรอดได้ดีขึ้น แม้ว่าผลตอบแทนข้างต้นดูเหมือนน่ายินดีที่สร้างผลตอบแทนเป็นบวกมา 8 ปีติดต่อกัน แต่สิ่งที่ผ่านมาทำให้ตะหนักเลยว่าตลาดหุ้นเป็นสิ่งที่ประมาทไม่ได้ ไม่ว่าคุณจะอยู่ในตลาดมากี่ปี คุณยังมีสิ่งที่ต้องเรียนรู้และพิสูจน์ตัวเองต่อไป ความสำเร็จกับความล้มเหลวที่จริงมันมีเพียงเส้นบางๆกั้นอยู่เท่านั้น หากคุณคิดว่าคุณเก่ง ดี เหนือกว่า คุณสามารถแพ้ภัยตัวเองได้ตลอดเวลา
หมายเหตุ -หากสนใจและเห็นว่ามีประโยชน์ ช่วยกด