
สวัสดีเพื่อนๆที่น่ารักทุกคนครับ กลับมาอีกแล้วสำหรับทริปท่องเที่ยวสร้างแรงบันดาลใจที่มหัศจรรย์ที่สุดอีกทริปหนึ่ง เราบอกกับผู้คนรอบตัวอยู่เสมอว่า เรารักการเดินทาง ท่องเที่ยว ติดต่อสื่อสาร และพบปะผู้คนมากๆ ยิ่งถ้าได้ใช้ทักษะภาษาอังกฤษกับภาษาจีนซึ่งเป็นสิ่งที่รักที่ได้ร่ำเรียนมาแล้วยิ่งชอบไปอีก จำคำพูดตัวเองได้ว่าตอนอยู่ ม.3 เคยประกาศความฝันของตัวเองต่อหน้าเพื่อนๆว่า ชีวิตนี้จะไปเที่ยวประเทศนี้ให้ได้ ซึ่งก็คือ เกาหลีใต้ ตอนนั้นพูดออกมาอย่างมั่นใจว่ายังไงก็ได้ไปแน่ๆทั้งๆที่จริงแล้วตอนนั้นไม่มีเงิน พ่อแม่ก็ไม่ได้ร่ำรวยที่จะเอาเงินหลายหมื่นให้ไปเที่ยวแบบนี้ได้
ด้วยหัวใจของนักสู้ บอกตัวเองเสมอว่าสิ่งที่เราทำได้ดีที่สุดตอนนั้นก็คือตั้งใจเรียน พอถึงวันนี้ได้เรียนจบมหาลัยด้วยดีกรีเกียรตินิยมอันดับ 1 อย่างภาคภูมิ มีเรื่องมหัศจรรย์มากมายเข้ามาในชีวิต และในที่สุดวันนี้ก็มาถึง ความฝันกำลังเป็นจริงแล้ว จะได้ไปเที่ยวเกาหลีอย่างที่เคยพูดไว้แล้ว
เริ่มต้นด้วยการจองตั๋วเครื่องบิน เอาจริงๆก็คิดอยู่นานว่าจะไปสายการบินไหนดี เปรียบเทียบไปมาพิจารณาหลายวันจนสุดท้ายตัดสินใจเลือก Thai Air Asia X พร้อมกับซื้อเพจเกจเสริมสุดคุ้มเพิ่มซึ่งรวมอาหาร โหลดกระเป๋า กับเลือกที่นั่ง ไม่รู้ว่าโชคชะตาเข้าข้างหรืออะไร วันนั้นมีโปรสายฟ้าแล๊บลดให้อีก 20% พนมมือกราบลงอย่างงาม สรุปค่าเครื่องเบ็ดเสร็จ 10,600 บาท ซึ่งเป็นการจองล่วงหน้าประมาณ 3 เดือน
ต่อมาคือเรื่องข้อมูลการท่องเที่ยว อ่านและเก็บข้อมูลจากพันทิปและหลายเว็บพอสมควร ขอขอบคุณผู้ใจบุญทุกท่าน ณ ที่นี้ด้วยครับที่เขียนแบ่งปันเรื่องราวเอาไว้ นอกจากนั้นยังไปซื้อหนังสือเที่ยวเกาหลีของ DPlus Guide เล่มสีน้ำเงินอีกด้วย หนังสืออ่านเข้าใจง่าย และแบ่งสถานที่ท่องเที่ยวออกเป็นโซนๆไว้อย่างเรียบร้อย ซึ่งทำให้เราวางแผนเดินทางเที่ยวได้ง่าย สะดวก และรวดเร็วขึ้น
พอเก็บข้อมูลเสร็จทุกอย่าง เราก็ทำการเขียนลงบนกระดาษ ไล่ลำดับ จัดตารางเที่ยวในแต่ละวันแบบคร่าวๆเสร็จสับ นอกจากจะเที่ยวในโซลแล้ว ยังมีแถมไปเที่ยวเทศกาลชมดอกซากุระที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเกาหลีที่เมืองจินแฮอีกด้วยคับ ฟินที่สุด
ข้อมูลพร้อม กระเป๋าพร้อม คนพร้อม เอกสารพร้อม เงินพร้อม ไปโลดดด...
DAY 1 : Galaxy View on the Plane

เวลาประมาณเที่ยงคืนเราก็ไปเช็คอินพร้อมโหลดกระเป๋าซึ่งห้ามเกิน 20 โล ขาไปโหลดเบาๆชิลๆ 12 โล เพราะขากลับของฝากจะเยอะมาก คืนนี้เพื่อนสุดที่รักก็มาส่งทั้งๆที่ต้องตื่นไปทำงานแต่เช้า ขอบคุณในความรักของเพื่อนที่มีให้ จากนั้นก็ร่ำลาเพื่อน และเข้าสู่ขั้นตอนการตรวจสำหรับขาออกนอกประเทศ เดินดูของที่ Duty Free เล็กน้อย แล้วก็ไปนั่งหลับรอที่เกท

เราบินโดยเครื่องลำใหญ่ Airbus A330-300 ซึ่งห้องโดยสารกว้างขวาง เวลาประมาณตี 3 เครื่องยนต์เริ่มทำงาน และส่งเสียงดังอย่างมีพลังตอนที่กำลังเหินขึ้นสู่ท้องฟ้า โดยส่วนตัวชอบเสียงนี้มากเพราะทำให้รู้สึกมีพลัง และเหมือนชีวิตกำลังก้าวไปสู้อีกขั้น พอขึ้นไปได้สักพัก สิ่งที่เห็นจากริมหน้าต่างคือ หมู่ดาวที่แจ่มชัดสว่างไสวบนท้องฟ้า มันสวยและมหัศจรรย์ที่สุดตั้งแต่เคยแหงนดูดาวบนท้องฟ้ามา ตอนนั้นขนลุก ซาบซึ้ง น้ำตาคลอ พูดกับตัวเองว่าชีวิตเรายอดเยี่ยมที่สุด

พอฟ้าเริ่มสว่างแสงแหย่ตา ก็เลยตื่นขึ้นมาชมพระอาทิตย์ขึ้นในระหว่างที่บินอยู่บนท้องฟ้าซะเลย แสงสีทองพร้อมปุยเมฆมันช่างเข้ากันจริงๆ เห็นวิวสวยขนาดนี้แล้วก็เอามือยื่นไปหยิบหูฟังและเปิดเพลงที่เราชอบฟังพร้อมชมวิวไปเลยในตัว นี่สุขใจตั้งแต่ยังไม่ถึงเกาหลีเลย ผ่านไปสักพักกลิ่นอาหารที่หอมสุดๆลอยมาอวดอวลทั่วห้องโดยสาร น้ำย่อยพุ่งออกมาเต็มกระเพาะทันที หิวมากกก แล้วพี่แอร์คนสวยก็เอามาเสิร์ฟถึงที่

เป็นคนกินน้อย ก็เลยสั่งมาอย่างละ 2 ทั้งข้าว ทั้งน้ำ แซบนัวหลาย ไหนไปดูสิว่าอาหารหน้าตาเป็นไง จะน่ากินแค่ไหนเชียว

พอกินเสร็จอย่างอิ่มหนำสำราญ ก็นอนต่อสิคับจะอะไรล่ะ แหม ชีวิตสบายจังเลย แอบหัวเราะและยิ้มแรงๆในใจ ผ่านไปอีก 3 ชม. เราก็ได้แลนด์ที่สนามบินนานาชาติอินชอนอย่างนิ่มนวลพร้อมกับอากาศ 10 กว่าองศา จากร้อนๆ 30 องศา มาเจอเย็นแบบนี้ก็ตกใจนิดหน่อย

ตอนเดินออกมาจากเครื่องบิน รู้สึกดีใจ ตื่นเต้น ตื้นตัน ในที่สุดเราก็มีวันนี้ ยิ้มกว้างๆ ฟินๆอยู่ในใจตัวเองคนเดียว แต่ก็ยังไม่ลืมที่จะถ่ายรูปบรรยาศมาฝากทุกๆคน

เนื่องจากต้องไปผ่าน ตม. อีกอาคารหนึ่ง เลยต้องเดินตามๆกันเพื่อไปขึ้นรถไฟฟ้าที่เชื่อมระหว่างอาคาร ไปง่ายๆ เดินตามๆกันไปโลด พอผ่าน ตม. ก็เดินไปรอรับกระเป๋าตามสายพานที่โชว์ในจอ จากนั้นสิ่งที่เราต้องซื้อเลยก็คือ บัตร T-Money ที่สามารถใช้กับรถไฟสนามบินเข้าเมือง AREX รถไฟใต้ดิน และรถเมล์ ซื้อได้ที่ร้านสะดวกซื้อราคา 4,000 วอน ประมาณ 120 บาท

เราวางแผนจะนั่งรถไฟเข้าเมืองแบบ All-stop Train ซึ่งจะจอดทุกๆสถานี หรือถ้าใครอยากนั่งเร็วๆวิ่งยาวไปลงที่สถานีโซลเลย ก็นั่งแบบ Express Train แต่เราจะลงที่สถานี Hongik เลยต้องนั่งแบบแรก ด้วยความที่เป็นเอ๋อๆ งงๆ ก็เลยเดินไปที่ตู้ซื้อบัตรแบบเที่ยวเดียวไปลงสถานี Hongik 4,650 วอน ซึ่งรวมค่ามัดจำในบัตรด้วยเท่าไรจำไม่ได้ จะได้คืนตอนเราคืนบัตรที่ตู้รับคืนอัตโนมัติที่สถานี

พอซื้อเสร็จปุ๊บ นึกออกทันทีว่า เอ้า!!! กุจะซื้อทำไม ทำไมไม่ใช้บัตร T-Money เติมเงินใส่บัตรแล้วใช้บัตรนี้เลยก็ได้หนิ ตึ่งโป๊ะ ตลกตัวเองที่สุด ไหนๆก็ซื้อละก็ต้องใช้บัตรสีส้มแล้วล่ะ และไหนๆก็ยืนอยู่ตู้แล้วก็เติมเงินใส่บัตร T-Money ไปเลยละกัน 10,000 วอน จากนั้นก็เดินไปทางเข้าชานชลา

เอาบัตรสีส้มสวยๆของเราทาบลงไปป๊าบ ง่ายๆแค่นี้ (คงไม่ต้องบอกให้เดินเข้าไปหรอกเนอะ คอมมอนเซนส์ 55) มันใช้เวลาประมาณ 1 ชม. กว่าจะถึงสถานีที่เราจะลง ยืนรอรถไฟแปปนึงนางก็เสด็จมา ถ่ายรูปสนั่น ตื่นเต้นแม้กระทั่งรถไฟ 55 ถ่ายมาให้ทุกคนได้เห็นด้วยกัน


หน้าตาข้างในก็ตามภาพข้างบนเลยคับ คล้ายๆ BTS บ้านเรา พอนั่งออกมาจากสนามบินเรื่อยๆก็จะเห็นแต่ทะเลลายล้อม มองเห็นต้นไม้ข้างทางก็พอรู้ได้เลยว่าอากาศคงจะยังหนาวอยู่ เพราะต้นไม้ยังไม่ผลิใบเลย นั่งมาเรื่อยๆจนสุดท้ายก็มาถึงสถานี Hongik เราก็ลงแล้วเดินออกประตูที่ 6 ตามแผนที่ไปที่พักที่เค้าส่งมาให้ เดินไปประมาณ 5 นาที ยืนงงๆกับแผนที่ แล้วใช้เซนส์เดินไปเรื่อยๆ จนสุดท้ายเราก็ถึงที่พักคับ

เป็นเกสเฮาส์ที่อบอุ่น เจ้าของใจดี คุยง่าย มีห้องครัวและอุปกรณ์ที่บ้านหลังหนึ่งควรมีทุกอย่างจิปะถะไว้คอยบริการ ประตูเป็นแบบใส่รหัส โดยรวมปลอดภัย ใกล้รถไฟใต้ดิน สะดวกสุดๆ พอเข้าห้องตัวเองก็แอบงีบหลับแปปนึงประมาณ 4 ชม. ตื่นมาอีกที เอ้าเฮ้ย!!! 4 โมงกว่าแล้ววว รีบลุกมาแต่งตัว เตรียมกล้อง ใส่เสื้อกันหนาวตัวเดียวแล้วออกไปเดินเล่นย่านฮงแดทันที

วิธีที่เราจะไปคือ เดินคับ ใช้เวลาประมาณ 5 นาที พอเดินออกมาจากเกสเฮาส์อากาศหนาวชิ๊บหาย งานงอกแล้ว หนาวจริงๆ ปากสั่นงึกๆ ก่อนมาก็ถามหลายคนเค้าบอกว่าเย็นๆ เย็นบ้านพี่สิ หนาวเลยล่ะ 55

ตอนนั้นจำได้ว่าตัวเองยืนยิ้มแก้มปริอยู่ข้างถนน เพราะดีใจจริงๆ สุขใจจริงๆที่ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง แต่ไม่ว่าจะดีใจแค่ไหนก็ยังตั้งใจถ่ายรูปอย่างสุดฝีมือมาฝากทุกๆคนเสมอ


ฮงแดจะเป็นย่านที่วัยรุ่นชอบมาเดินช็อปปิ้ง กินข้าว สังสรรค์ ทำกิจกรรม โชว์ความสามารถต่างๆอยู่เป็นประจำ สังเกตุได้ว่าจะชอบมีคนมาร้องเพลง เต้น และเล่นมายากลอยู่เรื่อยๆ ขอบอกเลยว่ายืนดูเพลินมาก อย่างคนที่กำลังร้องเพลงในรูปนี้เสียงดีสุดๆ ยืนขนลุก แล้วส่งรอยยิ้มให้พี่เค้าจนจบเพลง ความสามารถพี่เค้าระดับนักร้องอาชีพเลย


คนเกาหลีโดยรวมแต่งตัวกันเก่งมาก เสื้อผ้าหน้าผมมาเต็ม ไหนใครว่าไม่หนาว พี่เกาเค้าใส่เสื้อกันหนาวจัดเต็มมาก มีแต่เราที่ดูน้อยชิ้นสุด ไม่ได้ๆ ไม่ยอม เดินหาซื้อด่วน เดี๋ยวแข็งแตายก่อน


ที่นี่มีคาเฟ่เยอะมาก แต่ละร้านมีการจัดตกแต่งร้านที่สวยงาม มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวสุดๆ บ้านเมืองโดยรวมสะอาดสะอ้าน ผู้คนทั่วไปก็ไม่ได้หน้าเป๊ะเหมือนดาราเกาหลีอย่างที่เราคิด มีทั้งสวย หล่อ ปานกลาง ธรรมดา ปะปนกันไป แต่โดยส่วนตัวคิดว่าคนทั่วไปตามถนนหนทางคนไทยดูดีกว่า


พอเริ่มมืด อากาศก็เย็นลง หิวก็หิว ไม่รีรอที่จะนัดเจอเพื่อนเกาหลีแล้วชวนกันไปกินข้าว นางก็นัดให้ไปเจอแถวนี้โดยส่งแผนที่มาให้ โชคดีที่มี Wifi ฟรีอยู่ทั่วเมือง เลยใช้เน็ตได้สะดวกมาก พอเจอกันก็ยิ้มให้นางบานๆปานฑูตตัวแทนจาก Land of Smiles และนี่ก็คือร้านที่พี่สาวเกาหลีพามาคับ


พี่สาวเกาหลีคนนี้เป็นครูสอนวิชาคอมให้เด็กประถม รู้จักกันมา 2 - 3 ปี จากเว็บไซต์หาเพื่อนต่างชาติ ก็ติดต่อกันอยู่เรื่อยๆจนได้มาเจอกันจริงๆวันนี้ นับว่ามันเป็นเรื่องมหัศจรรย์มากที่คนที่ไม่รู้จักกันมาก่อนเลยสามารถคุยกันเข้าคอกันอย่างมากที่สุด


เราให้นูน่าเกาหลีซึ่งแปลว่า พี่สาว เป็นคนแนะนำทุกเมนูเลย อะไรอร่อยจัดมา เปิดใจลองทุกอย่าง แดรกได้ไม่ได้ก็ให้มันรู้กันไปเลย นางก็อธิบายทุกเมนูปานตัวแทนจากประเทศเกาหลี 55 (สงสัยโดยเอาคืน) เราตกลงกันว่าจะค่อยๆสั่งทีละน้อย สั่งไปสั่งมาเต็มโต๊ะเลย ความหิวไม่เคยปราณีใคร
[CR] เที่ยวเกาหลีด้วยตัวเองทั่วโซลและชมดอกซากุระที่จินแฮ 2017 ตอนที่ 1
ด้วยหัวใจของนักสู้ บอกตัวเองเสมอว่าสิ่งที่เราทำได้ดีที่สุดตอนนั้นก็คือตั้งใจเรียน พอถึงวันนี้ได้เรียนจบมหาลัยด้วยดีกรีเกียรตินิยมอันดับ 1 อย่างภาคภูมิ มีเรื่องมหัศจรรย์มากมายเข้ามาในชีวิต และในที่สุดวันนี้ก็มาถึง ความฝันกำลังเป็นจริงแล้ว จะได้ไปเที่ยวเกาหลีอย่างที่เคยพูดไว้แล้ว
เริ่มต้นด้วยการจองตั๋วเครื่องบิน เอาจริงๆก็คิดอยู่นานว่าจะไปสายการบินไหนดี เปรียบเทียบไปมาพิจารณาหลายวันจนสุดท้ายตัดสินใจเลือก Thai Air Asia X พร้อมกับซื้อเพจเกจเสริมสุดคุ้มเพิ่มซึ่งรวมอาหาร โหลดกระเป๋า กับเลือกที่นั่ง ไม่รู้ว่าโชคชะตาเข้าข้างหรืออะไร วันนั้นมีโปรสายฟ้าแล๊บลดให้อีก 20% พนมมือกราบลงอย่างงาม สรุปค่าเครื่องเบ็ดเสร็จ 10,600 บาท ซึ่งเป็นการจองล่วงหน้าประมาณ 3 เดือน
ต่อมาคือเรื่องข้อมูลการท่องเที่ยว อ่านและเก็บข้อมูลจากพันทิปและหลายเว็บพอสมควร ขอขอบคุณผู้ใจบุญทุกท่าน ณ ที่นี้ด้วยครับที่เขียนแบ่งปันเรื่องราวเอาไว้ นอกจากนั้นยังไปซื้อหนังสือเที่ยวเกาหลีของ DPlus Guide เล่มสีน้ำเงินอีกด้วย หนังสืออ่านเข้าใจง่าย และแบ่งสถานที่ท่องเที่ยวออกเป็นโซนๆไว้อย่างเรียบร้อย ซึ่งทำให้เราวางแผนเดินทางเที่ยวได้ง่าย สะดวก และรวดเร็วขึ้น
พอเก็บข้อมูลเสร็จทุกอย่าง เราก็ทำการเขียนลงบนกระดาษ ไล่ลำดับ จัดตารางเที่ยวในแต่ละวันแบบคร่าวๆเสร็จสับ นอกจากจะเที่ยวในโซลแล้ว ยังมีแถมไปเที่ยวเทศกาลชมดอกซากุระที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเกาหลีที่เมืองจินแฮอีกด้วยคับ ฟินที่สุด
ข้อมูลพร้อม กระเป๋าพร้อม คนพร้อม เอกสารพร้อม เงินพร้อม ไปโลดดด...
DAY 1 : Galaxy View on the Plane