หลังจากสอบมิดเทอมเสร็จสิ้น
ก็เจอแต่เรื่องนกๆ อกหักยังไม่พอ เจอคะแนนสอบอันน้อยนิดก็ท้อใจ
อยากหนี หนี หนีความนกนี้ไปไกลๆ
บังเอิญไปได้ยินเพลง “ที่เกาะสมุยมันมีอะไร ที่ทำให้คุณนั้นต้องอยากไป …”
จังหวัดสุราษฎร์ธานีนี่ลอยเข้ามาในหัวเลย
แล้วถ้าไม่อยากไปสมุย ไม่ไปทะเลล่ะ จะเที่ยวที่ไหน ?
ก็เขาไงเราต้องไปเขา….เขาไม่รัก แฮ่! เขาสก เอ้ย! ถูกแล้ว
แล้วเขาสกมันมีอะไรอ่ะไรน้า อยากรู้คงต้องไปแล้วหละ
และแล้วก็ได้เวลาที่เด็กวิดวะอย่างเราต้องถอดช็อปลงถัง โยนชีทเรียนใส่ลัง นั่งแพ็คกระเป๋าให้พร้อม
การเดินทางตามหาความฝัน เอ้ย! หนีความนกจากคะแนนสอบมิดเทอมมุ่งหน้าสู่สุราษฎร์ เข้าสู่อุทยานแห่งชาติเขาสก เป็นเวลา 3 วัน 2 คืน (ไม่นับวันขณะเดินทาง) ได้เริ่มขึ้นแล้ว

แต่ก่อนที่เราจะไปตะลุยสุราษฎร์ฉบับคนเมืองเข้าป่าเรามาดูแพลนการเดินทางฉบับรวบรัดก่อนไปเจาะลึกกันดีกว่า

เราออกเดินทางจากสถานีรถไฟกรุงเทพหรือหัวลำโพง 17.35 น.(วันที่ 29.03.2560)

รถไฟขบวนที่เรานั่งไปเป็นรถพัดลม
บนรถไฟก็จะมีของมาขาย แต่ก็ไม่ได้มีตลอดทั้งคืน
และแล้วพวกเราก็มาถึงสุราษฎร์ เวลาประมาณ 6 โมงเช้า
แล้วนั่งรถตู้ต่อไปยังเขาสกที่ชาวต่างชาติถือว่า เป็น The must ของเมืองไทยที่ต้องมาเยือนเลยก็ว่าได้
การผจญภัยไปกับพวกเราได้ก็เริ่มต้นขึ้น ณ ที่แห่งนั้น


Day 1 : 30.03.2560
เรานั่งรถตู้มาจากสถานีรถไฟมาที่เขาสกเพื่อเข้าที่พัก ขอเตือนก่อนเลยนะว่า ต้องดูป้ายดีๆว่ารีสอร์ทเราอยู่ตรงไหน
เพราะที่พักแต่ละแห่งจะอยู่ใกล้ๆกัน รีสอร์ทที่เราเลือกไปพักชื่อ เขาสกไอซ์แลนด์

เมื่อเราเข้าไปที่พักก็เจอกับป้าเจ้าของรีสอร์ทออกมาต้อนรับพวกเราอย่างเป็นมิตร
ห้องที่พวกเราเลือกเป็นห้องใหญ่ ที่พักก็สะอาด บรรยากาศรีสอร์ทร่มรื่นมากกกกก
ป้ามาเตือนพวกเราด้วยว่า ให้ล็อคห้องให้ดีก่อนจะนอน เพราะตอนเช้าจะมีฝูงลิงลงมาจากเขา เห็นบอกว่าลงมาเป็นพันตัว (เว่อร์ไปรึป่าว) =0=


ด้านหลังรีสอร์ทของเรา มีลำธารไหลผ่าน ซึ่งลำธารนี้ไหลผ่านทั้งหมู่บ้านเลยก็ว่าได้
หลังจากเก็บสัมภาระเสร็จ เราก็เดินไปอุทยานแห่งชาติเขาสก เน้นนะว่า เดิน !! แต่โชคดีไปอีกกกก
ที่พวกเราเจอลุงใจดีขับรถไปส่ง แหม คนไทยใจดีทุกภาคจริงๆ ><


มาถึงอุทยานแห่งชาติเขาสกแล้ววววววว

ก่อนเข้าอุทยานก็ต้องเสียค่าเข้า คนละ 40 บาท ในอุทยานจะมีเส้นทางเดินป่าให้เลือก 2 เส้นทาง
คือ เส้นทางศึกษาธรรมชาติน้ำตกบางหัวแรด-น้ำตกโตนกลอย และ เส้นทางศึกษาธรรมชาติสันยางร้อย-น้ำตกสิบเอ็ดชั้น
พวกเราเลือกเดินไปทางสันยางร้อยก่อน ระยะทางแค่ประมาณ 2 กม. ลักษณะทางจะเป็นทางเดินป่าที่ลัดเลาะผ่านป่าดิบชื้น

ได้มาแล้วตั๋วเข้าอุทยาน
และนี่ก็เป็นบรรยากาศบนเขาที่พวกเราเดินตามหาดอกบัวพุด แต่ไม่เจอหรอก (เพราะว่าทางที่เราจะไปตามหาเป็นเส้นทางน้ำตก 11 ชั้น
แต่ทางปิดเนื่องจากมีช้างป่าลงมาเล่นน้ำ) นกอีกแล้วเรา เศร้าจัง ชีวิตนก T^T





ระหว่างทางเดินป่าเราก็จะพบกับลำธารเป็นช่วงๆ

น้องทากศัตรูตัวน้อยของเรา เห็นเล็กๆแบบนี้กระดิ๊บเข้ารองเท้าเราได้ไวโคตร ผู้หญิงเวลาโดนเกาะขาทีก็กรี๊ดกันลั่นป่า
เมื่อเดินจนสุดทะลุมาเจอกับทางเข้าอีกเส้นทางนึง แถวนั้นจะมีร้านค้าขายน้ำ ขายกล้วยทอด และมีที่ให้เราพักเหนื่อยกัน ป้าเจ้าของร้านก็ใจดี ใครที่ได้มีโอกาสไปก็ไปอุดหนุนป้าเค้าได้นะ

กล้วยทอด รสชาติถือว่าใช้ได้
เมื่อพักหายเหนื่อยและเอาทากออกกันครบทุกคนแล้ว ก็เดินทางต่อไปยังเส้นทางน้ำตกโตนกลอย
เป็นทางที่กว้างและไม่รกเท่าเส้นทางแรก เดินกับแบบชิลๆ และที่สำคัญ "ทากมีไม่เยอะเท่าเส้นทางแรก"

พวกเราเดินกันไปจนถึงป้ายน้ำตกวิ่งหิน ณ จุดๆนี้ มองไปเห็นสายตาของเพื่อนๆ น่าจะไม่ไหวและ
พวกเราเลยตัดสินใจหยุดแแวะเล่นน้ำที่น้ำตกวิ่งหินนี่แหละ แม้บรรยากาศที่นี่ค่อนข้างอบอ้าว แต่น้ำก็เย็นชื่นใจ หายเหนื่อยเลยทีเดียว


น้ำตกวิ่งหิน


ดูความฟินของหน้าก็พอจะรู้ว่าเย็นชื่นใจขนาดไหน
หลังจากแช่น้ำกันจนชุ่มฉ่ำก็ได้เวลากลับ เราเดินเท้าจากอุทยานกลับถึงที่พัก ก็ได้พักอาบน้ำกินข้าวกัน ทำธุระส่วนตัวเสร็จก็รีบเข้านอนพักผ่อนเพราะเหนื่อยล้ากันมาทั้งวัน
[CR] [CR]:.หนีความนก แล้วไปเที่ยวเขาสกกันเถอะ.:
ก็เจอแต่เรื่องนกๆ อกหักยังไม่พอ เจอคะแนนสอบอันน้อยนิดก็ท้อใจ
อยากหนี หนี หนีความนกนี้ไปไกลๆ
บังเอิญไปได้ยินเพลง “ที่เกาะสมุยมันมีอะไร ที่ทำให้คุณนั้นต้องอยากไป …”
จังหวัดสุราษฎร์ธานีนี่ลอยเข้ามาในหัวเลย
แล้วถ้าไม่อยากไปสมุย ไม่ไปทะเลล่ะ จะเที่ยวที่ไหน ?
ก็เขาไงเราต้องไปเขา….เขาไม่รัก แฮ่! เขาสก เอ้ย! ถูกแล้ว
แล้วเขาสกมันมีอะไรอ่ะไรน้า อยากรู้คงต้องไปแล้วหละ
และแล้วก็ได้เวลาที่เด็กวิดวะอย่างเราต้องถอดช็อปลงถัง โยนชีทเรียนใส่ลัง นั่งแพ็คกระเป๋าให้พร้อม
การเดินทางตามหาความฝัน เอ้ย! หนีความนกจากคะแนนสอบมิดเทอมมุ่งหน้าสู่สุราษฎร์ เข้าสู่อุทยานแห่งชาติเขาสก เป็นเวลา 3 วัน 2 คืน (ไม่นับวันขณะเดินทาง) ได้เริ่มขึ้นแล้ว
บนรถไฟก็จะมีของมาขาย แต่ก็ไม่ได้มีตลอดทั้งคืน
และแล้วพวกเราก็มาถึงสุราษฎร์ เวลาประมาณ 6 โมงเช้า
แล้วนั่งรถตู้ต่อไปยังเขาสกที่ชาวต่างชาติถือว่า เป็น The must ของเมืองไทยที่ต้องมาเยือนเลยก็ว่าได้
การผจญภัยไปกับพวกเราได้ก็เริ่มต้นขึ้น ณ ที่แห่งนั้น
เรานั่งรถตู้มาจากสถานีรถไฟมาที่เขาสกเพื่อเข้าที่พัก ขอเตือนก่อนเลยนะว่า ต้องดูป้ายดีๆว่ารีสอร์ทเราอยู่ตรงไหน
เพราะที่พักแต่ละแห่งจะอยู่ใกล้ๆกัน รีสอร์ทที่เราเลือกไปพักชื่อ เขาสกไอซ์แลนด์
ห้องที่พวกเราเลือกเป็นห้องใหญ่ ที่พักก็สะอาด บรรยากาศรีสอร์ทร่มรื่นมากกกกก
ป้ามาเตือนพวกเราด้วยว่า ให้ล็อคห้องให้ดีก่อนจะนอน เพราะตอนเช้าจะมีฝูงลิงลงมาจากเขา เห็นบอกว่าลงมาเป็นพันตัว (เว่อร์ไปรึป่าว) =0=
หลังจากเก็บสัมภาระเสร็จ เราก็เดินไปอุทยานแห่งชาติเขาสก เน้นนะว่า เดิน !! แต่โชคดีไปอีกกกก
ที่พวกเราเจอลุงใจดีขับรถไปส่ง แหม คนไทยใจดีทุกภาคจริงๆ ><
คือ เส้นทางศึกษาธรรมชาติน้ำตกบางหัวแรด-น้ำตกโตนกลอย และ เส้นทางศึกษาธรรมชาติสันยางร้อย-น้ำตกสิบเอ็ดชั้น
พวกเราเลือกเดินไปทางสันยางร้อยก่อน ระยะทางแค่ประมาณ 2 กม. ลักษณะทางจะเป็นทางเดินป่าที่ลัดเลาะผ่านป่าดิบชื้น
และนี่ก็เป็นบรรยากาศบนเขาที่พวกเราเดินตามหาดอกบัวพุด แต่ไม่เจอหรอก (เพราะว่าทางที่เราจะไปตามหาเป็นเส้นทางน้ำตก 11 ชั้น
แต่ทางปิดเนื่องจากมีช้างป่าลงมาเล่นน้ำ) นกอีกแล้วเรา เศร้าจัง ชีวิตนก T^T
เมื่อเดินจนสุดทะลุมาเจอกับทางเข้าอีกเส้นทางนึง แถวนั้นจะมีร้านค้าขายน้ำ ขายกล้วยทอด และมีที่ให้เราพักเหนื่อยกัน ป้าเจ้าของร้านก็ใจดี ใครที่ได้มีโอกาสไปก็ไปอุดหนุนป้าเค้าได้นะ
เมื่อพักหายเหนื่อยและเอาทากออกกันครบทุกคนแล้ว ก็เดินทางต่อไปยังเส้นทางน้ำตกโตนกลอย
เป็นทางที่กว้างและไม่รกเท่าเส้นทางแรก เดินกับแบบชิลๆ และที่สำคัญ "ทากมีไม่เยอะเท่าเส้นทางแรก"
พวกเราเดินกันไปจนถึงป้ายน้ำตกวิ่งหิน ณ จุดๆนี้ มองไปเห็นสายตาของเพื่อนๆ น่าจะไม่ไหวและ
พวกเราเลยตัดสินใจหยุดแแวะเล่นน้ำที่น้ำตกวิ่งหินนี่แหละ แม้บรรยากาศที่นี่ค่อนข้างอบอ้าว แต่น้ำก็เย็นชื่นใจ หายเหนื่อยเลยทีเดียว
หลังจากแช่น้ำกันจนชุ่มฉ่ำก็ได้เวลากลับ เราเดินเท้าจากอุทยานกลับถึงที่พัก ก็ได้พักอาบน้ำกินข้าวกัน ทำธุระส่วนตัวเสร็จก็รีบเข้านอนพักผ่อนเพราะเหนื่อยล้ากันมาทั้งวัน