สวัสดีค่ะ ตั้งใจสร้างกระทู้นี้เพื่อเป็นกำลังใจ ให้คนที่กำลังคิดว่าจะผ่าตัดริดสีดวงทวารนะคะ เหตุผลเพราะว่าก่อนที่เราจะผ่า เรากลัวมาก เรา search อ่านข้อมูลในอินเตอร์เน็ต เจอแต่ประสบการณ์ที่เลวร้ายซะส่วนใหญ่ เจอที่ดีน้อยมากเลยค่ะ วันนี้เราเลยอยากจะมาแชร์ด้านดีๆ บ้าง เพื่อให้คนที่กำลังจะผ่ามีกำลังใจนะคะ และเล่าสู่กันฟังนะคะ ยาวหน่อยนะคะ
บอกก่อนว่าเราเขียนภาษาไทยไม่เก่งมาก อาจจะมีสะกดผิดบ้าง ใช้คำไม่ถูกบ้างให้อภัยกันนะคะ
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บทที่ 1 : ที่มา ที่ไป ทำไมต้องผ่า
เราอายุ 29 ปีคะ จะ 30 ปีนี้ ช่วงปลายปี เป็นคนที่ท้องผูกต้องแต่เด็กๆ เรียกว่ามีปัญหาเรื่องการขับถ่ายมาตลอด (เพราะทานน้ำน้อยคะ เป็นนิสัยที่ไม่ดี และยังแก้ไม่หาย) แต่ก็ไม่เคยต้องรักษาอะไร จนพออายุมากขึ้นก็เริ่มมีอาการ ถ่ายเป็นเลือดสด ก็ไปหาหมอ หมอก็บอกว่า อุจระแข็ง เวลาถ่ายเลยทำให้เป็นแผล ซึ่งอันนี้หลายปีก่อนนะคะ ไม่ได้ให้ทำอะไร ก็ให้ยามาทา ก็หายไป แต่ก็จะเป็นๆหายๆ และไม่เคยเป็นจน เจ็บแบบในโฆษณานะคะ คือจะเจ็บเวลาถ่ายเท่านั้นคะ จนเมื่อวันที่ 12 เมษายน 2017 ที่ผ่านมา ก็ถ่ายปกติ แข็งเหมือนทุกครั้ง คราวนี้เลือดออกอีก ก็ไม่ได้อะไร เพราะชิน จนไปนอน และตื่นเช้ามา คราวนี้บอกเลยเจ็บมากๆ ปวดมาก ทำอะไรก็ปวดนั้งก็ไม่ได้ เลยตัดสินใจไปหาคุณหมอที่ รพ. สมิติเวช สุขุมวิท ค่ะ บอกก่อนว่าเราหาที่นี่มาต้องแต่เด็ก คือชินกับ รพ.นี้มาก แถบจะไม่เคยใช้บริการที่อื่นเลย คุณหมอเป็นผู้หญิงค่ะ ท่านก็ตรวจตามขั้นตอน และสรุปว่า มันบวมมากนะ ผ่าดีกว่านะ จะได้ไม่ต้องเจ็บอีก ด้วยความที่ตอนนั้นเจ็บมาก ไม่ทนแล้วเลยบอกโอเคค่ะ แล้วก็นัดวันรุ่งขึ้นเลย คือผ่าสงกรานต์พอดี
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บทที่ 2 : ขั้นตอนการรักษา
ที่เราตัดสินใจผ่าทันที เพราะจะต้องมีเดินทางไปต่างประเทศช่วงสิ้นเดือน อยากให้หายก่อน และพอดีคุณหมอผู้น่ารักก็มีคิวว่างสงกรานต์ ก็จัดเลยถือว่าไม่ต้องกังวลอะไรด้วย ก็นอนพักยาวๆไป เราก็แจ้งรพ. ข้อมูลประกันทั้งหมดที่มี ไม่ถึง 3 ชม. รพ.ก็ ประเมินราคา ส่งเรื่องให้ประกันเรียบร้อย และโทรมาแจ้งเราค่ะ ก็สรุปนัดผ่าเป็น 13 เมษายน 2017 ตอน 10:00น. โดยที่ รพ. นัดให้ไปถึง รพ. 7:00น. เราเลือกว่างยาสลบนะคะ
12 เมษา '17
00:00 งดน้ำ งดอาหาร
13 เมษา '17
7:00 ถึง ที่ รพ. ก็เดินไปติดต่อที่ เคาน์เตอร์ 5 มี พยาบาลคนสวยนั้งอยู่ 1 คน ดูง่วงๆ เล็กน้อย ฮ่าๆ พยาบาล ก็นำเอกสารทั้งหมดมาให้เซ็นค่ะ ทั้งขั้นตอนการรักษา และเอกสารประกันต่างๆ เสร็จปุ๊บ ก็ทำการชั่งน้ำหนัก วัดความดัน วัดไข้ แล้วก็ส่งไป x-ray ปอด กับเจาะเลือด (อันนี้คือจุดที่เราติด รพ. นี้เลยนะ คือ พยาบาลที่นี่ เจาะเลือดเก่งมาก คือไม่เจ็บ และจะครั้งเดียวได้เสมอ ทั้งๆ ที่เส้นเราเจาะยาก เพราะเคยปวดไมเกรนมาก แล้วรีบไป รพ. ใกล้บ้าน เป็นช่วงกลางดึก คือ รพ. นั้นเจาะเรา 7 รอบไม่ได้ จนเลือดไหลอาบมือ พี่สาวเราเห็นทนไม่ได้เอาเราออกแล้วกลับไป สมิติเวช เหมือนเดิม ฮ่าๆ)
8:00 แผนกที่ดูเรื่อง ห้องพักก็เดินมา สอบถามว่าเราจะพักห้องแบบไหน ซึ่งเรามาที่นี่ประจำ ดังนั้นจะมีประวัติอยู่ (งาน CRM เขาดีอยู่) แผนกห้องพักก็ถามว่าจะเอาห้องเดิมที่เคยพักไหมคะ หรือจะเปลี่ยนเป็นห้องแบบอื่นได้ เอาเป็นว่า รพ. นี้มีชนิดห้องหลากหลายมาก ห้องที่เรานอน คือ Superior Intelligent

8:10 จนท. ก็พามารอที่ ห้องพัก ก่อนผ่าตัดตอน 10:00 ที่นี้ระหว่างรอ บอกเลยว่า เครียดมาก นั้งอ่านแต่รีวิว ผ่าริดซี่ในพันทิปและเว็บต่างๆ วนไปค่ะ คือที่เจอ 98% บอกเจ็บมาก ยอมรับว่าเครียดเลย กลัวมากจนแบบเป็นไมเกรน ก่อนเข้าห้องผ่าแบบปวดหัวมากจน อาเจียนเลย เพราะอ่านเยอะแล้วเครียดมาก ก็นอนรอป่วยๆ ไป จนพยาบาลถามว่าจะเลื่อนผ่าไหม ไหวไหม เราบอกไม่เลื่อนค่ะ แปบเดียวก็ให้ยาสลบละน่าจะดีขึ้น เพราะเป็นไมเกรนเป็นปกติ แล้วหมอสั่งงดน้ำ และอาหารทุกชนิดเลย กินยาแก้ปวดไม่ได้ พยาบาลก็มาเจาะเลือดที่ปลายนิ้ววัดระดับน้ำตาล เพราะคิดว่าที่ปวดหัว อาจจะเพราะอดอาหาร อดน้ำ ทำให้น้ำตาลตก แต่วัดมาก็ปกติ แล้วพยาบาลก็เจาะเข็มน้ำเกลือให้ ต้องบอกว่าเราเป็นประจำเดือนวันสุดท้ายด้วย เลยอาจจะทำให้เป็นไมเกรน ของเราคุณหมอไม่ได้ล้างท้องนะคะ
9:50 พนักงานก็เข็นเตียงมารับ เพื่อพาเราไปยังห้องผ่าตัด ซึ่งตอนนั้นปวดหัวมาก หลับตาตลอดไม่รู้ยังไง แต่รู้ตัวอีกทีก็ถึงห้องผ่าตัดละ แล้วเตียงที่เข็นมาก็ถูกมาจอดขนานกับเตียงผ่าตัด แต่เราไม่ต้องย้ายเตียงเองนะ สักพักคุณหมอเราก็เดินเข้ามาแล้วบอกว่าเห็นบอกว่าปวดหัวมาก แต่ผลเลือดดีมากนะ ไม่อันตรายผ่าได้ เราไหวนะ เราบอกเราไหว แล้วคุณหมอก็อธิบายต่อว่า ถ้าเดี๋ยวผ่าเสร็จตื่นมาแล้ว ถ้าเราไม่สามารถปัสวะเองได้ เกิน 6 ชม. หมอจะต้องสวนปัสวะนะ แต่หมออยากให้เราพยายามปัสวะเองให้ได้ดีกว่า เราก็โอเคคะเข้าใจ เพราะทราบในเงื่อนไขนี้ดี จากการอ่านเรื่องของคนอื่นมาเยอะมาก
10:00 วิสัญญีแพทย์ก็เข้ามาทักทาย แล้วก็ถามเราอีกรอบว่า เห็นมึนหัวมาก มีคลื่นไส้อาเจียนด้วย จะเปลี่ยนใจเป็น บล้อคหลังแทนก็ได้นะไม่ต้องวางยาสลบ เราก็ยังติดตลก บอกหมอว่าอันนั้นหน้าจะเครียดหนักกว่าเดิมยิ่งปวดหัวเข้าไปใหญ่ ให้หนูหลับไปเลยดีกว่าค่ะ ฮ่าๆ หมอบอกโอเค คือเราชอบ รพ.นี้มากตรง คุณหมอที่นี่ทุกคนใส่ใจในการรักษามาก แบบคุณหมอจะอธิบายรายละเอียดอาการป่วย และวิธีรักษาอย่างละเอียดมาก คือบอกเลยว่าแถบทุกท่านเป็นยังงี้หมด ถ้ารักษาปกติ จะมีการดึง ภาพประกอบชี้ อธิบายจนกว่าเราจะเข้าใจจริงๆ และเป็นยังงี้ในทุกๆนัด เช่นกันกับคุณหมอวิสัญญีท่านนี้ คือคุณหมออธิบายอย่างละเอียด ว่าวันนี้หมอจะวางยาเราด้วยวิธีดมยานะครับ และจะให้ยาชาทางเส้นเลือดในเวลาเดียวกัน เราจะค่อยๆหลับไปนะ ถ้ารู้สึกว่าอยากหลับก็หลับเลยนะครับไม่ต้องฝืนนะ เสร็จหมอก็เอาเหมือนท่อ อ๊อกซิเจน มาใกล้ๆจมูกและบอกว่า หมอจะให้ดมยาแล้วนะ ไม่ถึง 5 วินาทีเราก็หลับไป บอกก่อนว่าช่วงวินาทีก่อนหลับ เราจะรู้สึกหูอื้อๆ ตาจะหนักๆ แล้วตัวชา เพราะยาชาที่ฉีดไปพร้อมๆกันมั้ง
11:30 เราก็เริ่มรู้สึกตัวค่ะ แต่ยังเบลอๆ มึนๆ เพราะฤทธิ์ยาสลบ และยาชา แต่แล้ว เราก็ปวดปัสวะขึ้นมา ถึงสติจะไม่ครบ แต่ประโยคที่หมอบอกก่อนสลบ ยังก้องอยู่ในหัวคือ ถ้าไม่ปัสวะเองใน 6 ชม. หมอจะสวนนะ แล้วเคยได้ยินมาว่าการสวนปัสวะเจ็บมาก ทรมานมาก ก็เลยยกมือขึ้นแบบสลึมสลือ แล้วก็บอกพยาบาลว่า ปวดปัสวะมากเลยค่ะ พยาบาลในห้องพักฟื้นก็ เอากระโถนสีฟ้าๆ เป็นย่างมาให้ แล้วก็ช่วยพยุงเราจนในที่สุดก็ เสร็จสิ้นภาระกิจแรกคร้าาาา ปัสวะแล้ว รอดไปนึง ไม่ต้องสวน
13:00 เริ่มฟื้นตัวมากขึ้น พยาบาลก็พาเรากลับมาที่ห้องพักค่ะ ลืมบอกว่าตื่นมาก็ รู้สึก ตึงๆ ที่แผลนะ แต่ไม่ได้เจ็บมากจะเป็นจะตาย ถามว่าเจ็บไหม มันก็ต้องเจ็บบ้างเพราะพึ่งผ่ามา แต่ถามว่าขนานทนไม่ได้ ก็ไม่ใช่นะ คือเอาจริงๆ เจ็บแต่ไม่ต้องร้องขอ ยาแก้ปวด หรือ ทุกข์ทรมานขนานนั้น เจ็บพอๆ กับตอนก่อนผ่า ของเรานะ พอมาถึงห้องพัก พยาบาลไม่ให้เราลุกเองนะคะ เค้าจะให้ใช้ Plate ที่เป็น แผ่น พลาสติก ย้ายเรามาที่เตียงคนไข้ในห้อง เอาจริงๆ อยากบอกพยาบาลว่าเราโอเคมาก ไหวนะ ลุกย้ายเองได้ สบายมาก แต่เค้ากลัวล้มเพราะยาฤทธิ์ยาสลบมั้ง พอมาอยู่บนเตียงคนไข้ เรียบร้อย พยาบาลก็ถามว่าปวดแผลมากไหม เราก็ตอบว่าแผลอะไม่มากคะ ทนได้ แต่ศรีษะยังปวดอยู่เลยจากไมเกรน พยาบาลเลยไปคุยกับคุณหมอ และกลับมาบอกว่า คุณหมอจะให้ฉีดยาแก้ปวดศรีษะให้นะคะ ยาจะช่วยลดปวดแผลไปด้วย สรุปไมเกรนทรมานกว่าเอาจริงๆ ฮ่าๆ เราไม่ได้ โฟกัสแผลเลย ทรมานไมเกรนมากกว่า สักพักเราก็หลับไป
14:30 ตื่นขึ้นมาพร้อมความปวดปัสวะอีกครั้ง เพราะได้น้ำเกลือเยอะมั้ง ก็เลยบอกคุณแม่ที่มาเฝ้าว่าอยากเข้าห้องน้ำ คือบอกก่อนว่าถ้าวางยาสลบออกมาจากห้องพักฟื้นแล้ว ช่วงแรกเค้าจะใส่เครื่องวัดความดันทิ้งไว้ และตั้งให้ วัด Auto ทุก 15 นาที จนกว่าความดันคนไข้จะขึ้นมาปกติค่ะ ดังนั้นถ้าจะเข้าห้องน้ำ จะต้องแจ้งพยาบาลเพื่อช่วยหยุดเครื่อง ก็บอกพี่พยาบาลแล้วเค้าก็มาถอดให้ เราก็ลงจากเตียงโดยมีพี่พยาบาลช่วยพยุงพาไปห้องน้ำ จะบอกว่าผ่ามาแค่ไม่กี่ ชม. เราเดินเองได้เลยนะ ไม่เจ็บขนานนั้นเห็นไหมๆ หลังจากนั้นก็นอนยาวๆ ไปค่ะ เพราะยังง่วงๆ งงๆ บ้างจากยาสลบ
แต่สิ่งที่ทำให้เรารู้สึก อัศจรรย์มาก คือผ้าอนามัยที่คุณหมอเปลี่ยนมาให้ค่ะ เพื่อใช้ซับเลือดและน้ำเหลืองที่ซึมจากแผล บวกกับประจำเดือนประปรายในวันท้ายๆของเรา มันเป็นแบบ ขี่ม้า ฮ่าๆ แบบที่คนสมัยก่อนใช้ คือแม่เราเคยเล่าให้ฟังอะนะ ถ่ายรูปมาฝาก ภาพถ่ายเราบ้านๆนะ ไม่ได้แต่งให้สวย
17:00 พยาบาลเอายาทานตอนเย็นมาให้ค่ะ จะมี ไฟเบอร์ที่เป็นผงต้องชงกินกับน้ำ MUCillin ยาฆ่าเชื้อ Augmentin และ ยาแก้ปวด UltraCET เราต้องใช้ตัว UltraCET เพราะเราแพ้ Ibuprofen ค่ะ ซึ่งถ้าเป็นคนอื่นอาจจะไม่ได้รับยาตัวนี้ อาจจะดีกว่า เพราะ UltraCET มีผลข้างเคียงคือทำให้มึนๆ และคลื่นไส้ค่ะ คุณแม่เลยเรียกให้ลุกมาทานอาหาร และทานยา มื้อแรกก็แน่นอนค่ะ ทานอ่อนๆ งดเนื้อสัตว์ไป จำได้ว่าสั่งโจ๊กหมูมา แต่ไม่ได้ทานหมู ฮ่าๆ ทานโจ๊กกับไข่ไปได้ สามสี่คำ ก็ไม่อยากแล้วค่ะ เพราะยังมึนๆ อยู่ด้วย และต้องบอกว่า อาหาร รพ. ก็ไม่ได้อร่อยมาก เพราะเค้าทำให้ดีต่อสุขภาพ รสชาติจะจืดมาก แต่ดีกับแผลค่ะ
17:30 พยาบาลเข้ามาถามว่าจะเช็ดตัว หรือ อาบน้ำคะ ก็เลือกที่จะอาบน้ำค่ะ และยื่นยันกับพยาบาลว่า หนูโอเคค่ะ หนูจะอาบน้ำเอง และก็ลุกเดินไป ยืนอาบน้ำอุ่นอย่างสบายใจ เปลี่ยนชุดคนไข้ใส่เอง เดินหน้าตาแป๋นแล๋นออกมาเอง เห็นไหมใครบอกผ่าริดซี่ แล้วทรมาน ไม่เลย บอกเลย เบเบ มากกกกกกก แต่นั้งรำบากจริง อันนี้ยอมรับ แต่เดิน ยืน นอนตะแคง กับคว่ำ นี้ชิลว์ๆ
21:30 พยาบาลสุดสวยเดินเข้ามาพร้อมยาน้ำสีขาวๆ กลิ่นมิ้นๆค่ะ เป็นยาระบาย ทำให้เรารู้ทันทีว่าพรุ่งนี้เราจะต้องเจอกับอะไร ยาตัวนี้มีชื่อว่า Milk of Megnesia ก็กระดกยกซดไปค่ะ ที่ปริมาน 30 cc แล้วก็นอนต่อ
วันแรกไม่มีอะไรมากค่ะ ผ่านไปได้แบบไม่รำบากมากส่วนใหญ่จะหลับค่ะ ตื่นน้อยมาก และเน้นว่าเจ็บแผลน้อยมาก เราว่าเราหลับแถบจะตลอดก็ว่าได้ จะตื่นเวลาพยาบาลเข้ามาวัดไข้วัดความดัน ซึ่งค่อนข้างบ่อยค่ะ
เดียวมาต่อวันสองค่ะ อีกด่านที่ทุกคนสงสัยคือ การถ่ายครั้งแรก!
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
[CR] ผ่าตัดริดซี่ ไม่เจ็บอย่างที่คิดนะ!
บอกก่อนว่าเราเขียนภาษาไทยไม่เก่งมาก อาจจะมีสะกดผิดบ้าง ใช้คำไม่ถูกบ้างให้อภัยกันนะคะ
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บทที่ 1 : ที่มา ที่ไป ทำไมต้องผ่า
เราอายุ 29 ปีคะ จะ 30 ปีนี้ ช่วงปลายปี เป็นคนที่ท้องผูกต้องแต่เด็กๆ เรียกว่ามีปัญหาเรื่องการขับถ่ายมาตลอด (เพราะทานน้ำน้อยคะ เป็นนิสัยที่ไม่ดี และยังแก้ไม่หาย) แต่ก็ไม่เคยต้องรักษาอะไร จนพออายุมากขึ้นก็เริ่มมีอาการ ถ่ายเป็นเลือดสด ก็ไปหาหมอ หมอก็บอกว่า อุจระแข็ง เวลาถ่ายเลยทำให้เป็นแผล ซึ่งอันนี้หลายปีก่อนนะคะ ไม่ได้ให้ทำอะไร ก็ให้ยามาทา ก็หายไป แต่ก็จะเป็นๆหายๆ และไม่เคยเป็นจน เจ็บแบบในโฆษณานะคะ คือจะเจ็บเวลาถ่ายเท่านั้นคะ จนเมื่อวันที่ 12 เมษายน 2017 ที่ผ่านมา ก็ถ่ายปกติ แข็งเหมือนทุกครั้ง คราวนี้เลือดออกอีก ก็ไม่ได้อะไร เพราะชิน จนไปนอน และตื่นเช้ามา คราวนี้บอกเลยเจ็บมากๆ ปวดมาก ทำอะไรก็ปวดนั้งก็ไม่ได้ เลยตัดสินใจไปหาคุณหมอที่ รพ. สมิติเวช สุขุมวิท ค่ะ บอกก่อนว่าเราหาที่นี่มาต้องแต่เด็ก คือชินกับ รพ.นี้มาก แถบจะไม่เคยใช้บริการที่อื่นเลย คุณหมอเป็นผู้หญิงค่ะ ท่านก็ตรวจตามขั้นตอน และสรุปว่า มันบวมมากนะ ผ่าดีกว่านะ จะได้ไม่ต้องเจ็บอีก ด้วยความที่ตอนนั้นเจ็บมาก ไม่ทนแล้วเลยบอกโอเคค่ะ แล้วก็นัดวันรุ่งขึ้นเลย คือผ่าสงกรานต์พอดี
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บทที่ 2 : ขั้นตอนการรักษา
ที่เราตัดสินใจผ่าทันที เพราะจะต้องมีเดินทางไปต่างประเทศช่วงสิ้นเดือน อยากให้หายก่อน และพอดีคุณหมอผู้น่ารักก็มีคิวว่างสงกรานต์ ก็จัดเลยถือว่าไม่ต้องกังวลอะไรด้วย ก็นอนพักยาวๆไป เราก็แจ้งรพ. ข้อมูลประกันทั้งหมดที่มี ไม่ถึง 3 ชม. รพ.ก็ ประเมินราคา ส่งเรื่องให้ประกันเรียบร้อย และโทรมาแจ้งเราค่ะ ก็สรุปนัดผ่าเป็น 13 เมษายน 2017 ตอน 10:00น. โดยที่ รพ. นัดให้ไปถึง รพ. 7:00น. เราเลือกว่างยาสลบนะคะ
12 เมษา '17
00:00 งดน้ำ งดอาหาร
13 เมษา '17
7:00 ถึง ที่ รพ. ก็เดินไปติดต่อที่ เคาน์เตอร์ 5 มี พยาบาลคนสวยนั้งอยู่ 1 คน ดูง่วงๆ เล็กน้อย ฮ่าๆ พยาบาล ก็นำเอกสารทั้งหมดมาให้เซ็นค่ะ ทั้งขั้นตอนการรักษา และเอกสารประกันต่างๆ เสร็จปุ๊บ ก็ทำการชั่งน้ำหนัก วัดความดัน วัดไข้ แล้วก็ส่งไป x-ray ปอด กับเจาะเลือด (อันนี้คือจุดที่เราติด รพ. นี้เลยนะ คือ พยาบาลที่นี่ เจาะเลือดเก่งมาก คือไม่เจ็บ และจะครั้งเดียวได้เสมอ ทั้งๆ ที่เส้นเราเจาะยาก เพราะเคยปวดไมเกรนมาก แล้วรีบไป รพ. ใกล้บ้าน เป็นช่วงกลางดึก คือ รพ. นั้นเจาะเรา 7 รอบไม่ได้ จนเลือดไหลอาบมือ พี่สาวเราเห็นทนไม่ได้เอาเราออกแล้วกลับไป สมิติเวช เหมือนเดิม ฮ่าๆ)
8:00 แผนกที่ดูเรื่อง ห้องพักก็เดินมา สอบถามว่าเราจะพักห้องแบบไหน ซึ่งเรามาที่นี่ประจำ ดังนั้นจะมีประวัติอยู่ (งาน CRM เขาดีอยู่) แผนกห้องพักก็ถามว่าจะเอาห้องเดิมที่เคยพักไหมคะ หรือจะเปลี่ยนเป็นห้องแบบอื่นได้ เอาเป็นว่า รพ. นี้มีชนิดห้องหลากหลายมาก ห้องที่เรานอน คือ Superior Intelligent
8:10 จนท. ก็พามารอที่ ห้องพัก ก่อนผ่าตัดตอน 10:00 ที่นี้ระหว่างรอ บอกเลยว่า เครียดมาก นั้งอ่านแต่รีวิว ผ่าริดซี่ในพันทิปและเว็บต่างๆ วนไปค่ะ คือที่เจอ 98% บอกเจ็บมาก ยอมรับว่าเครียดเลย กลัวมากจนแบบเป็นไมเกรน ก่อนเข้าห้องผ่าแบบปวดหัวมากจน อาเจียนเลย เพราะอ่านเยอะแล้วเครียดมาก ก็นอนรอป่วยๆ ไป จนพยาบาลถามว่าจะเลื่อนผ่าไหม ไหวไหม เราบอกไม่เลื่อนค่ะ แปบเดียวก็ให้ยาสลบละน่าจะดีขึ้น เพราะเป็นไมเกรนเป็นปกติ แล้วหมอสั่งงดน้ำ และอาหารทุกชนิดเลย กินยาแก้ปวดไม่ได้ พยาบาลก็มาเจาะเลือดที่ปลายนิ้ววัดระดับน้ำตาล เพราะคิดว่าที่ปวดหัว อาจจะเพราะอดอาหาร อดน้ำ ทำให้น้ำตาลตก แต่วัดมาก็ปกติ แล้วพยาบาลก็เจาะเข็มน้ำเกลือให้ ต้องบอกว่าเราเป็นประจำเดือนวันสุดท้ายด้วย เลยอาจจะทำให้เป็นไมเกรน ของเราคุณหมอไม่ได้ล้างท้องนะคะ
9:50 พนักงานก็เข็นเตียงมารับ เพื่อพาเราไปยังห้องผ่าตัด ซึ่งตอนนั้นปวดหัวมาก หลับตาตลอดไม่รู้ยังไง แต่รู้ตัวอีกทีก็ถึงห้องผ่าตัดละ แล้วเตียงที่เข็นมาก็ถูกมาจอดขนานกับเตียงผ่าตัด แต่เราไม่ต้องย้ายเตียงเองนะ สักพักคุณหมอเราก็เดินเข้ามาแล้วบอกว่าเห็นบอกว่าปวดหัวมาก แต่ผลเลือดดีมากนะ ไม่อันตรายผ่าได้ เราไหวนะ เราบอกเราไหว แล้วคุณหมอก็อธิบายต่อว่า ถ้าเดี๋ยวผ่าเสร็จตื่นมาแล้ว ถ้าเราไม่สามารถปัสวะเองได้ เกิน 6 ชม. หมอจะต้องสวนปัสวะนะ แต่หมออยากให้เราพยายามปัสวะเองให้ได้ดีกว่า เราก็โอเคคะเข้าใจ เพราะทราบในเงื่อนไขนี้ดี จากการอ่านเรื่องของคนอื่นมาเยอะมาก
10:00 วิสัญญีแพทย์ก็เข้ามาทักทาย แล้วก็ถามเราอีกรอบว่า เห็นมึนหัวมาก มีคลื่นไส้อาเจียนด้วย จะเปลี่ยนใจเป็น บล้อคหลังแทนก็ได้นะไม่ต้องวางยาสลบ เราก็ยังติดตลก บอกหมอว่าอันนั้นหน้าจะเครียดหนักกว่าเดิมยิ่งปวดหัวเข้าไปใหญ่ ให้หนูหลับไปเลยดีกว่าค่ะ ฮ่าๆ หมอบอกโอเค คือเราชอบ รพ.นี้มากตรง คุณหมอที่นี่ทุกคนใส่ใจในการรักษามาก แบบคุณหมอจะอธิบายรายละเอียดอาการป่วย และวิธีรักษาอย่างละเอียดมาก คือบอกเลยว่าแถบทุกท่านเป็นยังงี้หมด ถ้ารักษาปกติ จะมีการดึง ภาพประกอบชี้ อธิบายจนกว่าเราจะเข้าใจจริงๆ และเป็นยังงี้ในทุกๆนัด เช่นกันกับคุณหมอวิสัญญีท่านนี้ คือคุณหมออธิบายอย่างละเอียด ว่าวันนี้หมอจะวางยาเราด้วยวิธีดมยานะครับ และจะให้ยาชาทางเส้นเลือดในเวลาเดียวกัน เราจะค่อยๆหลับไปนะ ถ้ารู้สึกว่าอยากหลับก็หลับเลยนะครับไม่ต้องฝืนนะ เสร็จหมอก็เอาเหมือนท่อ อ๊อกซิเจน มาใกล้ๆจมูกและบอกว่า หมอจะให้ดมยาแล้วนะ ไม่ถึง 5 วินาทีเราก็หลับไป บอกก่อนว่าช่วงวินาทีก่อนหลับ เราจะรู้สึกหูอื้อๆ ตาจะหนักๆ แล้วตัวชา เพราะยาชาที่ฉีดไปพร้อมๆกันมั้ง
11:30 เราก็เริ่มรู้สึกตัวค่ะ แต่ยังเบลอๆ มึนๆ เพราะฤทธิ์ยาสลบ และยาชา แต่แล้ว เราก็ปวดปัสวะขึ้นมา ถึงสติจะไม่ครบ แต่ประโยคที่หมอบอกก่อนสลบ ยังก้องอยู่ในหัวคือ ถ้าไม่ปัสวะเองใน 6 ชม. หมอจะสวนนะ แล้วเคยได้ยินมาว่าการสวนปัสวะเจ็บมาก ทรมานมาก ก็เลยยกมือขึ้นแบบสลึมสลือ แล้วก็บอกพยาบาลว่า ปวดปัสวะมากเลยค่ะ พยาบาลในห้องพักฟื้นก็ เอากระโถนสีฟ้าๆ เป็นย่างมาให้ แล้วก็ช่วยพยุงเราจนในที่สุดก็ เสร็จสิ้นภาระกิจแรกคร้าาาา ปัสวะแล้ว รอดไปนึง ไม่ต้องสวน
13:00 เริ่มฟื้นตัวมากขึ้น พยาบาลก็พาเรากลับมาที่ห้องพักค่ะ ลืมบอกว่าตื่นมาก็ รู้สึก ตึงๆ ที่แผลนะ แต่ไม่ได้เจ็บมากจะเป็นจะตาย ถามว่าเจ็บไหม มันก็ต้องเจ็บบ้างเพราะพึ่งผ่ามา แต่ถามว่าขนานทนไม่ได้ ก็ไม่ใช่นะ คือเอาจริงๆ เจ็บแต่ไม่ต้องร้องขอ ยาแก้ปวด หรือ ทุกข์ทรมานขนานนั้น เจ็บพอๆ กับตอนก่อนผ่า ของเรานะ พอมาถึงห้องพัก พยาบาลไม่ให้เราลุกเองนะคะ เค้าจะให้ใช้ Plate ที่เป็น แผ่น พลาสติก ย้ายเรามาที่เตียงคนไข้ในห้อง เอาจริงๆ อยากบอกพยาบาลว่าเราโอเคมาก ไหวนะ ลุกย้ายเองได้ สบายมาก แต่เค้ากลัวล้มเพราะยาฤทธิ์ยาสลบมั้ง พอมาอยู่บนเตียงคนไข้ เรียบร้อย พยาบาลก็ถามว่าปวดแผลมากไหม เราก็ตอบว่าแผลอะไม่มากคะ ทนได้ แต่ศรีษะยังปวดอยู่เลยจากไมเกรน พยาบาลเลยไปคุยกับคุณหมอ และกลับมาบอกว่า คุณหมอจะให้ฉีดยาแก้ปวดศรีษะให้นะคะ ยาจะช่วยลดปวดแผลไปด้วย สรุปไมเกรนทรมานกว่าเอาจริงๆ ฮ่าๆ เราไม่ได้ โฟกัสแผลเลย ทรมานไมเกรนมากกว่า สักพักเราก็หลับไป
14:30 ตื่นขึ้นมาพร้อมความปวดปัสวะอีกครั้ง เพราะได้น้ำเกลือเยอะมั้ง ก็เลยบอกคุณแม่ที่มาเฝ้าว่าอยากเข้าห้องน้ำ คือบอกก่อนว่าถ้าวางยาสลบออกมาจากห้องพักฟื้นแล้ว ช่วงแรกเค้าจะใส่เครื่องวัดความดันทิ้งไว้ และตั้งให้ วัด Auto ทุก 15 นาที จนกว่าความดันคนไข้จะขึ้นมาปกติค่ะ ดังนั้นถ้าจะเข้าห้องน้ำ จะต้องแจ้งพยาบาลเพื่อช่วยหยุดเครื่อง ก็บอกพี่พยาบาลแล้วเค้าก็มาถอดให้ เราก็ลงจากเตียงโดยมีพี่พยาบาลช่วยพยุงพาไปห้องน้ำ จะบอกว่าผ่ามาแค่ไม่กี่ ชม. เราเดินเองได้เลยนะ ไม่เจ็บขนานนั้นเห็นไหมๆ หลังจากนั้นก็นอนยาวๆ ไปค่ะ เพราะยังง่วงๆ งงๆ บ้างจากยาสลบ
แต่สิ่งที่ทำให้เรารู้สึก อัศจรรย์มาก คือผ้าอนามัยที่คุณหมอเปลี่ยนมาให้ค่ะ เพื่อใช้ซับเลือดและน้ำเหลืองที่ซึมจากแผล บวกกับประจำเดือนประปรายในวันท้ายๆของเรา มันเป็นแบบ ขี่ม้า ฮ่าๆ แบบที่คนสมัยก่อนใช้ คือแม่เราเคยเล่าให้ฟังอะนะ ถ่ายรูปมาฝาก ภาพถ่ายเราบ้านๆนะ ไม่ได้แต่งให้สวย
17:00 พยาบาลเอายาทานตอนเย็นมาให้ค่ะ จะมี ไฟเบอร์ที่เป็นผงต้องชงกินกับน้ำ MUCillin ยาฆ่าเชื้อ Augmentin และ ยาแก้ปวด UltraCET เราต้องใช้ตัว UltraCET เพราะเราแพ้ Ibuprofen ค่ะ ซึ่งถ้าเป็นคนอื่นอาจจะไม่ได้รับยาตัวนี้ อาจจะดีกว่า เพราะ UltraCET มีผลข้างเคียงคือทำให้มึนๆ และคลื่นไส้ค่ะ คุณแม่เลยเรียกให้ลุกมาทานอาหาร และทานยา มื้อแรกก็แน่นอนค่ะ ทานอ่อนๆ งดเนื้อสัตว์ไป จำได้ว่าสั่งโจ๊กหมูมา แต่ไม่ได้ทานหมู ฮ่าๆ ทานโจ๊กกับไข่ไปได้ สามสี่คำ ก็ไม่อยากแล้วค่ะ เพราะยังมึนๆ อยู่ด้วย และต้องบอกว่า อาหาร รพ. ก็ไม่ได้อร่อยมาก เพราะเค้าทำให้ดีต่อสุขภาพ รสชาติจะจืดมาก แต่ดีกับแผลค่ะ
17:30 พยาบาลเข้ามาถามว่าจะเช็ดตัว หรือ อาบน้ำคะ ก็เลือกที่จะอาบน้ำค่ะ และยื่นยันกับพยาบาลว่า หนูโอเคค่ะ หนูจะอาบน้ำเอง และก็ลุกเดินไป ยืนอาบน้ำอุ่นอย่างสบายใจ เปลี่ยนชุดคนไข้ใส่เอง เดินหน้าตาแป๋นแล๋นออกมาเอง เห็นไหมใครบอกผ่าริดซี่ แล้วทรมาน ไม่เลย บอกเลย เบเบ มากกกกกกก แต่นั้งรำบากจริง อันนี้ยอมรับ แต่เดิน ยืน นอนตะแคง กับคว่ำ นี้ชิลว์ๆ
21:30 พยาบาลสุดสวยเดินเข้ามาพร้อมยาน้ำสีขาวๆ กลิ่นมิ้นๆค่ะ เป็นยาระบาย ทำให้เรารู้ทันทีว่าพรุ่งนี้เราจะต้องเจอกับอะไร ยาตัวนี้มีชื่อว่า Milk of Megnesia ก็กระดกยกซดไปค่ะ ที่ปริมาน 30 cc แล้วก็นอนต่อ
วันแรกไม่มีอะไรมากค่ะ ผ่านไปได้แบบไม่รำบากมากส่วนใหญ่จะหลับค่ะ ตื่นน้อยมาก และเน้นว่าเจ็บแผลน้อยมาก เราว่าเราหลับแถบจะตลอดก็ว่าได้ จะตื่นเวลาพยาบาลเข้ามาวัดไข้วัดความดัน ซึ่งค่อนข้างบ่อยค่ะ
เดียวมาต่อวันสองค่ะ อีกด่านที่ทุกคนสงสัยคือ การถ่ายครั้งแรก!
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น